บำรุงสายตา อย่างไรให้สดใสและสุขภาพดี

บำรุงสายตา

บำรุงสายตา เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ เพราะสายตาเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัส ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ การมองเห็นช่วยให้เรารับรู้ และเชื่อมโยงกับสิ่งรอบตัวในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ การทำงาน หรือการพักผ่อน แต่ในยุคดิจิทัล ที่เต็มไปด้วยการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

ดวงตากลายเป็นอวัยวะที่ต้องเผชิญกับความเครียดมากขึ้น การดูแลและบำรุงสายตาให้แข็งแรง จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บทความนี้จะพาสำรวจวิธีการบำรุงสายตาอย่างครบถ้วน ตั้งแต่การรับประทานอาหารที่เหมาะสม ไปจนถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และปกป้องดวงตา

การถนอมสายตามีวิธีอะไรบ้าง

  • พักสายตาเป็นระยะ ใช้กฎ 20-20-20: ทุก 20 นาที ให้มองไปที่วัตถุระยะไกล (ประมาณ 20 ฟุต) นาน 20 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อตาผ่อนคลาย จากการใช้งานระยะใกล้
  • ปรับแสงสว่างให้เหมาะสม ใช้แสงสว่างที่พอเหมาะ สำหรับการอ่านหนังสือหรือทำงาน หลีกเลี่ยงแสงจ้าเกินไป หรือการทำงานในที่แสงน้อย
  • ใส่แว่นกันแดด เพื่อป้องกันดวงตาจากรังสี UV ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อมในระยะยาว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดวงตา ลดความเสี่ยงของอาการตาแห้ง
  • กะพริบตาบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือ Smartphone เพื่อป้องกันอาการตาแห้ง และลดการระคายเคือง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่มีสารอาหารสำคัญต่อดวงตา เช่นลูทีน, ซีแซนทีน, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี, โอเมก้า-3 พบได้ในผักใบเขียว ผลไม้ และปลาทะเล
  • ปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม จัดตำแหน่งหน้าจอ ให้ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย และรักษาระยะห่างจากหน้าจอประมาณ 20-24 นิ้ว
  • ออกกำลังกายสายตา เช่นการกลอกตาไปมา มองไกลและมองใกล้สลับกัน เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตา
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอ ช่วยให้ดวงตาได้รับการพักฟื้น และลดอาการล้าจากการใช้งานหนัก
  • ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ ควรตรวจสุขภาพตาปีละ 1 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่นต้อหิน ต้อกระจก หรือจอประสาทตาเสื่อม

ที่มา: 10 วิธี ดูแลสายตาให้ดี [1]

 

แนะนำอาหารเสริมที่ช่วย บำรุงสายตา

อาหารเสริมบำรุงสายตาที่ได้ความนิยมส่วนใหญ่ จะมีส่วนผสมของ ลูทีน, ซีแซนทีน, วิตามินเอ, เบต้าแคโรทีน, สารสกัดบิลเบอร์รี่, และทอรีน มีคุณสมบัติที่ช่วยดูแลสุขภาพดวงตาในด้านต่างๆ ดังนี้

  • ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญสำหรับดวงตา ช่วยปกป้องจอประสาทตาจากแสงสีฟ้าและแสง UV ลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD) และต้อกระจก
  • วิตามินเอ (Vitamin A) ช่วยเสริมสร้างการมองเห็นในที่แสงน้อย ลดความเสี่ยงของอาการตาแห้ง และป้องกันโรคตาบอดกลางคืน
  • เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) สารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยเสริมสุขภาพของจอประสาทตา มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายของเซลล์ในดวงตา
  • สารสกัดบิลเบอร์รี่ (Bilberry Extract) อุดมไปด้วยแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ที่ช่วยปกป้องหลอดเลือดฝอยในดวงตา ลดอาการตาล้า และช่วยปรับการมองเห็นในที่มืด
  • ทอรีน (Taurine) กรดอะมิโนที่ช่วยป้องกันเซลล์ประสาทตาจากความเสียหาย ช่วยลดอาการตาแห้งและเสริมสุขภาพของเรตินา

ผลไม้อะไรช่วยในการ บำรุงสายตา

ผลไม้ที่ช่วย บำรุงสายตา ไม่ได้มีแค่รสชาติที่อร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหาร ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพดวงตาและลดความเสี่ยง ของปัญหาสายตาในระยะยาว ดังนี้

  • แครอท แครอทเป็นที่รู้จักดีว่าอุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ
  • ส้มและผลไม้ตระกูลส้ม ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่นส้ม มะนาว สตรอว์เบอร์รี ช่วยป้องกันการเสื่อมของเลนส์ตา
  • บลูเบอร์รีและผลไม้ตระกูลเบอร์รี บลูเบอร์รีอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแอนโทไซยานิน
  • มะม่วงและมะละกอ ผลไม้เหล่านี้มีปริมาณ วิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยเสริมสร้างการมองเห็นในที่แสงน้อย
  • กีวี เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี และสารลูทีน
  • อะโวคาโด มีไขมันดีและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นลูทีนและซีแซนทีน
  • แตงโม มีไลโคปีน (Lycopene) ที่ช่วยปกป้องดวงตาจากการถูกทำลายโดยแสงแดด
  • มะเขือเทศ อุดมไปด้วยไลโคปีนและวิตามินเอ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของดวงตา

ที่มา: อาหารบำรุงสายตา [2]

ควรพักสายตาทุกกี่ชั่วโมง

  • กฎ 20-20-20 กฎนี้ได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันอาการล้าของสายตา ทุกๆ 20 นาทีที่ใช้สายตาอย่างต่อเนื่อง ให้พักโดยมองไปที่วัตถุในระยะไกลประมาณ 20 ฟุต (6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที ช่วยให้กล้ามเนื้อตาคลายตัว และลดความตึงเครียด ที่เกิดจากการจ้องระยะใกล้เป็นเวลานาน
  • หยุดพักระยะยาว สำหรับการทำงานต่อเนื่อง เช่นการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ 2-3 ชั่วโมง ควรหยุดพักสายตาประมาณ 5-10 นาที ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินออกไปมองต้นไม้ หรือมองธรรมชาติ หลับตาเบาๆ เพื่อให้ดวงตาได้พักผ่อน
  • กะพริบตาให้ถี่ขึ้น การจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน อาจทำให้อัตราการกะพริบตาลดลง ส่งผลให้ดวงตาแห้ง ควรกะพริบตาให้ถี่ขึ้น หรือใช้น้ำตาเทียมหากจำเป็น
  • ปรับแสงหน้าจอ ลดความสว่างหน้าจอ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ให้แสงจ้าเกินไป เปิดไฟในห้องเพื่อหลีกเลี่ยงความเปรียบต่าง ของแสงที่รบกวนสายตา
  • ใช้อุปกรณ์เสริม ช่วยบรรเทาอาการ ใช้แผ่นกรองแสงสีฟ้า หรือแว่นตากรองแสงสีฟ้า เพื่อลดผลกระทบจากแสงสีฟ้า
  • ปรับตำแหน่งหน้าจอให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 10-20 องศา เพื่อช่วยลดอาการล้ากล้ามเนื้อตา

ที่มา: อันตราย ใช้สายตาในที่มืด [3]

 

เครื่องดื่มอะไรที่ช่วย บำรุงสายตา

บำรุงสายตา

เครื่องดื่มที่ช่วย บำรุงสายตา มีดังนี้

  • น้ำแครอท อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยบำรุงจอประสาทตา และเสริมการมองเห็นในที่แสงน้อย
  • น้ำส้ม มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันการเสื่อมของเลนส์ตา และลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจก
  • น้ำบีทรูท มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์ดวงตา และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังดวงตา
    น้ำใบเตย ช่วยลดอาการตาล้า และเสริมความชุ่มชื้นให้ดวงตา
  • น้ำมะเขือเทศ อุดมด้วยไลโคปีน วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด และลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อม
  • น้ำบลูเบอร์รีหรือ Smoothies ผลไม้เบอร์รี มีสารแอนโทไซยานิน ช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือดในดวงตา และลดอาการตาล้า
  • น้ำ mulberry ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และบำรุงสุขภาพของเรตินา
  • น้ำชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นคาเทชิน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกและต้อหิน

ใครที่ควรเริ่มต้น บำรุงสายตา

การบำรุงสายตาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน แต่มีบางกลุ่ม ที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาสายตา หรือใช้งานสายตามากกว่าปกติ ได้แก่

  • ผู้ที่ใช้สายตากับหน้าจอเป็นเวลานาน กลุ่มที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์
  • ผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น การเสื่อมของจอประสาทตา และเลนส์ตามักเกิดขึ้น
  • ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง โรคที่มีผลต่อดวงตา เช่นเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, และ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับปัญหาสายตา เช่นต้อหิน หรือ จอประสาทตาเสื่อม
  • ผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดและมลภาวะ เช่นผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง หรือนักกีฬา
  • ผู้ที่ใส่ contact lens เป็นประจำ อาจทำให้ดวงตาแห้ง
  • ผู้ที่มองเห็นไม่ชัดเจน หรือมีปัญหาสายตาอยู่แล้ว เช่นสายตาสั้น, สายตายาว, หรือ สายตาเอียง
  • นักเรียนและนักศึกษา ใช้สายตาในการอ่านหนังสือ หรือเรียนออนไลน์เป็นเวลานาน
  • ผู้ที่มีอาการตาแห้ง หรือระคายเคืองบ่อยครั้ง เกิดจากสภาพแวดล้อม เช่นห้องแอร์

สรุป บำรุงสายตา ไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มต้นดูแลง่ายๆ

บำรุงสายตา ไม่ใช่เรื่องยาก หากเราดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนสายตาอย่างเหมาะสม และใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเมื่อจำเป็น จะช่วยให้สายตาของเรายังคงแข็งแรง และใช้งานได้ดีไปอีกนาน การเริ่มต้นดูแลสุขภาพสายตาตั้งแต่วันนี้ จะช่วยป้องกันปัญหาในอนาคต

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง