รู้หรือไม่ ผักอะไรที่มี Vitamin A สูง แหล่งอาหาร

ผักอะไรที่มี Vitamin A สูง

ผักอะไรที่มี Vitamin A สูง เป็นคำถามที่หลายคน อาจไม่ได้นึกถึงบ่อยเท่ากับวิตามินซี หรือแร่ธาตุอื่นๆ แต่ความจริงแล้ว วิตามินเอกลับมีบทบาทสำคัญอย่างมาก การได้รับวิตามินเออย่างเพียงพอ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะจากแหล่งธรรมชาติอย่างผัก ซึ่งสามารถให้สารอาหาร ในรูปแบบที่ปลอดภัยดีกว่าเสริมจากวิตามินสังเคราะห์

  • วิตามินเอคืออะไร
  • ประโยชน์ของวิตามินเอ
  • ผักอะไรที่มีวิตามินเอสูง

วิตามินเอคืออะไร มีบทบาทอะไร?

วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการเจริญเติบโต การมองเห็น การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการบำรุงเนื้อเยื่อผิวหนัง โดยวิตามินเอ มีอยู่ในสองรูปแบบหลัก ได้แก่เรตินอยด์ (retinoids) ซึ่งพบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่นเรตินอลในตับ และไข่

และแคโรทีนอยด์ (carotenoids) เช่นเบต้าแคโรทีน ซึ่งพบในพืชสีส้ม แดง และผักใบเขียวเข้ม โดยร่างกายสามารถแปลงเบต้าแคโรทีน ให้เป็นวิตามินเอได้ตามต้องการ วิตามินเอมีบทบาทสำคัญ ต่อการสร้าง และรักษาเซลล์เยื่อบุผิวหนัง เยื่อบุในทางเดินหายใจ ลำไส้ และระบบทางเดินปัสสาวะ

นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้อง กับการสร้างโปรตีนโรดอปซิน (rhodopsin) ซึ่งจำเป็นต่อการมองเห็น ในที่แสงน้อย วิตามินเอจากพืช ในรูปของเบต้าแคโรทีน มักไม่ก่อให้เกิดพิษ แม้จะบริโภคในปริมาณมาก ร่างกายจะเปลี่ยนเฉพาะส่วนที่ต้องการเท่านั้น ทำให้แหล่งพืช เป็นทางเลือกวิตามินเอที่ปลอดภัย (16 กรกฎาคม 2025) [1]

วิตามินเอมีประโยชน์ ต่อสุขภาพยังไง?

  • ช่วยในการมองเห็น วิตามินเอมีบทบาทสำคัญ ในกระบวนการมองเห็น โดยเฉพาะในที่แสงน้อย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการสร้าง Rhodopsin ซึ่งเป็นโปรตีน ที่อยู่ในเรตินาของตา การขาดวิตามินเอ จะทำให้เกิดอาการตาบอดกลางคืน และในระยะยาว อาจนำไปสู่ภาวะตาบอดถาวรได้
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินเอช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของเซลล์เม็ดเลือดขาว และส่งเสริมการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน ให้สามารถต่อต้านเชื้อโรค เช่นไวรัส และแบคทีเรียได้ดีขึ้น การขาดวิตามินเอ จะทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
  • บำรุงผิวหนัง และเยื่อเมือก วิตามินเอช่วยดูแลผิวพรรณให้แข็งแรง และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ผิวหนังที่เสียหาย รวมถึงเยื่อบุทางเดินหายใจ ลำไส้ และทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นด่านสำคัญ ในการป้องกันเชื้อโรค เข้าสู่ร่างกาย
  • สนับสนุนการเจริญเติบโต และพัฒนาการ ในวัยเด็ก วิตามินเอมีบทบาท ต่อการพัฒนาของร่างกาย เช่นกระดูก ฟัน และเนื้อเยื่อ ในผู้ใหญ่ยังเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ และการทำงาน ของอวัยวะต่างๆ ให้เป็นไปตามปกติ
  • มีบทบาทในระบบสืบพันธุ์ วิตามินเอจำเป็นต่อกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ทั้งในชายและหญิง และมีส่วนสำคัญ ในการพัฒนาทารกในครรภ์ จึงเป็นวิตามินที่สำคัญ ในช่วงตั้งครรภ์

ความต้องการวิตามินเอต่อวันเท่าไหร่?

วิตามินเอความต้องการในแต่ละวัน สำหรับผู้ใหญ่คือประมาณ 900 ไมโครกรัม (mcg RAE) สำหรับผู้ชาย และ 700 ไมโครกรัม (mcg RAE) สำหรับผู้หญิง และในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ แนะนำประมาณ 770 mcg RAE ต่อวัน และหญิงให้นมบุตร อาจต้องการถึง 1,200–1,300 mcg RAE ต่อวัน

กลุ่มเด็กและวัยรุ่น ต้องการวิตามินเอ ในปริมาณที่แตกต่างกันตามวัย เช่น เด็ก 1–3 ปี ต้องการ 300 mcg RAE และเด็กวัยรุ่น 14–18 ปี สำหรับเพศหญิงคือประมาณ 700 mcg RAE

ส่วนปริมาณสูงสุดที่ยังปลอดภัย กำหนดว่า ผู้ใหญ่ไม่ควรได้รับวิตามินเอ ในรูปแบบ preformed vitamin A (เรตินอล) เกิน 3,000 mcg RAE ต่อวัน เนื่องจากอาจเกิดภาวะ hypervitaminosis A (17 เมษายน 2025) [2]

ผักอะไรบ้าง ที่มีวิตามินเอสูง?

ผักอะไรที่มี Vitamin A สูง
  • มันเทศ ให้วิตามินเอประมาณ 1,920 mcg RAE ต่อ 1 ถ้วย (200 กรัม) หรือประมาณ 213% ของค่าที่แนะนำต่อวัน
  • แครอท ให้วิตามินเอประมาณ 1,280 mcg RAE ต่อ 1 ถ้วย (155 กรัม) หรือประมาณ 142% ของ DV
  • ฟักทอง Butternut Squash ให้วิตามินเอประมาณ 1,140 mcg RAE ต่อ 1 ถ้วย (205 กรัม) หรือประมาณ 127% DV
  • ผักโขม ให้วิตามินเอประมาณ 943 mcg RAE ต่อ 1 ถ้วย (180 กรัม) หรือประมาณ 105% DV ใน 100 กรัม ผักโขมสด ให้วิตามินเอสูงกว่า 20% DV
  • Kale ให้ประมาณ 172 mcg RAE ต่อ 1 ถ้วย (118 กรัม) หรือ 19% DV เมื่อปรุงสุกใน 100 g ให้ประมาณ 245 mcg RAE
  • Collard Greens ให้วิตามินเอประมาณ 722 mcg RAE ต่อ 1 ถ้วย (190 กรัม) หรือประมาณ 80% DV
  • Turnip Greens ให้ประมาณ 549 mcg RAE ต่อ 1 ถ้วย (144 กรัม) หรือประมาณ 61% DV
  • พริกหวานแดง ให้วิตามินเอประมาณ 257 mcg RAE ต่อ 1 เม็ดใหญ่ (164 กรัม) หรือ 29% DV
  • Swiss chard ให้ประมาณ 536 mcg RAE ต่อ 1 ถ้วย (175 กรัม) หรือ 60% DV

ที่มา: 20 Foods High in Vitamin A (1 เมษายน 2024) [3]

วิธีปรุงผักให้ได้วิตามินเอสูงสุด

เนื่องจากวิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน การบริโภคผักที่มีวิตามินเอสูง จึงควรทานร่วมกับไขมันดี ในปริมาณเล็กน้อย เช่นน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันงา เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมเบต้าแคโรทีน และเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ การปรุงอาหารด้วยความร้อนที่พอเหมาะ จะช่วยให้โครงสร้างเซลล์ผัก แตกตัวเล็กน้อย ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรใช้ความร้อนสูง หรือปรุงนานเกินไป เพราะอาจทำลายเบต้าแคโรทีนบางส่วนได้

ตัวอย่างวิธีปรุงที่แนะนำ ได้แก่การผัดผักด้วยน้ำมันเพียงเล็กน้อย การนึ่งแทนการต้มในน้ำเดือด และการเติมไข่ หรือน้ำมันมะกอกลงในเมนูผัก เช่นฟักทองผัดไข่ หรือผัดคะน้าน้ำมันหอยเล็กน้อย เพื่อเพิ่มการดูดซึมวิตามินเออย่างปลอดภัย และได้ประโยชน์สูงสุด จากผักที่รับประทาน

ข้อควรระวัง เกี่ยวกับการทานวิตามินเอ

  • การสะสมในร่างกาย วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ร่างกายสามารถเก็บสะสมไว้ในตับได้ หากได้รับมากเกินความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ วิตามินเอจากสัตว์ หรืออาหารเสริม อาจนำไปสู่ ภาวะพิษจากวิตามินเอ
  • ความเสี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ การได้รับวิตามินเอในปริมาณสูง โดยเฉพาะจากอาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์ตับ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด ความผิดปกติของทารกในครรภ์ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้วิตามินเอสังเคราะห์ ในปริมาณสูง ระหว่างตั้งครรภ์ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
  • การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การใช้วิตามินเอ ในรูปแบบเสริมอาหาร ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว หรือรับประทานยา ที่อาจมีปฏิกิริยากับวิตามินเอ เช่นยาลดไขมันบางชนิด ยาขับปัสสาวะ หรือยาคุมกำเนิด
  • ปลอดภัยกว่าเมื่อได้จากพืช วิตามินเอในรูปแบบ เบต้าแคโรทีนจากพืช เช่นแครอท ฟักทอง ผักใบเขียวเข้ม เป็นรูปแบบที่ปลอดภัยกว่า เนื่องจากร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ตามความต้องการโดยไม่สะสมเกินขนาด

ผักอะไรที่มี Vitamin A สูง กับบทสรุป

ผักที่มีวิตามินเอสูง ไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ แต่ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และการเจริญเติบโตของร่างกาย การเลือกกินผักอย่างหลากหลาย เช่นแครอท ตำลึง ฟักทอง คะน้า และผักใบเขียวอื่นๆ จะช่วยให้ได้รับวิตามินเอจากธรรมชาติอย่างปลอดภัย ควรรับประทานร่วมกับไขมันดี เพื่อเพิ่มการดูดซึม

ถ้าร่างกายขาดวิตามินเอ จะเป็นยังไง?

หากร่างกายขาดวิตามินเอ จะส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เกิดภาวะตาบอดกลางคืน มองไม่ชัดในที่มืด และหากขาดรุนแรง อาจนำไปสู่ตาบอดถาวร ทำให้เยื่อบุผิวแห้ง ผิวหนังลอก ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ในระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร และในเด็ก อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต

ถ้าทานวิตามินเอมากเกิน จะเป็นยังไง?

หากรับประทานวิตามินเอมากเกินไป โดยเฉพาะในรูปแบบเรตินอล อาจเกิดภาวะพิษจากวิตามินเอ ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่นคลื่นไส้ ปวดหัว เวียนศีรษะ เบื่ออาหาร ผิวแห้ง ผมร่วง และในกรณีรุนแรงอาจส่งผลต่อตับ กระดูก หรือระบบประสาท ในหญิงตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยง ต่อความผิดปกติของทารกในครรภ์

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง