คำถามที่ควรใส่ใจ ผักอะไรที่มี Safrole สูง

ผักอะไรที่มี Safrole สูง

ผักอะไรที่มี Safrole สูง อาจฟังดูเป็นคำถามที่ไม่คุ้นเคย สำหรับคนทั่วไป เพราะชื่อสารแซฟรอลไม่ได้ถูกพูดถึงทั่วไปเหมือนวิตามิน หรือแร่ธาตุต่างๆที่ดีต่อร่างกาย แซฟรอลเป็นสารประกอบตามธรรมชาติ ที่พืชบางชนิดสร้างขึ้น แต่มีประเด็นด้านความปลอดภัย ที่ควรรู้ก่อนบริโภค จึงเป็นเหตุผล ที่หลายคนเริ่มอยากรู้ว่าผักอะไรบ้างที่มีแซฟรอลสูง

  • แซฟรอลคืออะไร?
  • อันตรายจากสารแซฟรอล
  • ผักอะไรที่มีแซฟรอลสูง

สารแซฟรอลคืออะไร?

แซฟรอลคือสารประกอบอินทรีย์ตามธรรมชาติชนิดหนึ่ง อยู่ในกลุ่ม น้ำมันหอมระเหย มีลักษณะกลิ่นหอมหวาน ปนเครื่องเทศเล็กน้อย พบได้ในพืชบางชนิด เช่นต้น Sassafras สมุนไพรบางชนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดิมทีแซฟรอลเคยถูกนำมาใช้ เป็นส่วนผสมให้กลิ่นในอาหาร น้ำยาแต่งรส น้ำหอม ครีม บำรุงผิวพรรณ สบู่ และน้ำมันนวด เพราะให้กลิ่นที่โดดเด่น

ประวัติ สารแซฟรอล การค้นพบครั้งแรก

แซฟรอลถูกค้นพบครั้งแรกในศตวรรษที่ 19 จากการศึกษาน้ำมันหอมของต้น Sassafras albidum ซึ่งเป็นพืชพื้นเมือง ในอเมริกาเหนือ นักเคมีชาวฝรั่งเศส ได้เริ่มสกัดและระบุองค์ประกอบ ของน้ำมันชนิดนี้ ในช่วงปี 1840 โดยพบว่ามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีโครงสร้างเป็นสารประกอบอินทรีย์ ในกลุ่มฟีนิลโพรพีน

ต่อมาในช่วงปี 1860–1870 นักเคมีในยุโรป เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น และได้ตั้งชื่อสารนี้ว่า Safrole พร้อมทั้งเริ่มศึกษาปฏิกิริยาเคมี และคุณสมบัติของมันอย่างจริงจัง ทำให้แซฟรอลถูกนำไปใช้ ในอุตสาหกรรมน้ำหอม และอาหารในยุคนั้น ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 มีการศึกษาเชิงลึกมากขึ้น

โดยนักเคมีเยอรมันในช่วงปี 1880s สามารถยืนยันได้ว่าแซฟรอล มีโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม allyl และมี Methylenedioxy group ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งกลายเป็นข้อมูลสำคัญ ต่อการสังเคราะห์สารอนุพันธ์ในเวลาต่อมา ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เริ่มมีการงดใช้แซฟรอลในผลิตภัณฑ์อาหาร แต่ยังอนุญาตให้ใช้สำหรับงานวิจัย และอุตสาหกรรมเฉพาะทาง (30 ตุลาคม 2025) [1]

อันตรายจากสารแซฟรอลคืออะไร?

  • ทำร้ายตับ หากรับในปริมาณมากหรือบ่อย อาจเกิดการอักเสบ ทำลายเซลล์ตับ และค่าการทำงานของตับผิดปกติ
  • มีแนวโน้มก่อมะเร็งตับ ในสัตว์ทดลอง มีหลักฐานว่าทำให้ดีเอ็นเอเสียหาย และกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ตับ จึงมีข้อกังวล เรื่องความเสี่ยงมะเร็ง เมื่อได้รับปริมาณสูงและต่อเนื่อง
  • ผลต่อระบบประสาท และทางเดินอาหารแบบเฉียบพลัน อาจเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น เมื่อได้รับเข้มข้น หรือมากเกินไป
  • ระคายเคืองผิวหนังเยื่อบุ น้ำมันเข้มข้น สามารถก่อการระคายเคือง ตาแสบ ผื่นแพ้ หรือลมพิษได้ในคนไวต่อสาร
  • ปฏิกิริยากับยา และเอนไซม์ตับ อาจไปรบกวนเอนไซม์ในตับ ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายยา ทำให้ยาบางชนิดออกฤทธิ์แรงขึ้น อ่อนลงโดยไม่คาดคิด
  • ความเสี่ยงต่อหญิงตั้งครรภ์ ให้นม และผู้ป่วยตับ กลุ่มนี้ไวต่อพิษของตับ และผลต่อฮอร์โมน ทารก จึงควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เข้มข้น
  • ข้อจำกัดทางกฎหมาย หลายประเทศห้ามใช้ เป็นวัตถุแต่งรสอาหาร หรือกำหนดความเข้มข้น อย่างเข้มงวด เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย
  • ความเสี่ยงจากการปนปลอม ผลิตภัณฑ์น้ำมันจากแหล่งไม่ได้มาตรฐาน อาจมีสิ่งปนเปื้อน หรือความเข้มข้นสูงผิดปกติ เพิ่มโอกาสเกิดพิษ

ผักและสมุนไพรอะไรบ้าง ที่มีแซฟรอลสูง?

ผักอะไรที่มี Safrole สูง
  • รากและเปลือกต้น Sassafras ถือว่าเป็นแหล่งแซฟรอล ที่สูงที่สุดในธรรมชาติ สารนี้ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว เคยถูกใช้ทำ รูทเบียร์ในอดีต แต่ปัจจุบันหลายประเทศจำกัด เพราะถ้าได้รับมาก และต่อเนื่อง อาจมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว ส่วนนี้มักไม่ใช่ผักที่เรากินในชีวิตประจำวัน แต่พบในสมุนไพรพื้นบ้านบางพื้นที่
  • Piper auritum เป็นพืชในวงศ์เดียวกับพริกไทย และใบพลู กลิ่นหอมแบบสมุนไพร หรือเมนทอล ใช้ห่ออาหาร หรือซอยใส่แกง และซุปในอเมริกากลาง ปริมาณแซฟรอลในใบค่อนข้างสูง จึงมักใช้เป็น เครื่องปรุงมากกว่าการกินปริมาณเยอะ
  • ใบพลู ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าบางสายพันธุ์ของใบพลู มีแซฟรอลในระดับปานกลาง การกินแบบเคี้ยวใบพลูเป็นประจำทุกวัน หรือกินในปริมาณมากต่อเนื่อง จะทำให้ได้รับแซฟรอลมากขึ้น แต่ถ้าใช้เป็นสมุนไพร ประกอบอาหารเป็นครั้งคราว ปริมาณจะค่อนข้างน้อย
  • ต้นอบเชยบางชนิด แม้จะไม่ใช่ทุกชนิด แต่ต้นอบเชยบางสายพันธุ์ มีแซฟรอลในน้ำมันหอมระเหย โดยเฉพาะบริเวณเนื้อไม้ และเปลือก อย่างไรก็ตามในการปรุงอาหารทั่วไป เรามักใช้ในปริมาณเล็กน้อยมาก จึงไม่ใช่แหล่งแซฟรอล ที่ควรกังวลในชีวิตประจำวัน
  • โหระพาบางสายพันธุ์ ส่วนใหญ่โหระพาไทย มีสารกลิ่นหอมแบบ anethole มากกว่าแซฟรอล แต่มีรายงานว่าบางสายพันธุ์ ในบางพื้นที่ อาจพบแซฟรอลเล็กน้อย ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับใบพลู การกินโหระพาในอาหารประจำวัน ถือว่าปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องแซฟรอล

แซฟรอลวัตถุดิบสังเคราะห์ยาเสพติด

แซฟรอลมีประวัติใช้เป็นส่วนผสม ในน้ำมันหอมและสมุนไพร แต่ต่อมาถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำคัญ ในการสังเคราะห์ยาเสพติดประเภท MDMA ทำให้เกิดความต้องการแซฟรอล เพิ่มขึ้นในตลาดมืด ส่งผลให้มีการลักลอบตัดไม้ พื้นป่าขนาดใหญ่ เพื่อสกัดน้ำมันจากลำต้นและราก โดยเฉพาะในกัมพูชา ลาว พม่า และอินโดนีเซีย

การสกัดน้ำมันแซฟรอล มักทำในพื้นที่ป่าลึก โดยวิธีเผา และกลั่น ทำให้ระบบนิเวศถูกทำลายในเวลาอันสั้น แม้ว่ารัฐบาลหลายประเทศ จะพยายามควบคุม โดยมีการตรวจยึด และเผาทำลายน้ำมันแซฟรอลจำนวนมาก เช่นเหตุการณ์ที่กัมพูชาปี 2008 แต่การทำลายสินค้าที่ยึดได้ กลับมีผลคือทำให้ราคาตลาดมืดสูงขึ้น

และผู้ลักลอบ ยังมีแรงจูงใจในการตัดไม้ต่อไป ชุมชนท้องถิ่นที่พึ่งพาป่า ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และถูกดึงเข้าไปในห่วงโซ่การผลิตอย่างจำใจ นักอนุรักษ์เสนอว่า ทางแก้ควรอยู่ที่ การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการพัฒนาแหล่งรายได้ทางเลือก แทนการใช้มาตรการทำลายอย่างเดียว (3 กุมภาพันธ์ 2009) [2]

งานวิจัยแซฟรอลกับความเสี่ยงมะเร็งตับ

งานวิจัยทดลองให้หนูได้รับแซฟรอล ในอาหารต่อเนื่องหลายสัปดาห์ เพื่อดูผลต่อสุขภาพของตับ พบว่าสารนี้ ทำให้เซลล์ตับเกิดความเครียด และเสียหายได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีการกระตุ้น ให้เซลล์ตับแบ่งตัวมากผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้น ของการเกิดมะเร็ง นักวิจัยยังพบความเสียหายต่อดีเอ็นเอ ในเซลล์ตับสูงขึ้นอย่างชัดเจน

แสดงว่าแซฟรอลมีฤทธิ์ genotoxic คือสามารถทำให้สารพันธุกรรมเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อได้รับในปริมาณมากและต่อเนื่อง ผลรวมของข้อมูลบ่งชี้ว่าแซฟรอลมี แนวโน้มก่อมะเร็งตับ ในสัตว์ทดลอง โดยเฉพาะเมื่อร่างกายได้รับสารนี้ในระดับที่สูง และเป็นเวลานาน

แม้จะยังไม่สามารถสรุปโดยตรงกับมนุษย์ ในระดับการบริโภคทั่วไปในอาหาร แต่การศึกษานี้ เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้หลายประเทศจำกัด หรือห้ามใช้แซฟรอลในผลิตภัณฑ์อาหาร และเน้นให้ใช้เฉพาะในงาน ที่มีการควบคุมปริมาณอย่างรัดกุมเท่านั้น (18 ธันวาคม 2011) [3]

สรุปแล้ว ผักอะไรที่มีแซฟรอลสูง

แม้แซฟรอลจะเป็นสารธรรมชาติ ที่พบได้ในพืชบางชนิด เช่นรากและเปลือก Sassafras, Hoja Santa, ใบพลู, อบเชยบางชนิด และโหระพาบางสายพันธุ์ และมีบทบาทด้านกลิ่น และสมุนไพรพื้นบ้าน แต่เมื่อได้รับมากเกินไป หรือได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานาน แซฟรอลอาจทำให้ ตับถูกทำลาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับได้

ประโยชน์ของสารแซฟรอลคืออะไร?

แซฟรอลมีประโยชน์หลัก ในฐานะสารให้กลิ่นหอมตามธรรมชาติ ซึ่งเคยถูกใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม อาหาร และน้ำมันหอมระเหย เนื่องจากให้โทนกลิ่นหวาน คล้ายเครื่องเทศ และไม้หอม มีการใช้ในสมุนไพรพื้นบ้านบางพื้นที่ และยังเป็นโมเลกุลต้นแบบ ในงานวิจัยทางเคมี และพิษวิทยา เพื่อศึกษากลไกการเปลี่ยนแปลงสารในตับ

ทานผักที่มีแซฟรอลสูงอันตรายไหม?

การทานผัก หรือสมุนไพรที่มีแซฟรอล ในปริมาณปกติ ในมื้ออาหารทั่วไป เช่นใส่ใบโหระพาในแกง หรือใช้อบเชยในการตุ๋น ถือว่าไม่เป็นอันตราย เพราะปริมาณแซฟรอลที่ได้รับ จะอยู่ในระดับต่ำมาก แต่สิ่งที่ควรระวังคือ การบริโภคสมุนไพรที่มีแซฟรอลปริมาณมาก และเป็นประจำทุกวัน เช่นกินใบพลูจำนวนมากต่อเนื่องนานๆ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง