
ผลไม้อะไรที่มี Polyphenols สูง เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ต่อการปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งบางชนิด โพลีฟีนอลเป็นกลุ่มสารประกอบจากพืช ที่พบมากในผลไม้ ผัก ชา กาแฟ และไวน์
คำว่า polyphenol ปรากฏใช้ครั้งแรกในปี 1894 ซึ่งเป็นยุคแรก ที่นักวิทยาศาสตร์ เริ่มให้ความสนใจ และตั้งชื่อสารกลุ่มนี้ว่าโพลีฟีนอล โดยอ้างอิงรากศัพท์จากภาษากรีกว่า poly ซึ่งแปลว่าหลาย และคำว่า phenol ที่เป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง
หลังจากนั้นในช่วง ทศวรรษ 1930 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความสำคัญ ของสารกลุ่มนี้ ในบริบทของอาหาร เช่นนักวิจัยพบว่าสารจากเปลือกส้ม หรือพริก มีคุณสมบัติลดการซึมผ่านของเส้นเลือด จึงถูกเรียกว่า “Vitamin P” ก่อนจะได้รับการวิเคราะห์เพิ่มเติม ว่าเป็นกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งจัดเป็นโพลีฟีนอล
นักวิจัยเริ่มแยกโพลีฟีนอล ได้ชัดเจนตั้งแต่ปี 1943 ต่อมา หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นักเคมีอย่าง Edgar C. Bate-Smith และ Tony Swain ได้พัฒนาวิธีตรวจสารแทนนิน และในปี 1966 พวกเขาร่วมกับ Edwin Haslam กำหนดนิยาม โครงสร้างของโพลีฟีนอล ซึ่งต่อมารู้จักกันในชื่อ WBSSH definition (12 กรกฎาคม 2025) [1]
ที่มา: What Are Polyphenols (23 ตุลาคม 2023) [2]
ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานด้านสุขภาพ กำหนดเกณฑ์สำหรับโพลีฟีนอลโดยตรง เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ ในการตั้งค่ามาตรฐาน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในกลุ่มประชากรทั่วโลก ประมาณการว่า ปริมาณที่บริโภค โดยทั่วไป อยู่ที่ประมาณ 900 มก./วัน
และบางการศึกษา แนะนำว่า การบริโภคแบบ 1–2 กรัมต่อวัน ถือว่ามีแนวโน้มเสริมสุขภาพ เช่นลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังบางชนิด
ที่มา: Healthy Foods High in Polyphenols (16 ตุลาคม 2024) [3]
โพลีฟีนอลจากผลไม้ ปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่หากทานในรูปแบบสารสกัด หรืออาหารเสริม ในปริมาณสูงเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็ก ควรเน้นรับจากอาหารธรรมชาติเป็นหลัก
ผลไม้ที่มีโพลีฟีนอลสูง ได้แก่ Chokeberries, Elderberries, Blueberries, Blackcurrants, Blackberries, Raspberries และ Strawberries การรับประทานผลไม้เหล่านี้ อย่างสม่ำเสมอ และสลับให้หลากหลาย จะช่วยให้ร่างกายได้รับโพลีฟีนอลเพียงพอ ช่วยการทำงานของหัวใจ สมอง และผิวพรรณ
โพลีฟีนอลควรกินร่วมกับอาหาร ที่มีวิตามินซี และไขมันดีเล็กน้อย เช่นส้ม สตรอว์เบอร์รี กีวี ถั่ว อะโวคาโด หรือน้ำมันมะกอก เพราะวิตามินซี ช่วยเสริมฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระ ส่วนไขมันดี ช่วยเพิ่มการดูดซึม ทำให้ร่างกายใช้ประโยชน์ จากโพลีฟีนอลได้เต็มที่
โพลีฟีนอลไม่ควรกินพร้อมกับแอลกอฮอล์ คาเฟอีนสูง หรือน้ำตาลปริมาณมาก เพราะจะลดประสิทธิภาพการดูดซึม และทำลายฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ของโพลีฟีนอล อีกทั้งไม่ควรใช้อาหารเสริมโพลีฟีนอล ในปริมาณสูงเกินไป เนื่องจากอาจส่งผล ให้ตับทำงานหนัก และอาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุเหล็ก และสังกะสี