
ผลไม้อะไรที่มี Beta carotene สูง เป็นอีกทางเลือก ที่ช่วยให้ร่างกาย ได้รับสารอาหารสำคัญเพียงพอ เบต้าแคโรทีนเป็นสารสีธรรมชาติ ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบในพืช และผลไม้สีส้ม เหลือง แดง รวมถึงผลไม้บางชนิดที่มีสีเขียวเข้ม ร่างกายสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีน เป็นวิตามินเอ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการมองเห็น
เบต้าแคโรทีนถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1831 โดย Heinrich Wackenroder ที่แยกสารสีแดงส้ม ออกจากน้ำแครอท ต่อมาในปี 1847 William Zeise ยืนยันว่าเป็นไฮโดรคาร์บอน แม้สูตรยังไม่ถูกต้อง และในปี 1886 Léon-Albert Arnaud และ Adolf Lieben พบข้อมูลเพิ่มเติม
จนถึงปี 1907 Willstätter และ Mieg กำหนดสูตรเชิงประจักษ์เป็น C₄₀H₅₆ ได้สำเร็จ ก่อนที่ Paul Karrer จะวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลได้สมบูรณ์ในปี 1930–1931 ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลเคมีปี 1937
หลังจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าเบต้าแคโรทีน เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ การสังเคราะห์สมบูรณ์ทำได้สำเร็จในปี 1950 และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์โดย Roche ในปี 1954 การศึกษาต่อเนื่องเผยว่า เบต้าแคโรทีนมีบทบาทสำคัญ ทั้งในด้านโภชนาการ สุขภาพ (4 กรกฎาคม 2025) [1]
ที่มา: Health Benefits of Beta Carotene (31 ธันวาคม 2024) [2]
ที่มา: Nutrient Ranking Tool (2005) [3]
เบต้าแคโรทีนจากผลไม้ส่วนใหญ่ปลอดภัย แต่การเสริมในรูปแบบอาหารเสริม ในปริมาณสูง อาจทำให้ผิวมีสีเหลืองหรือส้ม โดยเฉพาะในผู้สูบบุหรี่ เบต้าแคโรทีนปริมาณสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคปอดบางชนิด จึงควรรับในปริมาณเหมาะสม
ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ได้แก่ แคนตาลูป เสาวรสสีม่วง แอปริคอต เกรปฟรุตสีชมพู น้ำเสาวรสสีเหลือง เชอร์รี่สีแดง และมะม่วงสุก การรับประทานผลไม้เหล่านี้เป็นประจำ และสลับให้หลากหลาย จะช่วยให้ร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนเพียงพอ บำรุงสายตา ผิว และภูมิคุ้มกัน
การขาดเบต้าแคโรทีน อาจทำให้ร่างกายขาดวิตามินเอ ส่งผลต่อการมองเห็นในที่มืด ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผิวแห้ง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
การรับเบต้าแคโรทีนมากเกินไป แม้จะไม่เป็นพิษต่อร่างกาย เท่าวิตามินเอ แต่สามารถทำให้ผิวมีสีเหลืองส้ม (Carotenemia) และในผู้สูบบุหรี่บางราย อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งปอด ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม