ชาร์โคล ประโยชน์ มากกว่าการช่วยดีท็อกซ์

ชาร์โคล ประโยชน์

ชาร์โคล ประโยชน์ ที่หลายคนอาจนึกถึงเป็นอย่างแรก อาจเกี่ยวข้องกับการดีท็อกซ์ ดูดซับสารพิษ หรือการบำรุงผิว แต่จริงๆแล้ว ชาร์โคลมีประโยชน์หลากหลาย มากกว่าที่คิด ตั้งแต่การใช้งาน ในแวดวงสุขภาพ ความงาม จนถึงการช่วยเสริมสมดุลในร่างกายตามธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติพิเศษ ที่สามารถดูดซับสารเคมี และสิ่งสกปรกได้ดี

  • ชาร์โคลคืออะไร?
  • ประโยชน์ของชาร์โคล 
  • ข้อควรระวังการใช้ชาร์โคล

ชาร์โคล หรือถ่านกัมมันต์ คืออะไร?

ชาร์โคล ประโยชน์

ชาร์โคล หรือที่เรียกกันว่า ถ่านกัมมันต์ เป็นสารที่ได้จากการเผาวัสดุธรรมชาติ เช่นไม้ เปลือกไม้ หรือกะลามะพร้าว ด้วยความร้อนสูง ในสภาวะที่มีออกซิเจนจำกัด กระบวนการนี้ ทำให้เกิดโครงสร้าง ที่มีรูพรุนจำนวนมาก คุณสมบัตินี้ ทำให้ชาร์โคล มีความสามารถในการดูดซับสารพิษ และสารเคมีต่างๆ

ในทางการแพทย์ ชาร์โคลถูกนำมาใช้ ในการรักษาภาวะพิษเฉียบพลันจากการรับประทานสารพิษ หรือยาบางชนิดเกินขนาด โดยการรับประทานถ่านกัมมันต์ จะช่วยลดการดูดซึมสารพิษ เข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีการนำชาร์โคล มาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่นยาสีฟัน สบู่ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว [1]

กระบวนการผลิตถ่านชาร์โคล

  • คัดเลือกวัสดุธรรมชาติ เช่นไม้ กะลามะพร้าว ไม้ไผ่ หรือเปลือกไม้
  • เผาวัสดุที่อุณหภูมิสูง ในสภาวะไร้ออกซิเจน เรียกว่า การคาร์บอไนซ์ (Carbonization) เพื่อให้วัสดุเปลี่ยนเป็นถ่าน โดยไม่ถูกเผาไหม้จนหมด
  • กระตุ้นถ่าน ให้เกิดโครงสร้างรูพรุน เรียกว่า การกระตุ้นใช้ 2 วิธีหลักคือ Activation ด้วยไอน้ำหรือแก๊ส ใช้อุณหภูมิสูง (800–1100°C) ให้ไอน้ำหรือแก๊ส (เช่น CO₂) ผ่านตัวถ่านหรือ Activation ด้วยสารเคมี แช่วัสดุในสารเคมี (เช่นกรดฟอสฟอริก หรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์) แล้วเผาที่อุณหภูมิต่ำกว่า
  • ทำความสะอาด และทำให้บริสุทธิ์ ล้างสารเคมีตกค้าง หรือสิ่งสกปรก ออกจากถ่าน
  • ทำให้แห้ง และบดละเอียด ได้ผงถ่านกัมมันต์ ที่พร้อมนำไปใช้ในด้านต่างๆ เช่น อาหารเสริม เครื่องสำอาง หรือทางการแพทย์

ชาร์โคล ประโยชน์ ในด้านสุขภาพ

  • ชาร์โคล ประโยชน์ การรักษา ภาวะพิษเฉียบพลัน ชาร์โคลถูกใช้ในห้องฉุกเฉิน เพื่อรักษาผู้ที่ได้รับสารพิษ หรือยาเกินขนาด โดยการจับสารพิษ ในระบบทางเดินอาหาร และป้องกันการดูดซึม เข้าสู่ร่างกาย
  • ลดอาการท้องอืด และแก๊ส ในกระเพาะอาหาร มีการใช้ชาร์โคล ในการลดอาการท้องอืดและแก๊ส โดยเชื่อว่ามันสามารถดูดซับก๊าซ ในระบบทางเดินอาหารได้
  • ส่งเสริมสุขภาพไต มีการศึกษาเบื้องต้น ที่ชี้ให้เห็นว่าชาร์โคล อาจช่วยลดระดับฟอสฟอรัส ในเลือดของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง แต่ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อยืนยันผลลัพธ์
  • ลดระดับคอเลสเตอรอล มีการศึกษาที่เสนอว่า ชาร์โคลอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แต่หลักฐานยังไม่เพียงพอ และต้องการการวิจัยเพิ่มเติม
  • บำรุงผิวพรรณ ชาร์โคลถูกใช้ ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่นมาสก์หน้า เพื่อช่วยดูดซับสิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินจากผิวหนัง

ที่มา: Can activated charcoal detox the body? [2]

ชาร์โคลในรูปแบบอาหารเสริม

  • อาหารเสริมชาร์โคล เพื่อการดีท็อกซ์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ประเภทดีท็อกซ์ มักมีส่วนผสมของชาร์โคล เพื่อช่วยจับสารพิษ ในระบบทางเดินอาหาร บางผลิตภัณฑ์ ผสมกับพรีไบโอติกส์ ไฟเบอร์ หรือสมุนไพร เพื่อเสริมการขับถ่าย และการล้างพิษ
  • ชาร์โคลในรูปแบบเม็ด หรือแคปซูล รับประทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์ อย่างรวดเร็ว ควรรับประทาน ตามคำแนะนำ เพราะการใช้ในปริมาณมาก อาจลดการดูดซึม สารอาหารจำเป็น
  • ชาร์โคลผง สำหรับผสมเครื่องดื่ม นิยมผสมใน Smoothies เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือโปรแกรมล้างพิษ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย

ข้อควรระวังในการใช้ชาร์โคล

  • ข้อห้ามในการใช้ ไม่ควรใช้ในผู้ป่วย ที่รับประทานสารพิษบางชนิด เช่นไซยาไนด์ กรดแก่ ด่างแก่ ตัวทำละลายต่างๆ เกลือแร่ธาตุเหล็ก แอลกอฮอล์ และสารจำพวกลิเทียม เนื่องจากชาร์โคล ไม่สามารถดูดซับสารเหล่านี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ .​
  • ไม่ควรใช้ในผู้ป่วย ที่มีภาวะลำไส้อุดตัน หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ การใช้ชาร์โคล ในผู้ป่วยที่มีภาวะเหล่านี้ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เพิ่มเติมได้
  • ผลข้างเคียง ที่อาจเกิดขึ้น อาการทางเดินอาหาร เช่นท้องผูก ท้องอืด ท้องเสีย หรืออุจจาระสีดำ ซึ่งเป็นผลมาจากการดูดซับสารต่างๆ ในระบบทางเดินอาหาร
  • ภาวะขาดน้ำ เนื่องจากชาร์โคล อาจดูดซับน้ำ ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกาย สูญเสียน้ำมากขึ้น
  • การรบกวนการดูดซึมยา และสารอาหาร ลดประสิทธิภาพของยา ชาร์โคลสามารถดูดซับยาบางชนิด ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ลดประสิทธิภาพของยา เช่นยาคุมกำเนิด หรือยารักษาโรคต่างๆ
  • ลดการดูดซึมสารอาหาร การใช้ชาร์โคล ร่วมกับอาหารบางชนิด เช่นนม ไอศกรีม หรืออาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุ อาจลดการดูดซึมสารอาหาร ที่จำเป็นต่อร่างกาย​
  • ข้อควรระวัง ในการใช้ร่วมกับอาหาร และเครื่องดื่ม หลีกเลี่ยงการใช้ ร่วมกับแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์ อาจทำปฏิกิริยากับชาร์โคล และลดประสิทธิภาพ ในการดูดซับสารพิษ
  • ไม่ควรใช้ ร่วมกับอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีไขมันสูง อาจลดประสิทธิภาพของชาร์โคล ในการดูดซับสารพิษ.
  • การใช้ในระยะยาว ไม่ควรใช้ชาร์โคล เป็นประจำ การใช้ชาร์โคลเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น และอาจรบกวนการทำงาน ของยารักษาโรคประจำตัวอื่นๆ

ที่มา: ยาคาร์บอน กินอย่างไรให้ปลอดภัย [3]

วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ชาร์โคล

  • เลือกชาร์โคลที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เช่นไม้ไผ่ กะลามะพร้าว
  • ควรเลือกผลิตภัณฑ์ ที่มีมาตรฐานการผลิตชัดเจนเช่น GMP หรือ Organic Certified
  • อ่านฉลาก และคำแนะนำการใช้ให้ละเอียด ก่อนรับประทาน

ท้ายที่สุด ชาร์โคลมีประโยชน์มากกว่าดีท็อกซ์

ชาร์โคลเป็นวัสดุธรรมชาติ ที่มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งด้านสุขภาพ ความงาม และการดีท็อกซ์ร่างกาย ด้วยคุณสมบัติ ในการดูดซับสารพิษ และสิ่งสกปรกได้ดี อย่างไรก็ตาม การใช้ชาร์โคลควรระมัดระวัง และไม่ควรใช้แทนการรักษาทางการแพทย์ หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ชาร์โคลสามารถเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการดูแลสุขภาพ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาหารเสริมชาร์โคลเหมาะกับใคร?

  • คนที่มีปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สในกระเพาะอาหาร
  • คนที่ต้องการช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ หรือลดสารพิษสะสมในร่างกาย
  • คนที่ต้องการดูแลสุขภาพช่องปาก เช่นลดกลิ่นปาก
  • คนที่มีปัญหาผิวมัน หรือเป็นสิวง่าย และต้องการดูแลผิว ด้วยผลิตภัณฑ์จากชาร์โคล
  • คนที่ต้องการลดการสะสมของสารพิษ จากอาหาร และสิ่งแวดล้อมบางประเภท

ชาร์โคลไม่เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่รับประทานยาเป็นประจำ เช่นยาคุมกำเนิด ยาลดไขมัน หรือยารักษาโรคบางชนิด เพราะชาร์โคลอาจลดการดูดซึมของยา
  • ผู้ที่มีภาวะลำไส้อุดตัน มีแผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้
  • ผู้ที่มีภาวะขาดน้ำ หรือมีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง หรือขาดสารอาหารบางชนิด
  • ผู้ที่รับประทานอาหารเสริม หรือวิตามินเสริมอยู่แล้ว เพราะชาร์โคลอาจดูดซับสารอาหารที่จำเป็นไปด้วย
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง