แอสทรากาลัส สมุนไพรโบราณ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

แอสทรากาลัส

แอสทรากาลัส (Astragalus) เป็นสมุนไพร ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และได้รับการยอมรับ ในวงการแพทย์แผนจีน และการแพทย์พื้นบ้าน มาอย่างต่อเนื่อง สมุนไพรชนิดนี้ ถูกกล่าวถึงในตำราแพทย์โบราณ ว่าเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่า ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และบำรุงร่างกาย

ปัจจุบัน แอสทรากาลัสยังคงได้รับความสนใจ อย่างกว้างขวาง ในด้านการดูแลสุขภาพ และการวิจัยทางการแพทย์ เนื่องจากมีองค์ประกอบ ที่มีศักยภาพในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยง ต่อโรคบางชนิด

ประวัติและแหล่งที่มาของ แอสทรากาลัส

แอสทรากาลัส

แอสทรากาลัสมีถิ่นกำเนิด ในภูมิภาคเอเชียกลาง โดยเฉพาะในประเทศจีน มองโกเลีย และเกาหลี พืชชนิดนี้มีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม ในทางการแพทย์ มากที่สุดคือ Astragalus membranaceus ซึ่งเป็นสายพันธุ์ ที่มีการนำมาใช้ ทั้งในรูปแบบรากแห้ง ชาสมุนไพร และสารสกัดในแคปซูล

แอสทรากาลัสอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ และสารออกฤทธิ์หลายชนิด ได้แก่

  • ซาโปนิน (Saponins) มีบทบาทในการป้องกันอนุมูลอิสระ และช่วยต้านการอักเสบ
  • ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และเสริมสุขภาพหัวใจ
  • โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • Amino acid และแร่ธาตุ ช่วยบำรุงร่างกาย และสนับสนุนการทำงานของเซลล์

ประโยชน์ของ แอสทรากาลัส ต่อสุขภาพ

  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แอสทรากาลัสช่วยกระตุ้นการทำงาน ของเซลล์ภูมิคุ้มกัน เช่นทีเซลล์ (T-cells) และมาโครฟาจ (Macrophages) เพื่อเพิ่มความสามารถ ในการต่อสู้กับเชื้อโรค
  • ต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบ สารประกอบในแอสทรากาลัส ช่วยลดการเกิดออกซิเดชัน และลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน และโรคหัวใจ
  • บำรุงหัวใจ และหลอดเลือด แอสทรากาลัสช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และความดันโลหิต ซึ่งมีประโยชน์ ต่อสุขภาพหัวใจ และระบบไหลเวียนโลหิต
  • เสริมพลังงาน และลดความเหนื่อยล้า มีการวิจัยพบว่าแอสทรากาลัส ช่วยเพิ่มระดับพลังงาน และความทนทานต่อความเหนื่อยล้า โดยเฉพาะในผู้ป่วย ที่มีภาวะอ่อนล้าเรื้อรัง
  • ช่วยฟื้นฟูไต และลดความเสียหายต่อเซลล์ แอสทรากาลัสช่วยปรับสมดุลน้ำ และเกลือแร่ ในร่างกาย ซึ่งเป็นประโยชน์ ต่อผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

การกิน แอสทรากาลัส ทุกวันปลอดภัยไหม

แอสทรากาลัสเป็นสมุนไพร ที่ใช้ในแพทย์แผนจีน มานานนับพันปี มีสรรพคุณในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ และชะลอความเสื่อมของเซลล์ การรับประทานแอสทรากาลัสทุกวัน อาจปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว [1]

ผลข้างเคียงด้านลบของ แอสทรากาลัส

แอสทรากาลัสเป็นสมุนไพร ที่ใช้ในการแพทย์แผนจีน มานานหลายศตวรรษ และโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย เมื่อใช้ตามคำแนะนำ อย่างไรก็ตาม อาจเกิดผลข้างเคียง ในบางกรณี ดังนี้

  • อาการทางเดินอาหาร: บางคนอาจประสบกับอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หรือปัญหาทางเดินอาหารอื่นๆ เมื่อรับประทานแอสทรากาลัส
  • ปฏิกิริยากับยากดภูมิคุ้มกัน: เนื่องจากแอสทรากาลัส มีคุณสมบัติกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน หรือมีโรคภูมิต้านตนเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • ความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือด: แอสทรากาลัสอาจส่งผลต่อความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตหรือน้ำตาลในเลือดควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
    MEDTHAI
  • การปนเปื้อนจากสายพันธุ์อื่น: ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสทรากาลัสจากสายพันธุ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น “locoweed” ที่ปลูกในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอาจเป็นพิษได้
  • นอกจากนี้ สตรีมีครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสทรากาลัส เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ เกี่ยวกับความปลอดภัย ในช่วงเวลาดังกล่าว
  • เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ก่อนเริ่มใช้แอสทรากาลัส โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว หรือกำลังใช้ยาประจำอยู่

ที่มา: สมุนไพรและการรักษาทางเลือก [2]

 

แอสทรากาลัส ทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นบ้างหรือไม่

แอสทรากาลัสมีคุณสมบัติ ที่อาจช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ เนื่องจากสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในชั้นผิวหนัง และยืดความยาวของเทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งเป็นส่วนปลายของโครโมโซม ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการชรา

การยืดความยาวของเทโลเมียร์ ช่วยชะลอความแก่ของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ แอสทรากาลัสยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ผิว จากความเสียหาย และลดการเกิดริ้วรอย อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป ในแต่ละบุคคล ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มใช้ เพื่อความงาม [3]

ข้อแนะนำในการทานแอสทรากาลัส

แอสทรากาลัสเป็นสมุนไพร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ การรับประทานควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

  • ปริมาณต่อวัน: โดยทั่วไป แนะนำให้รับประทานแอสทรากาลัส ประมาณ 400 มิลลิกรัมต่อวัน
  • การแบ่งรับประทาน: สามารถแบ่งรับประทานเป็น 3 ครั้งต่อวัน เพื่อให้ร่างกายดูดซึม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เวลาที่ควรรับประทาน: สามารถรับประทานแอสทรากาลัส ได้ทั้งในตอนเช้า และตอนเย็น ขึ้นอยู่กับความสะดวก และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
  • ก่อนหรือหลังอาหาร: สามารถรับประทานก่อน หรือหลังอาหารก็ได้ แต่ควรสังเกตว่าร่างกายตอบสนองอย่างไร หากมีอาการไม่สบายท้อง ควรปรับเวลาในการรับประทานให้เหมาะสม

แอสทรากาลัสสามารถรับประทานร่วมกับ เอ็กไคนาเซีย (Echinacea) และ เคอร์คูมิน (Curcumin) เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละชนิดมีบทบาทที่ส่งเสริมกัน

สรุปแอสทรากาลัส สมุนไพรที่เสริมสุขภาพร่างกาย

แอสทรากาลัสเป็นสมุนไพร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีศักยภาพสูง ในการส่งเสริมสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะในด้านการเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และบำรุงหัวใจ อย่างไรก็ตาม ควรใช้สมุนไพรชนิดนี้อย่างระมัดระวัง และปรึกษาแพทย์ ก่อนการใช้ ในกรณีที่มีโรคประจำตัว หรืออยู่ในระหว่างการรักษาด้วยยา

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง