เอ็กไคนาเซีย (Echinacea) เป็นพืชสมุนไพร ที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ในหมู่นักวิจัย และผู้รักสุขภาพทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น และประวัติการใช้งานที่ยาวนาน พืชชนิดนี้ได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยม ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
แม้ว่าหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ หรือพบเห็นผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของเอ็กไคนาเซีย ตามร้านค้าต่างๆ แต่รายละเอียดเกี่ยวกับประโยชน์ และข้อควรระวังในการใช้งาน ยังคงเป็นสิ่งที่หลายคน ต้องการทำความเข้าใจเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด
เอ็กไคนาเซียเป็นพืชดอก ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ และถูกนำมาใช้ในตำรายาพื้นบ้าน ของชนพื้นเมืองอเมริกัน มานานหลายศตวรรษ โดยใช้รากและใบของพืชนี้ เพื่อรักษาบาดแผล การติดเชื้อ และบรรเทาอาการปวด ด้วยลักษณะของดอกที่โดดเด่นคล้ายดอก Daisy ทำให้ได้รับความนิยมเป็นไม้ประดับด้วย
เอ็กไคนาเซียมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมใช้ทางการแพทย์มากที่สุดชนิดแรกคือ Echinacea-purpurea นิยมใช้ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ชนิดที่ 2 Echinacea-angustifolia มีสรรพคุณช่วยลดอาการเจ็บคอ ลดการอักเสบ และชนิดที่ 3 Echinacea-pallida ช่วยบรรเทาอาการหวัด และไข้หวัดใหญ่
เอ็กไคนาเซียมีสารออกฤทธิ์หลายชนิด ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่ Alkamides ช่วยต้านการอักเสบ และเพิ่มการดูดซึม ของสารอาหารในร่างกาย Polysaccharides กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และ Flavonoids สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายของเซลล์
นอกจากนี้เอ็กไคนาเซีย สามารถทานร่วมกับอาหารเสริมอื่นๆเช่น เคอร์คูมิน (Curcumin) เนื่องจากทั้งสองเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของกันและกัน
ที่มา: ประโยชน์ของสารสกัดจากเอ็กไคนาเซีย [1]
การรับประทานเอ็กไคนาเซียทุกวัน เป็นระยะเวลานาน อาจไม่เหมาะสมสำหรับทุกคน เนื่องจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับความปลอดภัย และผลข้างเคียง ของการใช้เอ็กไคนาเซีย ในระยะยาวยังมีจำกัด บางแหล่งข้อมูล แนะนำว่าไม่ควรใช้เอ็กไคนาเซีย ติดต่อกันเกิน 8 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม การใช้เอ็กไคนาเซียในระยะยาว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ในผู้ใช้บางราย เช่นผื่นคัน มีไข้ ปากแห้ง การรับรสผิดปกติ ลิ้นชา เจ็บคอ เวียนหัวหรือปวดหัว นอนไม่หลับ ปวดตามกล้ามเนื้อ หรือข้อ คลื่นไส้ อาเจียนหรือท้องเสีย หากพบอาการดังกล่าว ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์ทันที [2]
เอ็กไคนาเซียไม่ถือเป็นยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติ เนื่องจากยาปฏิชีวนะ (antibiotics) เป็นสารที่มีฤทธิ์ฆ่า หรือยับยั้งการเจริญเติบโต ของแบคทีเรียโดยตรง ในขณะที่เอ็กไคนาเซีย มีบทบาทในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบมากกว่า
มีการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า เอ็กไคนาเซียสามารถช่วยลดระยะเวลาการเป็นหวัด และบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องได้ โดยการกระตุ้นการทำงาน ของเซลล์เม็ดเลือดขาว และเพิ่มการผลิตสาร ที่ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรค นอกจากนี้เอ็กไคนาเซีย ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย [3]
เวลาที่เหมาะสมในการใช้ ควรเริ่มใช้ตั้งแต่มีอาการแรกเริ่ม เช่นคัดจมูก เจ็บคอ หรือเริ่มรู้สึกไม่สบาย โดยมีรูปแบบผลิตภัณฑ์ ดังนี้
เอ็กไคนาเซียเป็นสมุนไพร ที่มีศักยภาพสูง ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และบรรเทาอาการของโรคหวัด และการอักเสบต่างๆ ด้วยประวัติการใช้งานที่ยาวนาน และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ที่สนับสนุนประโยชน์ของมัน อย่างไรก็ตาม การใช้งานควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ