สารสกัด Green Tea ช่วยฟื้นฟูพลังงานยังไง?

สารสกัด Green Tea

สารสกัด Green Tea เป็นหนึ่งในส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่ได้รับความนิยม ทั้งในวงการอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ การเผาผลาญพลังงาน และการส่งเสริมการตื่นตัวของระบบประสาท บทความนี้จะพาไปรู้จักกับสารสกัดชาเขียวให้มากขึ้น

Green Tea Extract คืออะไร?

สารสกัด Green Tea

สารสกัดจากชาเขียว คือสารที่ได้จากการสกัดใบชาเขียว ซึ่งอุดมไปด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เช่น Catechins โดยเฉพาะ EGCG (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีฤทธิ์สูง รวมถึง Caffeine และ L-Theanine ที่ช่วยการตื่นตัวของสมอง ควบคุมความเครียด และเพิ่มสมาธิ

สารสกัดจากชาเขียวมักถูกนำมาใช้ ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอาง และเครื่องดื่มเพื่อควบคุมน้ำหนัก ชะลอวัย ต้านการอักเสบ รวมถึงลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง [1]

แหล่งกำเนิดสารสกัดชาเขียว

ชาเขียวได้รับความนิยม ในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ชาเขียวมาจากใบของต้น Camellia sinensis ซึ่งจะไม่ผ่านกระบวนการหมักเหมือนชาอื่นๆ เช่นชาดำหรือชาอู่หลง ทำให้ยังคงสารประกอบตามธรรมชาติไว้ได้มาก โดยเฉพาะโพลีฟีนอล และคาเทชิน

เมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็น สารสกัดชาเขียว จะมีการสกัดสารออกฤทธิ์ให้เข้มข้นมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และยา

สารออกฤทธิ์ในสารสกัดชาเขียว

  • EGCG เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน และส่งเสริมระบบหัวใจ
  • คาเฟอีน แม้ในปริมาณที่ต่ำกว่ากาแฟ แต่คาเฟอีนในชาเขียวก็มีผลในการกระตุ้นระบบประสาท ช่วยเพิ่มความตื่นตัวโดยไม่กระตุ้นมากเกินไป
  • L-Theanine กรดอะมิโนธรรมชาติที่มีเฉพาะในชา ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย โดยไม่ทำให้ง่วง ช่วยปรับสมดุลการกระตุ้นของคาเฟอีน

สารสกัดชาเขียวช่วยในเรื่องอะไร?

  • ต้านอนุมูลอิสระ สารโพลีฟีนอลในชาเขียว มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และชะลอความเสื่อมของเซลล์
  • ช่วยการลดน้ำหนัก สารคาเทชินในชาเขียว ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน และไขมัน ซึ่งอาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
  • บำรุงหัวใจ การทานชาเขียวช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ เพิ่ม HDL ลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
  • ป้องกันโรคเบาหวาน สารคาเทชินในชาเขียว ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาล
  • เสริมสุขภาพสมอง อีจีซีจีและแอลธีอะนีน ในชาเขียวมีบทบาท ในการป้องกันการเสื่อม ของเซลล์ประสาท ช่วยในเรื่องความจำ และการเรียนรู้
  • บำรุงผิวพรรณ สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว ช่วยปกป้องผิว จากความเสียหาย ลดการเกิดริ้วรอย และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  • เสริมสุขภาพช่องปาก สารโพลีฟีนอลในชาเขียว ช่วยลดการเจริญเติบโต ของแบคทีเรียในช่องปาก ลดกลิ่นปาก และป้องกันฟันผุ
  • ลดความเสี่ยงมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว อาจช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดมะเร็งบางชนิด

ที่มา: ชาเขียว ประโยชน์ สรรพคุณ โทษ ข้อควรระวัง [2]

สารสกัดชาเขียวกับการเสริมพลังงาน

  • สารสกัด Green-Tea มีคาเฟอีนในปริมาณพอเหมาะ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท และสมอง เพิ่มความตื่นตัว และลดความรู้สึกง่วงนอน เหมาะกับผู้ที่ต้องการพลังงานเบาๆ ในระหว่างวัน โดยไม่ทำให้ใจสั่น หรือกระวนกระวาย
  • ช่วยให้ผ่อนคลาย โดยไม่ทำให้ง่วง แอลธีอะนีนซึ่งพบในชาเขียว เป็นกรดอะมิโน ที่ช่วยให้สมองเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย โดยไม่ทำให้หลับ ช่วยลดความเครียด วิตกกังวล และเพิ่มประสิทธิภาพของคาเฟอีน ทำให้รู้สึกตื่นตัว Calm Alertness ซึ่งช่วยให้มีสมาธิได้ดีขึ้น
  • ช่วยเพิ่มสมาธิ และความชัดเจนในการคิด การทำงานร่วมกันของคาเฟอีน และแอลธีอะนีน ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง ในด้านความจำระยะสั้น การตัดสินใจ และการจดจ่อกับงาน เหมาะสำหรับผู้ที่เรียน หรือทำงาน ที่ต้องใช้สมองอย่างต่อเนื่อง
  • ลดความอ่อนล้า โดยไม่ต้องพึ่งสารกระตุ้นรุนแรง ในบางผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่เน้นเรื่องความตื่นตัว เช่นกลุ่ม nootropic supplements หรือ energy boosters มักใช้สารสกัดชาเขียว เป็นทางเลือกธรรมชาติ แทนคาเฟอีนสังเคราะห์ หรือสารกระตุ้นอื่นๆ เพราะให้ผลที่ปลอดภัยกว่าในระยะยาว
  • เสริมพลังงานให้ร่างกาย โดยไม่เพิ่มน้ำตาล หรือแคลอรี อาหารเสริมบางชนิด ที่ใช้สารสกัดชาเขียวจะเน้นสูตรที่ไม่มีน้ำตาล ไม่เพิ่มพลังงานเกินความจำเป็น จึงเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก หรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังทั่วไป

สารสกัดชาเขียวข้อควรระวัง

  • ผลข้างเคียงจากคาเฟอีนสารสกัดชาเขียวมีคาเฟอีน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ใจสั่น หงุดหงิด หรือวิตกกังวลในผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน ไม่ควรรับประทานก่อนนอน หรือรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่นกาแฟ หรือชาอื่นๆ มากเกินไป
  • ผลกระทบต่อตับ การบริโภคสารสกัด อีจีซีจีจากชาเขียวในปริมาณสูง โดยเฉพาะในรูปแบบอาหารเสริมเข้มข้น อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดตับอักเสบเฉียบพลัน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ติดต่อกัน เป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
  • ระคายเคืองกระเพาะอาหาร การรับประทานขณะท้องว่าง อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ หรือกรดไหลย้อนได้ ควรรับประทานหลังอาหาร
  • ไม่ควรใช้ร่วมกับยาบางชนิด สารสกัดชาเขียว อาจรบกวนการออกฤทธิ์ ของยาบางชนิด เช่นยาลดความดัน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาควบคุมจังหวะหัวใจ หากกำลังใช้ยาอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดชาเขียว
  • ปริมาณที่แนะนำ ปริมาณอีจีซีจีที่ปลอดภัย ไม่ควรเกิน 300–400 มก. ต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป ปริมาณที่เกิน 800 มก. ต่อวันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของตับ
  • ไม่แนะนำในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคตับ หรือโรคไตที่มีความรุนแรง ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

สรุป สารสกัดชาเขียว ลดอาการง่วง

สารสกัดชาเขียวอัดแน่นไปด้วยสารออกฤทธิ์สำคัญ ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน ทั้งการต้านอนุมูลอิสระ การสนับสนุนระบบเผาผลาญ การบำรุงสมอง และการลดอาการง่วง โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง ช่วยให้ผู้ที่ทำงานหนัก หรือเรียนหนัก สามารถตื่นตัวได้ยาวนานและปลอดภัย

ข้อเสียของ EGCG คืออะไร?

  • ปัญหาต่อระบบทางเดินอาหาร การทานสารสกัดชาเขียว ที่มีอีจีซีจีในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง และท้องอืดได้
  • ผลกระทบต่อตับ มีรายงานว่าการบริโภคสารสกัดชาเขียว ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน โดยเฉพาะเมื่อได้รับอีจีซีจีมากกว่า 800 มิลลิกรัมต่อวัน
  • การรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็ก สารประกอบในชาเขียว เช่นอีจีซีจีอาจรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาในการดูดซึมธาตุเหล็ก หรือมีความเสี่ยงที่จะขาดธาตุเหล็ก
  • ผลกระทบจากคาเฟอีน ชาเขียวมีคาเฟอีน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ วิตกกังวล หงุดหงิด คลื่นไส้ หรือปวดท้องในผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน

ที่มา: Tea and the Liver [3]

 

สารสกัดชาเขียวเหมาะกับใครบ้าง?

  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความตื่นตัว และลดความง่วง เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ หรือผู้ที่ต้องใช้สมาธิและความคิดต่อเนื่อง
  • ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก สารคาเทชินในชาเขียว ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และเพิ่มอัตราการใช้พลังงาน เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมอาหาร หรือออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก
  • ผู้ที่กังวลเรื่องสุขภาพหัวใจ และหลอดเลือด สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว ช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) และเพิ่มไขมันดี (HDL) รวมถึงลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวพรรณ หรือผิวมันง่าย ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และยับยั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิวง่าย หรือต้องการดูแลผิวให้แข็งแรงขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการชะลอวัย และป้องกันความเสื่อมของเซลล์ เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีอายุ หรือมีไลฟ์สไตล์ที่เผชิญกับมลภาวะ ความเครียด หรือแสงแดดเป็นประจำ
  • ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในระยะยาว ผู้ที่มองหาการดูแลสุขภาพโดยรวม การป้องกันโรคเรื้อรัง การเสริมภูมิคุ้มกัน และการลดสารพิษในร่างกาย
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง