น้ำมัน อีฟนิ่งพริมโรส ช่วยฮอร์โมนวัยทองยังไง?

น้ำมัน อีฟนิ่งพริมโรส

น้ำมัน อีฟนิ่งพริมโรส เป็นชื่อที่หลายคนอาจเคยได้ยินผ่านหู โดยเฉพาะในกลุ่มคน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจากภายใน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสมดุลฮอร์โมน ผิวพรรณ หรือสุขภาพของผู้หญิง โดยเฉพาะในวัยทอง อีฟนิ่งพริมโรสถูกพูดถึงอย่างมาก ในแวดวงสุขภาพ และโภชนาการ ในรูปแบบของอาหารเสริม

  • ส่วนประกอบสำคัญของอีฟนิ่งพริมโรส
  • สรรพคุณของอีฟนิ่งพริมโรส
  • อีฟนิ่งพริมโรสเหมาะกับใคร?

ความเป็นมา น้ำมัน อีฟนิ่งพริมโรส

น้ำมัน อีฟนิ่งพริมโรส

น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose Oil) สกัดจากเมล็ดของพืชชื่อ Oenothera biennis ซึ่งเป็นพืชพื้นเมือง ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะแถบสหรัฐอเมริกา และแคนาดา พืชชนิดนี้ มีลักษณะเด่น คือดอกสีเหลือง ที่มักบานในช่วงเย็น หรือกลางคืน จึงเป็นที่มาของชื่อ “Evening Primrose”

เดิมทีชนพื้นเมืองอเมริกันนำส่วนต่างๆ ของต้นพริมโรสมาใช้รักษาโรคในรูปแบบสมุนไพร เช่น ใช้รากบดพอกแผล ใบต้มน้ำดื่มแก้ไอ หรือใช้ลดการอักเสบ ช่วยสมานแผลจากการติดเชื้อหรือแมลงกัดต่อย

ในช่วงศตวรรษที่ 17 พืชชนิดนี้ ถูกนำเข้าสู่ยุโรป และได้รับความนิยม ในฐานะสมุนไพรที่มีคุณค่าทางยา ในเวลาต่อมา นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าเมล็ดของอีฟนิ่งพริมโรส มีกรดไขมันจำเป็นที่สำคัญ จึงเริ่มมีการผลิตน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพ

ส่วนประกอบสำคัญ อีฟนิ่งพริมโรส

ส่วนประกอบสำคัญ ของน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส คือกรดไขมันจำเป็น ในกลุ่มโอเมกา-6 ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น โดยสารสำคัญ ที่พบในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ได้แก่

  • กรดแกมมา-ไลโนเลนิก (Gamma-Linolenic Acid: GLA) เป็นกรดไขมันชนิดโอเมก้า-6 ที่พบในปริมาณสูง ในเมล็ดของอีฟนิ่งพริมโรส มีบทบาทสำคัญในการผลิตสาร Prostaglandins ซึ่งเป็นสารที่ช่วยควบคุมกระบวนการอักเสบ สมดุลฮอร์โมน และระบบภูมิคุ้มกัน
  • กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid: LA) เป็นกรดไขมันจำเป็นอีกชนิด หนึ่งในกลุ่มโอเมก้า-6 ซึ่งร่างกายต้องใช้ในการสร้างผิวหนังที่แข็งแรง รักษาความชุ่มชื้นของผิว และช่วยในกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ กรดไลโนเลอิก ยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้าง GLA

อีฟนิ่งพริมโรสสรรพคุณช่วยอะไร?

  • ช่วยควบคุมอาการของวัยทอง ช่วงวัยทอง มักมีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ GLA ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ช่วยสร้างสมดุล ของฮอร์โมนเพศ ช่วยลดการอักเสบ และต้านผลของฮอร์โมน ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้หญิงวัยทอง รู้สึกสบายตัวมากขึ้น
  • บรรเทาอาการของโรคผิวหนัง บำรุงผิวพรรณ น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสมี GLA ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า-6 ที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นสารต้านการอักเสบได้ ช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดอาการแห้ง แดง คัน และลอกในผู้ป่วย ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ลดการอักเสบโรคสะเก็ดเงิน โดยไม่รบกวนระบบภูมิคุ้มกัน
  • ลดอาการปวดเต้านม ในผู้หญิงบางคนจะมีอาการปวดเต้านม ที่สัมพันธ์กับรอบเดือน การวิจัยพบว่า น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส สามารถลดความไวของเนื้อเยื่อเต้านม ต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยผ่านกลไกการสร้าง Prostaglandins ที่สมดุล ซึ่งช่วยลดอาการปวดตึง และไม่สบายเต้านม ในช่วงก่อนมีประจำเดือน
  • บรรเทาอาการ ของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การวิจัยบางชิ้นพบว่า น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสสามารถลดอาการปวด บวม และตึงข้อตอนเช้า ได้ในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ช่วยลดสารก่ออักเสบ (เช่น IL-1, TNF-α) ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อ ลื่นไหลขึ้น และลดการพึ่งพายาต้านการอักเสบบางชนิดได้
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2ช่วยเพิ่มความไวของอินซูลิน ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่นปลายประสาทอักเสบ ลดการอักเสบระดับเซลล์ ทำให้หลอดเลือด และเส้นประสาท มีการไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการชาปลายมือปลายเท้า และช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ได้ในระยะยาว

ที่มา: Evening Primrose Oil: Benefits, Uses, Side Effects [1]

ควรกินอีฟนิ่งพริมโรสตอนไหน?

ควรรับประทานน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส พร้อมอาหาร โดยสามารถแบ่งรับประทาน ได้ทั้งในช่วงเช้า และเย็น การรับประทานพร้อมอาหาร จะช่วยเพิ่มการดูดซึม และลดโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่นคลื่นไส้หรือปวดท้อง

ปริมาณที่แนะนำ สำหรับการรับประทาน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสอยู่ระหว่าง 2,000–6,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยควรแบ่งรับประทานเป็น 2–3 ครั้งต่อวัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่เหมาะสม อาจแตกต่างกันไป ตามสภาวะสุขภาพ ของแต่ละบุคคล [2]

รูปแบบอีฟนิ่งพริมโรส วิธีทาน

น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส มักอยู่ในรูปแบบแคปซูลนิ่ม (Softgel) มีปริมาณ GLA แตกต่างกัน ในแต่ละยี่ห้อปริมาณแนะนำต่อวัน: 500–1,300 มก./วัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของ GLA ควรรับประทานพร้อมอาหาร เพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น

ในกรณีของผู้หญิงวัยทอง ที่ต้องการบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ หรืออารมณ์แปรปรวน ควรรับประทานน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3–6 เดือน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การเลือกอีฟนิ่งพริมโรสที่มีคุณภาพ

การเลือกน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสควรพิจารณา ดังนี้

  • ปริมาณ GLA ที่ชัดเจนบนฉลาก
  • การรับรองมาตรฐาน GMP หรืออย.
  • ไม่มีสารเจือปนหรือสารกันบูด
  • บรรจุภัณฑ์ทึบแสง เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยา oxidation

บทสรุป น้ำมัน อีฟนิ่งพริมโรส

น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส เป็นอีกหนึ่งทางเลือกจากธรรมชาติ ที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยทอง ด้วยสาระสำคัญที่มีบทบาท ในการปรับสมดุลฮอร์โมน ลดการอักเสบ และดูแลผิวพรรณ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยารักษาโรค ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน

อีฟนิ่งพริมโรสออยล์เหมาะกับใคร?

  • ผู้หญิงที่มีอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสมีกรดแกมมาไลโนเลนิก ซึ่งอาจช่วยลดอาการปวดท้อง คัดเต้านม อารมณ์แปรปรวน และท้องอืด ที่เกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือนได้
  • ผู้หญิงวัยทอง สำหรับผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทอง น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสอาจช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน และอารมณ์แปรปรวน ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง หรือผิวอักเสบ น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดการอักเสบ และอาจช่วยบรรเทาอาการ ของโรคผิวหนังบางชนิด เช่นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
  • ผู้ที่มีอาการปวดข้อ หรือโรคข้ออักเสบ กรดแกมมาไลโนเลนิก ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดอาการปวด และบวม ในผู้ที่มีโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ผู้ที่มีภาวะปลายประสาทอักเสบ จากโรคเบาหวาน มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส อาจช่วยบรรเทาอาการชา หรือเจ็บปวด ที่เกิดจากภาวะปลายประสาทอักเสบ ในผู้ป่วยเบาหวาน
  • ผู้ที่ต้องการเสริมกรดไขมันจำเป็น เนื่องจากร่างกาย ไม่สามารถสังเคราะห์กรดไขมันจำเป็นบางชนิดได้เอง การรับประทานน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส จึงเป็นวิธีหนึ่ง ในการเสริมกรดไขมันจำเป็น

ที่มา: อีฟนิ่งพริมโรส กินแล้วได้อะไร? ดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง [3]

อีฟนิ่งพริมโรสไม่เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีประวัติชัก หรือโรคลมชัก มีรายงานว่าน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส อาจกระตุ้นให้เกิดอาการชัก โดยเฉพาะในผู้ที่เคยมีประวัติโรคลมชัก หรือผู้ที่ใช้ยา ที่มีผลต่อระบบประสาท เช่นยาต้านโรคจิต
  • ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin), แอสไพริน, หรือคลอพิโดเกรล (Clopidogrel) น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง เพิ่มความเสี่ยง ต่อการฟกช้ำ หรือเลือดออกผิดปกติ
  • หญิงตั้งครรภ์ในช่วงใกล้คลอด บางรายงานระบุว่าน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส อาจมีผลต่อการหดรัดตัวของมดลูก และอาจทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด หรือมีผลต่อกระบวนการคลอด จึงไม่ควรใช้ หากไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เช่นโรคฮีโมฟีเลีย หรือมีความผิดปกติของเกล็ดเลือด เพราะน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส อาจทำให้เลือดหยุดไหลช้าลง
  • ผู้ที่กำลังรอผ่าตัด ควรหยุดใช้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากเสี่ยงต่อการมีเลือดออกมาก ระหว่างผ่าตัด
  • ผู้แพ้พืชในตระกูลเดียวกัน เช่นพืชชนิดอื่นๆ ที่คล้ายกัน เพราะอาจเกิดอาการแพ้ เช่นผื่น ลมพิษ หรือหายใจลำบาก
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง