
Peppermint Oil คือ น้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำมันหอมระเหย ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ไม่เพียงแต่ให้กลิ่นที่หอมเย็นสดชื่น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตั้งแต่การบรรเทาอาการปวดหัว ไปจนถึงการช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร และสุขภาพลำไส้
น้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์ เป็นน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากใบของ เปปเปอร์มิ้นต์ (Mentha piperita) ซึ่งเป็นพืชในตระกูลมิ้นต์ (Lamiaceae) มีลักษณะเด่น คือกลิ่นหอมเย็น สดชื่น และมีสารสำคัญ เช่นเมนทอล (Menthol) และ เมนโทน (Menthone) ซึ่งให้ความเย็น และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
เปปเปอร์มิ้นต์เป็นพืชลูกผสม ที่เกิดจากการรวมตัวของ สเปียร์มิ้นต์ และวอเทอร์มิ้นต์ เปปเปอร์มิ้นต์ ถูกค้นพบครั้งแรกในยุโรป และมีการใช้ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ (1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช) มีหลักฐานการใช้เปปเปอร์มิ้นต์ในกรีก และโรมันโบราณ เพื่อบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย และการรักษาโรคต่างๆ
ในปัจจุบัน น้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์ถูกผลิตในหลายประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ญี่ปุ่น และอินเดีย โดยนิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา เครื่องสำอาง และอาหารเสริม เนื่องจากมีคุณสมบัติ ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน
น้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์ มีสารประกอบทางเคมี ที่สำคัญหลายชนิด ซึ่งให้คุณสมบัติเย็นสดชื่น และประโยชน์ทางยา โดยองค์ประกอบหลัก ได้แก่
ที่มา: Peppermint-Oil Uses and Benefits [1]
แม้ว่าน้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็ไม่เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะ หรือเงื่อนไขทางสุขภาพ ดังนี้
น้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์เป็นน้ำมันหอมระเหย ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งช่วยบรรเทาอาการทางเดินอาหาร บำรุงสุขภาพลำไส้ ช่วยลดอาการลำไส้แปรปรวน ไปจนถึงช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ และช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ดีขึ้น หากต้องการดูแลสุขภาพลำไส้ น้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
ที่มา: Peppermint-oil benefits, dosage & more [2]
น้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์สามารถใช้ได้หลายวิธี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการสูดดม ทาผิว และรับประทาน
ที่มา: Peppermint-oil benefits, dosage & more [3]