Ginger Extract คือ อะไร? สมุนไพรดูแลลำไส้

Ginger Extract คือ

Ginger Extract คือ อะไรคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะอาจเคยพบเจอในฉลาก ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือเครื่องดื่มสุขภาพ ว่ามันคืออะไร หรือมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย ในยุคที่คนเราหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การเลือกใช้สมุนไพรจากธรรมชาติ จึงได้รับความนิยมมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือขิง ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ถูกใช้มานาน

สารสกัด Ginger Extract คือ อะไร?

Ginger-Extract คือสารสกัดจากขิง เป็นสารเข้มข้นที่ได้จากการนำขิง (Zingiber officinale) ซึ่งเป็นพืชสมุนไพร มาทำการสกัด เพื่อให้ได้สารสำคัญที่เข้มข้นกว่าขิงสด หรือขิงแห้ง โดยสารสกัดนี้จะมีสารออกฤทธิ์หลัก และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา

สารสกัดจากขิงสามารถอยู่ในหลายรูปแบบ เช่นแคปซูล ผงสกัดเข้มข้น ของเหลว หรือสารสกัดมาตรฐาน (standardized extract) ที่มีการควบคุมปริมาณสารออกฤทธิ์ เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือยาแผนโบราณ โดยเน้นในการดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ เช่นสุขภาพลำไส้ อักเสบ และการเสริมภูมิคุ้มกัน

เนื่องจากขิงเป็นสมุนไพร ที่ได้รับการยอมรับ จากทั้งศาสตร์ตะวันออก และตะวันตก สารสกัดจากขิงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ด้วยวิธีธรรมชาติ และปลอดภัย

สารสำคัญในสารสกัดจากขิง

  • Gingerol เป็นสารสำคัญที่พบในขิงสด มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดอาการคลื่นไส้ Gingerol ยังช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร และมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
  • Shogaol เกิดจากการเปลี่ยนรูปของ gingerol เมื่อขิงผ่านความร้อน หรือแห้ง สารนี้มีฤทธิ์แรงกว่า gingerol โดยเฉพาะในด้านการต้านการอักเสบ บรรเทาอาการปวด และช่วยลดอาการคลื่นไส้ ในผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด
  • Zingerone เป็นสารที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของขิง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยปกป้องเยื่อบุลำไส้ ลดการเกิดกลิ่นเหม็นในลำไส้ รวมถึงช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
  • Paradol มีฤทธิ์คล้ายกับ gingerol และ shogaol โดยเฉพาะในการต้านอนุมูลอิสระ และอาจมีส่วนช่วยในการต้านมะเร็ง ในระดับเซลล์
  • Essential Oils (น้ำมันหอมระเหย) เช่น zingiberene, β-bisabolene และ cineole ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อจุลชีพ และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต

Ginger-Extract ช่วยอะไร?

  • เสริมสุขภาพลำไส้ และระบบย่อยอาหาร กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น ลดการบีบตัวผิดปกติของลำไส้ จึงช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ที่ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินอาหาร ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut microbiota) โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
  • ลดอาการคลื่นไส้และเวียนศีรษะ ได้รับความนิยมในการใช้ลดอาการเมารถ เมาเรือ หรือแม้แต่คลื่นไส้ในหญิงตั้งครรภ์ สาร 6-Gingerol มีส่วนช่วยยับยั้งการส่งสัญญาณคลื่นไส้ ไปยังสมอง
  • ต้านการอักเสบ และบรรเทาอาการปวด ช่วยลดการอักเสบในข้อต่อ เช่นโรคข้อเสื่อม ลดความเจ็บปวดประจำเดือน โดยไม่ต้องพึ่งยาเคมี
  • เสริมระบบภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ และลำไส้
  • ควบคุมน้ำตาล และไขมันในเลือด ช่วยเพิ่มความไวของอินซูลิน ลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์

ที่มา: Ginger-Extract [1]

 

การใช้ขิงในรูปแบบอาหารเสริม

Ginger Extract คือ

สารสกัดจากขิงในรูปแบบอาหารเสริม ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสะดวกต่อการรับประทาน และสามารถควบคุมปริมาณสารออกฤทธิ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งรูปแบบอาหารเสริมที่พบได้บ่อยได้แก่

  • แคปซูลหรือเม็ดสารสกัดจากขิง เป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุด โดยมักระบุปริมาณจิงเจอรอล หรือโชกาโอลชัดเจน ช่วยให้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
  • ผงขิงเข้มข้น นิยมใช้ผสมในน้ำร้อนเพื่อชงดื่ม เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวก และไม่ต้องการกลิ่นแรงของขิงสด
  • เครื่องดื่มสมุนไพรผสมสารสกัดขิง เช่นชาขิงพร้อมดื่ม หรือเครื่องดื่มสุขภาพ ที่มีการเติมขิงสกัดเข้มข้น ช่วยให้ทานง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน
  • ขิงสกัดผสมในสูตรรวม (อาหารเสริมรวม) มักพบในผลิตภัณฑ์ที่รวมสมุนไพรหลายชนิด เช่นขิง ขมิ้น กระชาย ที่ใช้สำหรับดูแลลำไส้ หรือต้านอาการอักเสบ

สารสกัดจากขิง งานวิจัย

งานวิจัยจาก Journal of Ethnopharmacology (2020)

พบว่า สารสกัดจากขิงสามารถลดอาการท้องอืด ในผู้ป่วยที่มีภาวะลำไส้แปรปรวนได้ โดยผู้ป่วยที่ได้รับขิงสกัดมีอาการแน่นท้อง ท้องเฟ้อ และปวดเกร็งลดลงชัดเจน เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษา ขิงแสดงผลในการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อลำไส้ และลดการบีบเกร็ง ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการ IBS

งานวิจัยจาก Phytotherapy Research (2019)

รายงานว่าสาร 6-Gingerol ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์หลักในขิง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของลำไส้ โดยสามารถยับยั้งกระบวนการอักเสบ ที่เกิดจากสารไซโตไคน์ ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาท ในการกระตุ้นการอักเสบของเซลล์ลำไส้ กลไกนี้มีความสำคัญในภาวะลำไส้อักเสบเรื้อรัง ซึ่งขิงเป็นทางเลือก ในการลดอาการเหล่านี้

บทความจาก Nutrients (2021)

ระบุว่าขิงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในระดับสูง และยังมีคุณสมบัติ ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยเพิ่มแบคทีเรีย ที่เป็นประโยชน์ และลดจำนวนแบคทีเรียก่อโรค นอกจากนี้ ยังพบว่าขิงมีบทบาท ในการส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหารในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยช่วยลดการอักเสบระดับเซลล์

สารสกัดจากขิงเหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีปัญหาระบบย่อยอาหาร มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้องบ่อย มีปัญหาการย่อยช้า หรือลำไส้แปรปรวน ต้องการกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย เพื่อให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้น
  • ผู้ที่มีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หรือเมารถ เหมาะกับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย และมีอาการเมาเรือ เมารถ ผู้ที่มีอาการคลื่นไส้ จากการตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัด และมีอาการคลื่นไส้หลังการรักษา
  • ผู้ที่มีอาการปวดประจำเดือน หรือข้ออักเสบ ขิงมีฤทธิ์ลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปวดอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยาแก้ปวดในระยะยาว
  • ผู้ที่ต้องการ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน เหมาะสำหรับคนที่ร่างกายอ่อนแอ เป็นหวัดหรือเจ็บคอบ่อย ผู้สูงอายุที่ต้องการเสริมภูมิต้านทาน ด้วยวิธีธรรมชาติ
  • ผู้ที่ต้องการดูแลระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด ขิงช่วยควบคุมระดับน้ำตาล และปรับสมดุลไขมันชนิดไม่ดีในเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมสุขภาพในระยะยาว โดยไม่ใช้ยาเคมี

สรุป สารสกัดจากขิงสมุนไพรดีต่อลำไส้

สารสกัดจากขิงคือสมุนไพรที่มีศักยภาพสูง ในด้านการดูแลสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะในเรื่องของระบบย่อยอาหารและลำไส้ นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการไม่สบายท้องได้อย่างดีแล้ว ยังเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย เป็นการดูแลสุขภาพจากธรรมชาติที่ปลอดภัย

ผลเสียของขิงมีอะไรบ้าง?

  • ระคายเคืองกระเพาะอาหาร การบริโภคขิงในปริมาณมาก อาจทำให้รู้สึกแสบท้อง หรือระคายเคือง โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน
  • เสี่ยงต่อการเลือดออกง่าย ขิงมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ผู้ที่ทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น warfarin หรือ aspirin ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • ลดความดันโลหิตมากเกินไป ขิงอาจทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ ผู้ที่มีภาวะความดันต่ำควรระวัง
  • อาจเกิดอาการแพ้ บางคนอาจแพ้ขิง ทำให้มีผื่น คัน หรือหายใจติดขัด ควรหยุดใช้ทันทีหากมีอาการเหล่านี้
  • อาจรบกวนการทำงานของยาบางชนิด เช่นยาลดน้ำตาลในเลือด ยารักษาโรคหัวใจ หรือยาลดความดัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานร่วมกับขิง หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีขิง

ที่มา: ขิง (Ginger) [2]

 

ควรทานสารสกัดจากขิงตอนไหน?

  • ก่อนอาหาร หรือระหว่างมื้อ เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด แน่นท้อง หรือช่วยกระตุ้นน้ำย่อย
  • ก่อนเดินทาง 30 นาที – 1 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่มักมีอาการเมารถ เมาเรือ ขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ และอาเจียนได้
  • ตอนเช้า เหมาะกับการลดอาการคลื่นไส้ในหญิงตั้งครรภ์ (morning sickness) โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • หลังอาหาร เพื่อช่วยบรรเทาอาการจุกแน่น หรืออาหารไม่ย่อย
  • ช่วงมีประจำเดือน สามารถรับประทานในช่วงที่มีอาการปวดประจำเดือน ขิงมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดได้

โดยปริมาณที่แนะนำ 250–1000 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งเป็น 2-4 ครั้ง ไม่ควรเกิน 4 กรัมต่อวัน (รวมทั้งจากอาหารสด และสารสกัด) [3]

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง