
ไขปริศนา ผลไม้อะไรที่มี MCPG สูง
- Fiona
- 15 views

ผลไม้อะไรที่มี MCPG สูง อาจเป็นคำถามที่หลายคนไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะชื่อของสารนี้อาจฟังดูซับซ้อน ราวกับมาจากห้องทดลอง แต่จริงๆแล้วเป็นสารธรรมชาติ ซึ่งเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนอาจมีผลต่อร่างกาย หากได้รับในช่วงท้องว่าง หรือปริมาณมากเกินไป
- เมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนคืออะไร?
- พิษของเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน
- ผลไม้ที่มีเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนสูง
เมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนคืออะไร?
Methylenecyclopropylglycine เป็นกรดอะมิโนธรรมชาติ ที่มีโครงสร้างคล้ายกับ Hypoglycin A สารชนิดนี้ถูกค้นพบ ว่ามีอยู่ในผลไม้หลายชนิด ซึ่งตามรายงานพบว่า อาจก่อให้เกิดอาการพิษได้ โดยเฉพาะเมื่อรับประทาน ในขณะท้องว่าง เพราะจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างเฉียบพลัน และเกิดภาวะ hypoglycemic encephalopathy
เมื่อเข้าสู่ร่างกายเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน จะถูกเปลี่ยนเป็นสาร ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงาน ของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสลายกรดไขมัน และการสร้างน้ำตาลกลูโคส จากกรดอะมิโน ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถสร้างพลังงานทดแทนได้เพียงพอ ในช่วงที่ขาดอาหาร ก่อให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรง
รายงานทางการแพทย์ในปี 2017 ได้เชื่อมโยงการเกิดพิษจากสารเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน ในผลลิ้นจี่กับเหตุการณ์เด็กขาดสารอาหารในอินเดีย ที่เสียชีวิตจากภาวะ hypoglycaemia และ encephalopathy ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญ ของการรับประทานผลไม้เหล่านี้ อย่างเหมาะสมและปลอดภัย (2 ตุลาคม 2025) [1]
พิษของเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน
- ยับยั้งการสลายกรดไขมัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้ไขมันเป็นพลังงาน ส่งผลให้พลังงานในตับ ลดลงอย่างรวดเร็ว
- ขัดขวางการสร้างกลูโคส เมื่อไม่มีพลังงานจากไขมัน ตับไม่สามารถสร้างน้ำตาล จากกรดอะมิโนได้ จึงเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเฉียบพลัน โดยเฉพาะในเด็ก ที่ไม่ได้กินอาหารเย็น หรือขาดสารอาหาร ทำให้สมองขาดพลังงาน จนหมดสติหรือชัก
- กระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง สมองขาดกลูโคส ส่งผลให้เกิดอาการชัก หมดสติ หรือภาวะสมองบวม
- ทำให้เอนไซม์พลังงานในตับ ทำงานผิดปกติเช่น pyruvate carboxylase และ acyl-CoA dehydrogenase ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างพลังงาน และน้ำตาล
- อาจทำให้เกิดความเสียหายของตับ ในกรณีรุนแรงพบเอนไซม์ตับสูงขึ้น บ่งชี้ว่ามีการอักเสบ หรือเซลล์ตับถูกทำลายบางส่วน
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ในภาวะอดอาหาร เพราะเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน ทำให้ร่างกายไม่สามารถดึงพลังงานสำรองออกมาใช้ได้เลย ในช่วงอดอาหาร หรือยามหลับ
ข้อดีของเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน
- ใช้เป็นแบบจำลองศึกษา กลไกภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ นักวิทยาศาสตร์ใช้เมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน ในการทดลองกับสัตว์ เพื่อทำความเข้าใจกลไกการขาดพลังงาน การทำงานของเอนไซม์ในตับ และการเผาผลาญพลังงาน ในภาวะวิกฤต
- ช่วยในการวิจัยโรค metabolic พฤติกรรมของเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน ที่ยับยั้งการสลายไขมัน คล้ายกับโรคพันธุกรรมบางชนิดเช่น fatty acid oxidation disorders จึงถูกใช้เป็นตัวจำลอง เพื่อศึกษาแนวทางรักษาโรคเหล่านี้
- ใช้ในการทดสอบ และพัฒนาเทคนิคการตรวจสารพิษ เมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนและ Metabolites ของมันถูกนำมาใช้พัฒนา เครื่องมือวิเคราะห์เช่น LC–MS/MS เพื่อวัดสารพิษในอาหาร และร่างกายอย่างแม่นยำ
- เป็นตัวอย่างสำคัญ ในวิทยาเคมีพืช การค้นพบเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนจากลิ้นจี่ ช่วยเปิดทางให้เข้าใจว่า พืชบางชนิดสร้างกรดอะมิโนผิดปกติได้อย่างไร และใช้กลไกนี้ ในการป้องกันศัตรูพืชตามธรรมชาติ
ผลไม้อะไรบ้างที่มี MCPG?

- ลิ้นจี่ดิบ ปกติแล้วลิ้นจี่เป็น ผลไม้ เพื่อสุขภาพ รสชาติหอมหวาน หลายคนชื่นชอบ แต่ลิ้นจี่ที่ยังไม่สุกเต็มที่ เป็นแหล่งของ เมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนสูงที่สุด โดยเฉพาะในเนื้อ และเมล็ดอ่อน การกินลิ้นจี่ดิบ ในขณะท้องว่าง อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด ตกอย่างรวดเร็ว จนเกิดอาการ lychee encephalopathy
- Ackee ผลไม้พื้นเมือง ของแถบแคริบเบียน ที่มีสารพิษใกล้เคียงกันกับลิ้นจี่ ทั้งเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน และ Hypoglycin A พบมากในผลดิบ และเมล็ด หากกินก่อนที่ผลจะสุก จะเสี่ยงต่อพิษเฉียบพลัน จากการยับยั้งกระบวนการสร้างพลังงานในร่างกาย
- ลองกอง มีรายงานว่ามีปริมาณเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน ต่ำกว่าลิ้นจี่มาก แต่ยังตรวจพบในบางสายพันธุ์ โดยเฉพาะผลที่ยังไม่สุกดี แม้ระดับต่ำ อาจไม่เป็นอันตราย แต่การบริโภคในปริมาณมาก ขณะท้องว่างก็ไม่แนะนำ
- ลำไยดิบ อยู่ในวงศ์เดียวกับลิ้นจี่ จึงมีสารในกลุ่มเดียวกัน แต่ในระดับต่ำกว่า พบมากในผลที่ยังไม่สุก และในเมล็ด ไม่ก่ออันตราย หากรับประทานในปริมาณปกติหลังอาหาร
- มะม่วงดิบ มีการตรวจพบเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป แต่หากกินผลดิบจำนวนมาก โดยไม่ทานอาหารอื่น อาจกระตุ้นอาการน้ำตาลต่ำได้ ในบางรายที่ไวต่อสารนี้
ปริศนาเหตุการณ์เด็กอินเดียเสียชีวิต
เหตุการณ์ mystery seasonal deaths ในรัฐ Bihar ทางตอนเหนือของอินเดีย เริ่มถูกตั้งข้อสังเกต ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 เด็กเล็กจำนวนมาก ในพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะเมือง Muzaffarpur ซึ่งเป็นแหล่งปลูกลิ้นจี่ขนาดใหญ่ มักป่วยและเสียชีวิตเฉียบพลัน ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงมิถุนายนของทุกปี
ซึ่งตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวลิ้นจี่ อาการของเด็กเหล่านี้คล้ายกัน คือหมดสติในตอนกลางคืน มีอาการชัก เหงื่อออกมาก และระดับน้ำตาลในเลือดต่ำผิดปกติ โดยไม่พบสาเหตุจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปริศนาทางการแพทย์ ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี
ต่อมาในปี 2013–2017 ทีมวิจัยอินเดียร่วมกับ CDC และ NIH พบว่าเด็กที่ป่วยเหล่านี้มีสาร MCPG และ Hypoglycin A ในเลือด ซึ่งเป็นสารพิษธรรมชาติในผลอ่อนลิ้นจี่ ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเฉียบพลัน การค้นพบนี้ได้รับการเผยแพร่ในปี 2017 ผ่านวารสาร Nature India ซึ่งอธิบายปริศนาอันยาวนานนี้ได้อย่างชัดเจน (1 กุมภาพันธ์ 2017) [2]
งานวิจัยพิษเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน
งานวิจัยพิษเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน กับภาวะน้ำตาลต่ำอธิบายว่า MCPA จาก Hypoglycin A และเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนจากลิ้นจี่ สามารถรบกวนการสร้างพลังงานในตับได้โดยตรง สารทั้งสองยับยั้งกระบวนการสลายกรดไขมัน β-oxidation ทำให้พลังงาน และสารตั้งต้น ที่ใช้สร้างกลูโคสลดลง
ส่งผลให้การสร้างน้ำตาลในเลือดหยุดชะงัก ผลคือเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเฉียบพลัน โดยเฉพาะในผู้ที่ร่างกายมีพลังงานสำรองน้อย กลไกนี้ จึงอธิบายได้ว่า ทำไมการได้รับสารพิษจากผลไม้ที่มีเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน เช่นลิ้นจี่ที่ยังไม่สุก จึงทำให้เกิดอาการชัก หมดสติ และเสียชีวิตในบางกรณี (20 มีนาคม 2018) [3]
สรุปแล้ว ผลไม้อะไรที่มีสาร MCPG
ผลไม้ที่มีเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนสูงที่สุด คือลิ้นจี่ดิบ โดยเฉพาะผลที่ยังไม่สุกเต็มที่ รองลงมาคือ Ackee ผลไม้เขตร้อนของแถบแคริบเบียน และพบเล็กน้อยคือ ลองกอง ลำไยดิบ และมะม่วงดิบ หากรับประทานผลไม้เหล่านี้ตอนท้องว่างหรือ ปริมาณมาก โดยเฉพาะผลที่ยังไม่สุกดี อาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำเฉียบพลันได้
ระวังเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนอย่างไร?
การรับประทานผลไม้ ให้ปลอดภัยจากเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน ควรเลือกผลที่สุกเต็มที่เท่านั้น หลีกเลี่ยงการกิน ผลลิ้นจี่อ่อน หรือที่ยังเขียว โดยเฉพาะในขณะท้องว่าง หรือช่วงเช้ามืด หลังไม่ได้กินอาหารมื้อเย็น สำหรับเด็กควรให้กินอาหาร ที่มีคาร์โบไฮเดรตเพียงพอ ก่อนกินผลไม้ และไม่ควรกินในปริมาณมากติดต่อกัน
ใครควรระวังเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีน?
ผู้ที่ควรระวังสารเมทิลีนไซโคลโพรพิลไกลซีนเป็นพิเศษ คือเด็กเล็ก โดยเฉพาะในกลุ่มที่ขาดสารอาหาร หรือไม่ได้กินอาหารมื้อเย็น เพราะร่างกายมีพลังงานสำรอง จากไกลโคเจนในตับน้อย นอกจากนี้ ผู้ที่อดอาหารเป็นเวลานาน ผู้ป่วยโรคตับ หรือผู้มีความผิดปกติ ของการเผาผลาญไขมัน ก็ควรระวังเช่นกัน
- Tags: สุขภาพ


