
โครเมียม พิโคลิเนต เป็นชื่อที่หลายคนอาจเคยผ่านหู หรือเห็นตามฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลายชนิด โดยเฉพาะในกลุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำหนัก หรือระดับน้ำตาลในเลือด บทบาทของโครเมียมพิโคลิเนต ไม่ได้มีแค่เรื่องควบคุมน้ำหนัก หรือน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกายโดยรวมอีกด้วย
โครเมียม พิโคลิเนต (Chromium Picolinate) เป็นรูปแบบแร่ธาตุโครเมียม ที่ผ่านกระบวนการเชื่อมกับกรดพิโคลินิก (Picoclinic acid) เพื่อเพิ่มการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เมื่อเทียบกับรูปแบบโครเมียมทั่วไป โครเมียมพิโคลิเนตจึงเป็นรูปแบบ ที่นิยมนำมาใช้ในอาหารเสริมมากที่สุด โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ สำหรับควบคุมน้ำตาลในเลือด และช่วยเผาผลาญไขมัน
โครเมียมเป็นแร่ธาตุจำเป็นในปริมาณน้อย ที่มีบทบาทสำคัญ ในระบบเผาผลาญของร่างกาย โดยเฉพาะกระบวนการทำงาน ของอินซูลิน ฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โครเมียมช่วยเพิ่มความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน
ส่งผลให้ร่างกาย สามารถนำกลูโคสจากเลือด เข้าไปใช้ในเซลล์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ โครเมียมยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ซึ่งมีผลต่อการ ควบคุมน้ำหนัก และพลังงานโดยรวม
ที่มา: The Health Benefits of Chromium Picolinate [1]
แม้ว่าโครเมียม จะพบได้ในอาหารหลากหลายประเภท แต่ปริมาณที่มี ในแต่ละแหล่งค่อนข้างต่ำ แหล่งอาหารที่พบโครเมียม ได้แก่
โครเมียมพิโคลิเนตเป็นแร่ธาตุ ในรูปแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี และมีบทบาทสำคัญ ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของอินซูลิน และอาจช่วยในการลดน้ำหนักในบางราย อย่างไรก็ตาม ควรใช้ควบคู่กับพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่นการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ
ที่มา: Chromium Picolinate: Health Benefits, How to Take & Side Effects [2]
โครเมียมพิโคลิเนตควรรับประทานพร้อมอาหาร หรือหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยในการดูดซึม และลดความเสี่ยง ต่อการระคายเคืองกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน ในช่วงเย็น หรือก่อนนอน เนื่องจากอาจส่งผล ต่อการนอนหลับ
สำหรับผู้ที่ใช้ยารักษาโรคเบาหวาน หรือยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานโครเมียมพิโคลิเนต เนื่องจากอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความเสี่ยง ต่อภาวะน้ำตาลต่ำ [3]