
แอลไทโรซีน ช่วยอะไร คำถามที่หลายคนอาจเริ่มสงสัย เมื่อได้ยินชื่อของกรดอะมิโนชนิดนี้ ซึ่งแม้จะไม่คุ้นหู เท่ากับวิตามิน หรือสารอาหารอื่นๆ แต่แอลไทโรซีน กลับมีบทบาทสำคัญในร่างกาย โดยเฉพาะในวันที่เราต้องการความตื่นตัว สมาธิ ในการเริ่มต้นวันใหม่ เพราะแอลไทโรซีนเกี่ยวข้องกับสมอง และความเครียด หรือแม้แต่การลดอาการง่วง
แอลไทโรซีนคือกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายสามารถผลิตได้เอง จากกรดอะมิโนอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ฟีนิลอะลานีน จัดอยู่ในกลุ่มกรดอะมิโนไม่จำเป็น (non-essential amino acid) แต่อาจกลายเป็นสิ่งจำเป็น ในบางสถานการณ์ เช่นช่วงที่ร่างกายเครียด มีภาวะอดนอน หรือใช้สมองอย่างหนัก
หน้าที่หลักของแอลไทโรซีน คือการเป็นสารตั้งต้น ในการผลิตสารสื่อประสาท ได้แก่โดพามีน (Dopamine), นอร์เอพิเนฟรีน (Norepinephrine) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งทั้งหมดมีบทบาทต่ออารมณ์ ความตื่นตัว และความสามารถ ในการจัดการกับความเครียด
ที่มา: Tyrosine: Benefits, Side Effects and Dosage [1]
แอลไทโรซีนสามารถพบได้ตามธรรมชาติ ในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น
แอลไทโรซีนได้รับความสนใจในกลุ่มอาหารเสริม สำหรับผู้ที่ต้องการตื่นตัว โดยไม่ต้องพึ่งคาเฟอีน หรือสารกระตุ้นแรงๆ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีภาวะง่วงกลางวัน สมาธิหลุดง่าย หรือทำงานหนัก จนสมองล้า โดยบทบาทของแอลไทโรซีน ในการลดอาการง่วง มีดังนี้
แอลไทโรซีนคือกรดอะมิโน ที่มีความสำคัญต่อสมอง และระบบประสาท โดยเฉพาะในการผลิตสารสื่อประสาท ที่ช่วยให้เราตื่นตัว มีสมาธิ และตอบสนองต่อความเครียดได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสมาธิ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือทำงานหนัก
ที่มา: ไทโรซีน (Tyrosine) [2]
เวลาที่เหมาะสม ในการรับประทานแอลไทโรซีนคือ ก่อนทำกิจกรรม ที่ต้องใช้สมาธิหรือความตื่นตัว การรับประทานแอลไทโรซีนประมาณ 30-60 นาทีก่อนทำกิจกรรม ที่ต้องการความตื่นตัวสูง เช่นการทำงานที่ซับซ้อน การศึกษา หรือการออกกำลังกายช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทำงาน และลดความเหนื่อยล้า
หรือรับประทานขณะอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ หากมีการนอนหลับไม่เพียงพอ การรับประทานแอลไทโรซีน ช่วยให้ตื่นตัว และมีสมาธิมากขึ้นในระหว่างวัน
ปริมาณการรับประทานแอลไทโรซีนที่เหมาะสม อาจแตกต่างกันไปตามบุคคล และวัตถุประสงค์ของการใช้ โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 500-2000 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้ควรเริ่มจากขนาดต่ำสุดก่อน [3]