
แอลไทโรซีน ความสำคัญ คุณประโยชน์ต่อร่างกาย
- Fiona
- 30 views

แอลไทโรซีน เป็นหนึ่งในกรดอะมิโน ที่มีบทบาทสำคัญ ต่อการทำงานของร่างกาย และจิตใจ แม้ว่าร่างกายของเราจะสามารถผลิตแอลไทโรซีนได้เอง แต่คุณสมบัติที่โดดเด่น และประโยชน์มากมายของมัน ทำให้กรดอะมิโนชนิดนี้ ได้รับความสนใจ ในด้านสุขภาพ และโภชนาการอย่างกว้างขวาง
แอลไทโรซีน อันตรายหรือไม่
แอลไทโรซีนถือว่าปลอดภัย เมื่อรับประทาน ในปริมาณที่เหมาะสม แต่การใช้ในรูปแบบอาหารเสริมที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่นมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรือมีปฏิกิริยากับยา ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ ก่อนการเริ่มรับประทาน ในรูปแบบอาหารเสริม
แอลไทโรซีน (L-Tyrosine) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่ไม่จำเป็น (non-essential amino acid) ซึ่งหมายความว่าร่างกายสามารถผลิตได้เอง จากกรดอะมิโนอีกชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า Phenylalanine แอลไทโรซีนเป็นสารตั้งต้นสำคัญ สำหรับการสร้างสารเคมี ที่เกี่ยวข้องกับสมอง และระบบประสาท [1]
แอลไทโรซีน ช่วยเรื่องอะไร มีประโยชน์ต่อด้านไหนบ้าง
- แอลไทโรซีนช่วยการสนับสนุนระบบต่อมไทรอยด์ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์ เช่นภาวะไทรอยด์ต่ำ การเสริมแอลไทโรซีน ช่วยการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ได้
- การผลิตสารสื่อประสาทเช่น Dopamine เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ แรงจูงใจ และความสามารถในการรับรู้ Norepinephrine และ Adrenaline ช่วยในระบบตอบสนองต่อความเครียด (fight or flight response)
- การสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) แอลไทโรซีนมีส่วนช่วยในการผลิตเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้ผิวหนัง ผม และดวงตามีสี
- การลดความเครียด และเพิ่มสมาธิ การเสริมแอลไทโรซีน สามารถช่วยลดผลกระทบ จากความเครียดต่อสมอง เพิ่มความสามารถในการทำงานที่ซับซ้อน ภายใต้สภาวะกดดัน
- ส่งเสริมสุขภาพสมอง แอลไทโรซีนช่วยปรับปรุงอารมณ์ เพิ่มสมาธิ และความจำ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการตัดสินใจ
ที่มา: L-ไทโรซีน [2]
L-tyrosine ควรทานตอนไหน
ช่วงเวลาที่แนะนำ ในการรับประทานแอลไทโรซีน คือตอนท้องว่าง การรับประทานแอลไทโรซีนในช่วงท้องว่าง เช่นก่อนอาหารเช้า หรือระหว่างมื้ออาหาร จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการแข่งขันกับกรดอะมิโนอื่นๆ จากอาหารที่รับประทาน
หรือทานก่อนกิจกรรม ที่ต้องใช้สมาธิหรือความตื่นตัว หากต้องการเพิ่มสมาธิ หรือความตื่นตัว เช่นก่อนการทำงานที่ต้องใช้ความคิด หรือก่อนการออกกำลังกาย การรับประทานแอลไทโรซีนประมาณ 30-60 นาทีก่อนกิจกรรม อาจช่วยเสริมประสิทธิภาพได้ [3]
แอลไทโรซีน จะพบได้ในอาหารประเภทไหน

แอลไทโรซีนเป็นกรดอะมิโน ที่พบได้ในอาหารหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีนสูง ปริมาณแอลไทโรซีนในอาหารแต่ละชนิด อาจแตกต่างกัน ตัวอย่างอาหารที่มีแอลไทโรซีน และปริมาณโดยประมาณต่อ 100 gram ได้แก่
- เนื้อสัตว์และปลา: เนื้อไก่ เนื้อวัว และปลา มีปริมาณแอลไทโรซีนประมาณ 1,000-1,500 มิลลิกรัมต่อ 100 gram
- ผลิตภัณฑ์นม: ชีส โยเกิร์ต และนม มีปริมาณแอลไทโรซีนประมาณ 500-900 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม
- ถั่วและเมล็ดพืช: อัลมอนด์ Walnut เมล็ดฟักทอง และเมล็ดงา มีปริมาณแอลไทโรซีนประมาณ 600-1,200 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม
- ธัญพืช: ข้าวโอ๊ต และข้าวสาลี มีปริมาณแอลไทโรซีน 300-500 มิลลิกรัม/100 g.
- ไข่: มีปริมาณแอลไทโรซีน 500 มิลลิกรัม/100 g.
การบริโภคอาหารที่มีโปรตีนสูง จะช่วยให้ร่างกายได้รับแอลไทโรซีนในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตาม ปริมาณแอลไทโรซีนในอาหาร อาจแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มา และวิธีการเตรียมอาหาร ดังนั้น ควรบริโภคอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล
การใช้แอลไทโรซีนในรูปแบบอาหารเสริม
การใช้แอลไทโรซีนในรูปแบบอาหารเสริม ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ และความต้องการเฉพาะของบุคคล โดยปริมาณที่แนะนำทั่วไป ได้แก่
- สำหรับการเสริมการทำงานของสมอง และเพิ่มสมาธิ ควรทานปริมาณ500-2,000 milligrams per day ควรรับประทานในช่วงท้องว่าง เพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด เช่นก่อนอาหารเช้า หรือระหว่างมื้ออาหาร
- สำหรับการลดความเครียด หรือรองรับสภาวะที่มีแรงกดดันสูง ควรทานปริมาณ 500-1,500 milligrams per day ในช่วงเวลา 30-60 นาทีก่อนทำกิจกรรมที่มีความเครียด หรือใช้สมอง
- สำหรับการสนับสนุนการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทานปริมาณ 500-1,000 mg. ต่อวัน และควรอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาด้านไทรอยด์
แอลไทโรซีนสามารถทานร่วมกับอาหารเสริม มาคา (Maca) จะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ และปรับสมดุลฮอร์โมน หรือทานร่วมกับ อีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose) ที่อุดมไปด้วยกรดไขมันแกมมาไลโนเลนิก (GLA) ช่วยลดอาการฮอร์โมนไม่สมดุล
ผลข้างเคียงและข้อควรระวังการใช้แอลไทโรซีน
แม้ว่าแอลไทโรซีนจะถือว่าปลอดภัยในคนส่วนใหญ่ แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป หรือในรูปแบบอาหารเสริม ไม่ควรเกิน 12 กรัมต่อวัน หากทานมากเกินอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้
ผลข้างเคียง
- ระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ อาการปวดท้องหรือท้องเสีย
- ระบบประสาท: ปวดศีรษะ รู้สึกกระวนกระวาย หรือกระสับกระส่ายในบางคน
- ความดันโลหิต: ในบางกรณีอาจส่งผลต่อความดันโลหิต โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
- อาการอื่นๆ: มีอาการอ่อนเพลีย อาการแพ้ เช่น ผื่นคัน (ในกรณีที่แพ้สารนี้)
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่มีภาวะไทรอยด์เป็นพิษหรือโรคคอพอกตาโปน: แอลไทโรซีนช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้อาการของโรคไทรอยด์รุนแรงขึ้น
- ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด: แอลไทโรซีนอาจมีปฏิกิริยากับยา เช่นยากลุ่ม MAOIs (Monoamine Oxidase Inhibitors) ที่ใช้รักษาภาวะซึมเศร้า และยา Levodopa ที่ใช้รักษาโรค Parkinson
- ผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย ในระหว่างตั้งครรภ์ และให้นมบุตรยังไม่เพียงพอ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- การบริโภคเกินขนาด: การบริโภคแอลไทโรซีนในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงรุนแรง และเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ
สรุป แอลไทโรซีน Amino acids สำคัญต่อร่างกาย
แอลไทโรซีนเป็นกรดอะมิโน ที่มีความสำคัญต่อร่างกายในหลายด้าน ตั้งแต่การสนับสนุนการทำงานของสมอง และระบบประสาท ไปจนถึงการสร้างฮอร์โมน และสารสื่อประสาท การรับแอลไทโรซีนจากอาหารหรือเสริมในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้
- Tags: สุขภาพ


