แอปเปิลไซเดอร์ เวนิกา ดีกับสุขภาพลำไส้ไหม?

แอปเปิลไซเดอร์ เวนิกา

แอปเปิลไซเดอร์ เวนิกา กลายเป็นน้ำส้มสายชูที่ถูกพูดถึงบ่อย ในวงการสุขภาพ และการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะในเรื่องอาหารเสริม การล้างสารพิษ หรือสูตรดูแลรูปร่างแบบธรรมชาติ หลายคนอาจเคยเห็นผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของแอปเปิลไซเดอร์เวนิกา ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้วแอปเปิลไซเดอร์เวนิกาคืออะไร และมีดีอย่างไรต่อร่างกาย

น้ำส้มสายชู ACV คืออะไร?

แอปเปิลไซเดอร์เวนิกา (Apple Cider Vinegar หรือ ACV) คือน้ำส้มสายชู ที่ได้จากการหมักน้ำแอปเปิล ผ่านกระบวนการหมัก สองขั้นตอน ขั้นแรกจะเปลี่ยนน้ำตาลในแอปเปิล ให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ จากนั้นจะมีการเติมจุลินทรีย์ เพื่อเปลี่ยนแอลกอฮอล์ เป็นกรดอะซิติก ซึ่งเป็นสาระสำคัญ ที่ให้รสเปรี้ยว และมีกลิ่นเฉพาะตัว

แอปเปิลไซเดอร์เวนิกาที่ได้รับความนิยมสูง มักจะเป็นแบบ “raw” หรือที่ยังไม่ผ่านการกรอง ซึ่งยังคงมีสิ่งที่เรียกว่า “the mother” หรือกลุ่มแบคทีเรีย และเอนไซม์ธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย [1]

ACV ต่างกับน้ำส้มสายชูทั่วไปยังไง?

แอปเปิลไซเดอร์ เวนิกา ทำจากน้ำแอปเปิลหมัก มีจุลินทรีย์ที่ดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงนิยมใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อควบคุมน้ำหนัก ช่วยย่อย และดูแลระบบลำไส้

ขณะที่น้ำส้มสายชูทั่วไป ทำจากแอลกอฮอล์หมัก กลิ่นแรง ไม่มีสารอาหาร หรือจุลินทรีย์ดี ใช้สำหรับปรุงอาหาร ดองผัก หรือทำความสะอาดเป็นหลัก ทั้งสองชนิดมีความเปรี้ยว แต่ประโยชน์ต่อสุขภาพต่างกันชัดเจน

แอปเปิลไซเดอร์ เวนิกา ดียังไง?

  • บำรุงสุขภาพลำไส้ แอปเปิลไซเดอร์ที่ไม่ผ่านการกรอง มีแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสมดุล ของจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยการย่อยอาหาร และลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความเป็นกรด ในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้ร่างกาย สามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
  • ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด มีงานวิจัยพบว่าแอปเปิลไซเดอร์ สามารถช่วยชะลอการย่อยแป้ง และดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้ช้าลง ซึ่งมีประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เช่นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 หรือผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
  • ช่วยในการลดน้ำหนัก การทานแอปเปิลไซเดอร์ก่อนมื้ออาหาร อาจช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม ลดความอยากอาหาร และส่งผลต่อการลดน้ำหนัก ในระยะยาว แม้จะเป็นผล ในระดับเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกับการควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย ก็อาจเป็นตัวช่วยที่ดี
  • บำรุงหัวใจ หลอดเลือด กรดอะซิติก และสารต้านอนุมูลอิสระ ในแอปเปิลไซเดอร์ สามารถช่วยลดระดับไขมัน LDL (ไขมันเลว) และไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ อีกทั้งยังช่วยควบคุมความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับปกติได้อีกด้วย
  • ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แอปเปิลไซเดอร์มีคุณสมบัติ ในการต้านจุลชีพ ซึ่งช่วยลดการติดเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส และเมื่อใช้ร่วมกับอาหารที่หลากหลาย อาจช่วยเพิ่มความแข็งแรง ให้ระบบภูมิคุ้มกันได้

ที่มา: Is Apple Cider Vinegar Good for Health? [2]

แอปเปิลไซเดอร์รูปแบบอาหารเสริม

แอปเปิลไซเดอร์ เวนิกา
  • แบบเม็ดหรือแคปซูล พกพาสะดวก ไม่มีกลิ่นหรือรสเปรี้ยวแรง สามารถควบคุมปริมาณได้ชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรสของน้ำส้มสายชู
  • แบบผงชงดื่ม ละลายน้ำแล้วดื่มได้ง่าย มักแต่งรสให้ดื่มง่าย เช่นรสแอปเปิล หรือเบอร์รี บางสูตรผสมพรีไบโอติกส์ หรือไฟเบอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสดชื่น พร้อมช่วยย่อย
  • แบบน้ำ (เข้มข้น) เป็นรูปแบบดั้งเดิม นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ บางสูตรยังมีแบคทีเรียดี ที่ช่วยย่อย ต้องเจือจางก่อนดื่ม ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแผลในกระเพาะ
  • แบบกัมมี่ (Gummy) เคี้ยวง่าย รสหวานอมเปรี้ยว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลืนยาเม็ด มักเสริมสารอาหารอื่นๆ เช่นวิตามิน B12 หรือโฟเลต เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการลองแอปเปิลไซเดอร์แบบอ่อนๆ

แอปเปิลไซเดอร์ทานยังไง?

  • วิธีการทานแอปเปิลไซเดอร์เวนิกา อย่างถูกต้องและปลอดภัย ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เลือกใช้ ดังนี้
  • แบบน้ำ ปริมาณแนะนำ 1–2 ช้อนโต๊ะ (15–30 มล.) ต่อวัน วิธีทานผสมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว (200–250 มล.) ดื่มก่อนอาหารเช้า หรือก่อนมื้ออาหาร ช่วยควบคุมความอยากอาหาร สามารถเติมน้ำผึ้ง หรือเลมอน เพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น ควรดื่มด้วยหลอด เพื่อลดการสัมผัสฟัน และบ้วนปากหลังดื่ม หลีกเลี่ยงการแปรงฟันทันที
  • แบบแคปซูลหรือเม็ด ปริมาณแนะนำ 500–1500 มิลลิกรัมต่อวัน รับประทานพร้อมน้ำ 1 แก้ว หลังอาหาร หรือก่อนมื้ออาหาร ตามคำแนะนำบนฉลาก ควรอ่านฉลากให้ชัดเจน เนื่องจากความเข้มข้นแต่ละแบรนด์ไม่เท่ากัน
  • แบบผงชงดื่ม ปริมาณแนะนำ 1 ซอง หรือ 1 ช้อน ผสมในน้ำเปล่า 200–250 มล. ดื่มก่อนอาหาร ควรเลือกรสที่ชอบ เช่นรสแอปเปิล หรือเบอร์รี เพื่อดื่มง่ายขึ้น
  • แบบกัมมี่ (Gummy) ปริมาณแนะนำ: 1–2 เม็ด ต่อวัน วิธีทาน เคี้ยวหลังอาหาร หรือก่อนอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสเปรี้ยว หรือไม่ชอบกลืนยา

แอปเปิลไซเดอร์ข้อควรระวัง

แม้แอปเปิลไซเดอร์เวนิกาจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่หาทานในปริมาณมากเกินไป หรือใช้ไม่ถูกวิธี อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น

  • ระคายเคืองกระเพาะอาหาร มีความเป็นกรดสูง อาจทำให้แสบกระเพาะ หรือแผลในกระเพาะกำเริบ ผู้ที่มีกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • อาจกัดกร่อนเคลือบฟัน ถ้าดื่มแบบน้ำโดยไม่เจือจาง อาจทำลายเคลือบฟัน ควรดื่มด้วยหลอด และบ้วนปากหลังดื่ม
  • อาจลดระดับโพแทสเซียมในเลือด การใช้ในปริมาณมากติดต่อกัน อาจทำให้โพแทสเซียมในร่างกายต่ำลง ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ และหัวใจ
  • รบกวนการดูดซึมยา อาจรบกวนการออกฤทธิ์ของยาบางชนิด เช่นยาลดน้ำตาลในเลือด ยาขับปัสสาวะ หรือยารักษาโรคหัวใจ
  • ไม่ควรใช้เกินขนาด ปริมาณที่ปลอดภัยโดยทั่วไปแบบน้ำไม่เกิน 1–2 ช้อนโต๊ะต่อวัน

สรุป แอปเปิลไซเดอร์บำรุงลำไส้

แอปเปิลไซเดอร์เวนิกาเป็นเครื่องดื่มธรรมชาติ ที่มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งในด้านการบำรุงสุขภาพลำไส้ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยสามารถเลือกรับประทานในรูปแบบน้ำ แคปซูล หรืออาหารเสริมตามความสะดวก แต่ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม

ใครที่ไม่ควรทานแอปเปิลไซเดอร์?

  • ผู้ที่มีปัญหาแผลในกระเพาะอาหาร หรือกรดไหลย้อน แอปเปิลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง อาจทำให้แสบท้อง หรือระคายเคืองมากขึ้น
  • ผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมต่ำ (Hypokalemia) การทานแอปเปิลไซเดอร์ปริมาณมากเป็นเวลานาน อาจลดระดับโพแทสเซียมในร่างกาย
  • ผู้ที่ทานยาบางประเภท เช่นยาขับปัสสาวะ (Diuretics) ยารักษาโรคเบาหวาน (Insulin หรือ Metformin) ยารักษาโรคหัวใจ (Digoxin) แอปเปิลไซเดอร์อาจรบกวนการออกฤทธิ์ หรือเสริมฤทธิ์ของยาเหล่านี้
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน หรือเคลือบฟันบาง ความเป็นกรดของแอปเปิลไซเดอร์ สามารถกัดกร่อนเคลือบฟัน หากดื่มโดยไม่เจือจาง
  • เด็กเล็ก ไม่ควรให้รับประทานแบบน้ำเข้มข้น เพราะอาจระคายเคืองระบบย่อยอาหาร

ที่มา: 7 Side Effects of Too Much Apple-Cider-Vinegar [3]

 

ใครที่ควรทานแอปเปิลไซเดอร์?

  • ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก มีการศึกษาที่พบว่า แอปเปิลไซเดอร์ช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม อาจลดระดับอินซูลินหลังมื้ออาหาร ช่วยควบคุมความอยากอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดปริมาณอาหารโดยไม่อด
  • ผู้ที่มีปัญหาระบบย่อยอาหาร แอปเปิลไซเดอร์ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย ช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะหลังอาหารมื้อหนัก
  • ผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (ก่อนเบาหวาน หรือเบาหวานชนิดที่ 2) มีข้อมูลว่า แอปเปิลไซเดอร์อาจช่วยลดระดับน้ำตาลหลังอาหาร ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน
  • ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพหัวใจ บางการศึกษาระบุว่า แอปเปิลไซเดอร์อาจช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ เสริมระดับ HDL (ไขมันดี) ในร่างกาย
  • ผู้ที่ต้องการ Detox หรือล้างสารพิษ แอปเปิลไซเดอร์มีคุณสมบัติ ช่วยล้างลำไส้ในระดับอ่อน ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียไม่ดี ในระบบทางเดินอาหาร
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง