เอ็กไคนาเซีย สมุนไพรช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกัน

เอ็กไคนาเซีย

เอ็กไคนาเซีย (Echinacea) เป็นพืชสมุนไพร ที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ในหมู่นักวิจัย และผู้รักสุขภาพทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น และประวัติการใช้งานที่ยาวนาน พืชชนิดนี้ได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยม ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ

แม้ว่าหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ หรือพบเห็นผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของเอ็กไคนาเซีย ตามร้านค้าต่างๆ แต่รายละเอียดเกี่ยวกับประโยชน์ และข้อควรระวังในการใช้งาน ยังคงเป็นสิ่งที่หลายคน ต้องการทำความเข้าใจเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด

ประวัติและที่มาของ เอ็กไคนาเซีย

เอ็กไคนาเซีย

เอ็กไคนาเซียเป็นพืชดอก ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ และถูกนำมาใช้ในตำรายาพื้นบ้าน ของชนพื้นเมืองอเมริกัน มานานหลายศตวรรษ โดยใช้รากและใบของพืชนี้ เพื่อรักษาบาดแผล การติดเชื้อ และบรรเทาอาการปวด ด้วยลักษณะของดอกที่โดดเด่นคล้ายดอก Daisy ทำให้ได้รับความนิยมเป็นไม้ประดับด้วย

เอ็กไคนาเซียมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมใช้ทางการแพทย์มากที่สุดชนิดแรกคือ Echinacea-purpurea นิยมใช้ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ชนิดที่ 2 Echinacea-angustifolia มีสรรพคุณช่วยลดอาการเจ็บคอ ลดการอักเสบ และชนิดที่ 3 Echinacea-pallida ช่วยบรรเทาอาการหวัด และไข้หวัดใหญ่

เอ็กไคนาเซียมีสารออกฤทธิ์หลายชนิด ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่ Alkamides ช่วยต้านการอักเสบ และเพิ่มการดูดซึม ของสารอาหารในร่างกาย Polysaccharides กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และ Flavonoids สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายของเซลล์

ผลเชิงบวกของ เอ็กไคนาเซีย คืออะไร

  • เอ็กไคนาเซียช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เอ็กไคนาเซียมีสารสำคัญ ที่ช่วยกระตุ้นการทำงาน ของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น
  • บรรเทาอาการไข้หวัด มีการใช้เอ็กไคนาเซีย เพื่อบรรเทาอาการของไข้หวัด และการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน โดยอาจช่วยลดระยะเวลา และความรุนแรงของอาการได้
  • ฤทธิ์ต้านการอักเสบ สารสกัดจากเอ็กไคนาเซีย มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการอักเสบในร่างกาย
  • ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส เอ็กไคนาเซียมีสารที่มีฤทธิ์ ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ซึ่งอาจช่วยป้องกัน และบรรเทาการติดเชื้อต่างๆ
  • สารต้านอนุมูลอิสระ ในดอกเอ็กไคนาเซีย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย

นอกจากนี้เอ็กไคนาเซีย สามารถทานร่วมกับอาหารเสริมอื่นๆเช่น เคอร์คูมิน (Curcumin) เนื่องจากทั้งสองเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของกันและกัน

ที่มา: ประโยชน์ของสารสกัดจากเอ็กไคนาเซีย [1]

ทานเอ็กไคนาเซีย ทุกวันได้ไหม

การรับประทานเอ็กไคนาเซียทุกวัน เป็นระยะเวลานาน อาจไม่เหมาะสมสำหรับทุกคน เนื่องจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับความปลอดภัย และผลข้างเคียง ของการใช้เอ็กไคนาเซีย ในระยะยาวยังมีจำกัด บางแหล่งข้อมูล แนะนำว่าไม่ควรใช้เอ็กไคนาเซีย ติดต่อกันเกิน 8 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม การใช้เอ็กไคนาเซียในระยะยาว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ในผู้ใช้บางราย เช่นผื่นคัน มีไข้ ปากแห้ง การรับรสผิดปกติ ลิ้นชา เจ็บคอ เวียนหัวหรือปวดหัว นอนไม่หลับ ปวดตามกล้ามเนื้อ หรือข้อ คลื่นไส้ อาเจียนหรือท้องเสีย หากพบอาการดังกล่าว ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์ทันที [2]

เอ็กไคนาเซีย เป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติไหม

เอ็กไคนาเซียไม่ถือเป็นยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติ เนื่องจากยาปฏิชีวนะ (antibiotics) เป็นสารที่มีฤทธิ์ฆ่า หรือยับยั้งการเจริญเติบโต ของแบคทีเรียโดยตรง ในขณะที่เอ็กไคนาเซีย มีบทบาทในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบมากกว่า

มีการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า เอ็กไคนาเซียสามารถช่วยลดระยะเวลาการเป็นหวัด และบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องได้ โดยการกระตุ้นการทำงาน ของเซลล์เม็ดเลือดขาว และเพิ่มการผลิตสาร ที่ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรค นอกจากนี้เอ็กไคนาเซีย ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย [3]

วิธีการใช้งาน เอ็กไคนาเซีย

เวลาที่เหมาะสมในการใช้ ควรเริ่มใช้ตั้งแต่มีอาการแรกเริ่ม เช่นคัดจมูก เจ็บคอ หรือเริ่มรู้สึกไม่สบาย โดยมีรูปแบบผลิตภัณฑ์ ดังนี้

  • แคปซูลหรือยาเม็ด: รับประทานตามคำแนะนำบนฉลาก หรือแพทย์แนะนำ
  • ชาสมุนไพร: ใช้ใบ ดอก หรือรากต้มดื่มวันละ 1-2 แก้ว
  • สารสกัดเหลว: หยดลงในน้ำ หรือน้ำผลไม้ ตามปริมาณที่กำหนด
  • ครีมหรือเจลทาผิว: ใช้ทาบริเวณที่มีอาการอักเสบ หรือระคายเคือง

ข้อควรระวังการใช้งาน เอ็กไคนาเซีย

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ดอกไม้ตระกูล Asteraceae เช่นดอก Daisy ดอกทานตะวัน และดอกเบญจมาศ อาจเสี่ยงต่อการแพ้เอ็กไคนาเซีย
  • ผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Lupus), โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis), และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากเอ็กไคนาเซีย อาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ให้ทำงานเกินไป
  • ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่นยาหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือยาเคมีบำบัด อาจลดประสิทธิภาพ ของยาเหล่านี้
  • ผู้ที่มีโรคเรื้อรังบางชนิด รวมถึงวัณโรค โรคเบาหวาน และโรคเอชไอวี/เอดส์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • สตรีมีครรภ์ และให้นมบุตร ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ เกี่ยวกับความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูล เกี่ยวกับความปลอดภัยที่ชัดเจน
  • ระยะเวลาใช้งาน ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 8-12 สัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานลดลง
  • อาการแพ้ หรือผลข้างเคียง เช่นผื่นแดง ปากบวม หายใจลำบาก หรือเวียนศีรษะ ควรหยุดใช้ทันที และพบแพทย์
  • ปฏิกิริยากับยา และสมุนไพรอื่นๆ อาจมีผลต่อยาในกลุ่มลดภูมิคุ้มกัน ยาต้านไวรัส หรือยาต้านการอักเสบ ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้

สรุป เอ็กไคนาเซีย บรรเทาหวัด ลดอักเสบ

เอ็กไคนาเซียเป็นสมุนไพร ที่มีศักยภาพสูง ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และบรรเทาอาการของโรคหวัด และการอักเสบต่างๆ ด้วยประวัติการใช้งานที่ยาวนาน และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ที่สนับสนุนประโยชน์ของมัน อย่างไรก็ตาม การใช้งานควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง