เสริมพลังงาน ให้ร่างกายด้วยอาหารเสริมยอดฮิต

เสริมพลังงาน

เสริมพลังงาน เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าในยามเช้า เตรียมตัวสำหรับการทำงาน ที่ต้องใช้พลังงานสูง หรือเพื่อเสริมความแข็งแรงของร่างกายในระยะยาว พลังงานไม่ใช่แค่สิ่งที่ได้รับจากอาหาร แต่ยังเกี่ยวข้องกับสภาพจิตใจ การพักผ่อน และวิถีชีวิตของเราโดยรวม

สัญญาณความเหนื่อยล้า Burnout Syndrome

สัญญาณเตือนความเหนื่อยล้า หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) สามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ดังนี้

  1. ด้านอารมณ์: รู้สึกหดหู่ ซึมเศร้า หงุดหงิด โมโหง่าย อารมณ์แปรปรวน และไม่พอใจในงานที่ทำ
  2. ด้านความคิด: มองคนอื่นในแง่ลบ ระแวง โทษคนอื่นเสมอ สงสัยในศักยภาพของตนเอง และไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง
  3. ด้านพฤติกรรม: ผัดวันประกันพรุ่ง ขาดความกระตือรือร้น บริหารจัดการเวลาไม่ได้ ไม่อยากตื่นไปทำงาน มาสาย ไม่มีสมาธิในการทำงาน และไม่มีความสุขในการทำงาน

การสังเกตสัญญาณเหล่านี้ จะช่วยให้เรารับรู้ถึงภาวะหมดไฟในการทำงาน และสามารถดำเนินการป้องกันหรือแก้ไขได้อย่างเหมาะสม [1]

อาหารอะไรช่วย เสริมพลังงาน

เสริมพลังงาน

อาหารที่ให้พลังงานสูง และดีต่อสุขภาพมีหลายชนิด ซึ่งสามารถช่วยให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอตลอดวัน ดังนี้

  • ไข่ไก่: เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง และมีกรดอะมิโนที่ช่วยในการสร้างพลังงาน ไข่ต้มสุก-100 กรัมให้พลังงานประมาณ 155 กิโลแคลอรี
  • Dark Chocolate: มีสารต้านอนุมูลอิสระและให้พลังงานสูง Dark Chocolate 100 กรัมให้พลังงานประมาณ 579 กิโลแคลอรี
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์: อุดมด้วยโปรตีน และไขมันดี เม็ดมะม่วงหิมพานต์-100 กรัมให้พลังงานประมาณ 553 กิโลแคลอรี
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด: เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และควินัว เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่ให้พลังงานและใยอาหาร
  • เนื้อไก่ไม่ติดมัน: เช่น อกไก่ เป็นแหล่งโปรตีนที่ให้พลังงาน และมีไขมันต่ำ อกไก่ปรุงสุก-100 กรัมให้พลังงาน 158 แคลอรี
  • เนื้อปลา: เช่น ปลาแซลมอน มีโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ดีต่อสุขภาพ ปลาแซลมอนรมควัน-100 กรัมให้พลังงาน 117 แคลอรี
  • มันเทศ: เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่ให้พลังงานและใยอาหาร มันเทศต้มสุก-100 กรัมให้พลังงาน 76 แคลอรี

การรับประทานอาหารเหล่านี้ ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานที่เพียงพอ และดีต่อสุขภาพ [2]

วิธีฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าเร่งด่วน

อาการเหนื่อยล้าอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่นการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด หรือการทำงานหนัก เพื่อฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว สามารถปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู และลดความเหนื่อยล้าได้
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การขาดน้ำอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย
  • ออกกำลังกายเบาๆ: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มพลังงาน ลองทำกิจกรรมที่ไม่หนักมาก เช่นเดินเร็วหรือโยคะ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันดี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อรักษาระดับพลังงานและลดความอ่อนเพลีย
  • จัดการความเครียด: ความเครียดสามารถทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าได้ ลองฝึกการหายใจลึกๆ นั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ เพื่อผ่อนคลายจิตใจ
  • หลีกเลี่ยงคาเฟอีน และน้ำตาลมากเกินไป: แม้ว่าคาเฟอีนและน้ำตาล จะให้พลังงานชั่วคราว แต่การบริโภคมากเกินไป อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลียหลังจากนั้น
  • พักผ่อนระหว่างวัน: การหยุดพักช่วงสั้นๆ ระหว่างการทำงาน ช่วยให้สมองและร่างกายได้ผ่อนคลาย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

หากปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับคำแนะนำเพิ่มเติม [3]

แนะนำ 6 อาหาร เสริมพลังงาน

อาหารเสริมพลังงาน แต่ละตัวมีคุณสมบัติที่ช่วย เสริมพลังงาน และฟื้นฟูร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้

  1. เสริมพลังงานด้วยอาหารเสริม เวย์โปรตีน (Whey Protein) ให้โปรตีนคุณภาพสูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกาย ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ สำหรับผู้ที่ทำงานหนักหรือใช้พลังงานมาก
    เบต้าอะลานีน (Beta-Alanine) ช่วยเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ โดยลดการสะสมกรดแลคติก ลดความเหนื่อยล้าระหว่างการออกกำลังกาย
  2. แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) ช่วยเผาผลาญไขมัน และเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน ลดความเมื่อยล้าและช่วยฟื้นฟูหลังออกกำลังกาย
  3. แอลอาร์จินีน (L-Arginine) ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อ ลดความเหนื่อยล้าระหว่างออกกำลังกาย
  4. ไนอะซิน (Niacin) ช่วยในการเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน เสริมระบบเผาผลาญ และบำรุงระบบประสาท
  5. ครีเอทีน (Creatine) เพิ่มพลังงานให้กล้ามเนื้อ สำหรับการออกกำลังกายหนัก เพิ่มความแข็งแรง และช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

คำแนะนำทั่วไป การทานอาหารเสริมพลังงาน

  • เลือกแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน หรือได้รับการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ
  • ตรวจสอบส่วนผสม เพื่อหลีกเลี่ยงสารต้องห้าม หรือสารก่อภูมิแพ้
  • ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่นนักโภชนาการหรือแพทย์ ก่อนเริ่มใช้อาหารเสริม โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว
  • ใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่สมดุลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ใครที่ควร เสริมพลังงาน

กลุ่มคนที่ควร เสริมพลังงาน ได้แก่

  • ผู้ที่ทำงานหนัก คนที่ทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ได้พักผ่อน หรือมีงานที่ใช้พลังงานทางกายและสมอง เช่นพนักงานออฟฟิศ แพทย์ หรือพนักงานบริการ
  • นักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกายหนัก การออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงาน และสารอาหาร จึงควรเสริมอาหารที่ให้พลังงานอย่างเหมาะสม
  • นักเรียนและนักศึกษา การเรียนรู้หรือเตรียมสอบ อาจทำให้สมองเหนื่อยล้า การรับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังงานจึงสำคัญ เช่นอาหารที่มีวิตามินบี หรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
  • คุณแม่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คุณแม่ต้องใช้พลังงานมาก ในการดูแลตัวเองและลูกน้อย การเสริมพลังงานผ่านอาหารที่มีประโยชน์จึงจำเป็น
  • ผู้ที่อดนอนหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับน้อยส่งผลให้พลังงานลดลง ควรปรับการพักผ่อน และรับประทานอาหารที่ช่วยฟื้นพลัง
  • ผู้สูงอายุ การเผาผลาญพลังงานในผู้สูงอายุอาจลดลง การเลือกอาหาร ที่ช่วยเพิ่มพลังงาน แต่ไม่หนักระบบย่อยเป็นสิ่งสำคัญ
  • ผู้ป่วยในระยะฟื้นตัว ผู้ป่วยที่เพิ่งหายจากโรคหรือการผ่าตัด ต้องการพลังงานและสารอาหารเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
  • ผู้ที่เผชิญความเครียดหรือความกดดันสูง ความเครียดทำให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น ควรเสริมด้วยอาหารที่มีแมกนีเซียม และวิตามินบี

สรุป เสริมพลังงาน คือการดูแลสุขภาพในทุกด้าน

การเสริมพลังงานไม่ใช่เพียงแค่การรับประทานอาหารที่ดี แต่ยังเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ทั้งการออกกำลังกาย การพักผ่อน และการสร้างสมดุลทางจิตใจ การพัฒนานิสัยที่ดีในแต่ละวัน จะช่วยให้มีพลังงานที่เพียงพอ และพร้อมสำหรับทุกความท้าทายในชีวิต

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง