อะเซโรลาเชอร์รี่ สารสกัดผลไม้ ช่วยภูมิคุ้มกัน

อะเซโรลาเชอร์รี่

อะเซโรลาเชอร์รี่ (Acerola Cherry) เป็นผลไม้ที่มีสีแดงสดใส และรสชาติหวานอมเปรี้ยว ผลไม้ชนิดนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ในหมู่ผู้รักสุขภาพ เนื่องจากมีสารอาหารที่หลากหลาย และประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ด้วยลักษณะเด่น ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง อะเซโรลาเชอร์รี่จึงกลายเป็นส่วนสำคัญ ในอาหารเสริม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ในยุคปัจจุบัน

ประวัติและถิ่นกำเนิดของ อะเซโรลาเชอร์รี่

อะเซโรลาเชอร์รี่มีถิ่นกำเนิด ในพื้นที่เขตร้อน และกึ่งเขตร้อนของทวีปอเมริกา เช่นบราซิล เม็กซิโก และหมู่เกาะแคริบเบียน เป็นต้น ผลไม้ชนิดนี้ เป็นที่รู้จักในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Malpighia emarginata และในบางประเทศ อาจถูกเรียกว่า Barbados Cherry หรือ West Indian Cherry

ในอดีต ชาวพื้นเมือง ใช้ผลอะเซโรลาเชอร์รี่ เป็นแหล่งวิตามินซีจากธรรมชาติ และเชื่อว่ามีสรรพคุณ ในการรักษาโรคต่างๆ เช่นไข้หวัด และโรคติดเชื้อ ปัจจุบันอะเซโรลาเชอร์รี่ ได้รับความนิยมอย่างมาก ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากคุณสมบัติ ด้านโภชนาการ ที่โดดเด่น

สารอาหารสำคัญใน อะเซโรลาเชอร์รี่

อะเซโรลาเชอร์รี่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วย

  • วิตามินซี: อะเซโรลาเชอร์รี่เป็นหนึ่งในแหล่งวิตามินซี ที่ดีที่สุดในธรรมชาติ โดยมีปริมาณมากกว่าในส้ม ถึง 30-50 เท่า วิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหวัด
  • วิตามินเอ: ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: เช่นฟลาโวนอยด์ และแคโรทีนอยด์ ที่ช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคเรื้อรัง
  • แร่ธาตุ: เช่นโพแทสเซียม แมกนีเซียมและ แคลเซียม ที่มีบทบาทสำคัญ ต่อสุขภาพหัวใจ และหลอดเลือด
  • ไฟเบอร์: ช่วยในระบบย่อยอาหาร และการขับถ่าย

ประโยชน์ต่อสุขภาพของ อะเซโรลาเชอร์รี่

  • อะเซโรลาเชอร์รี่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีในอะเซโรลาเชอร์รี่ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้ กับการติดเชื้อได้ดีมากยิ้งขึ้น
  • ต้านอนุมูลอิสระ: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นวิตามินเอ วิตามินซี ฟลาโวนอยด์ และแคโรทีนอยด์ ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ และลดความเสี่ยง ของโรคเรื้อรัง
  • บำรุงผิวพรรณ: วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ในอะเซโรลาเชอร์รี่ ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับ ลดริ้วรอย และป้องกันการเกิดฝ้า กระ
  • ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน: การบริโภคอะเซโรลาเชอร์รี่ ช่วยป้องกันภาวะขาดวิตามินซี ซึ่งเป็นสาเหตุ ของโรคเลือดออกตามไรฟัน
  • บำรุงสายตา: มีวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงสายตา และลดความเสี่ยง ของการเกิดต้อกระจก
  • ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: สารแอนโทไซยานิน ในอะเซโรลาเชอร์รี่ ช่วยลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน
  • ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก: วิตามินซีในอะเซโรลาเชอร์รี่ ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ลดความเสี่ยง ของภาวะโลหิตจาง
  • ต้านการอักเสบ: สารต้านอนุมูลอิสระในอะเซโรลาเชอร์รี่ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดโรค ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: มีการวิจัยที่ชี้ว่า อะเซโรลาเชอร์รี่ อาจช่วยชะลอการย่อยคาร์โบไฮเดรต และการดูดซึมกลูโคส ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่
  • ป้องกันการติดเชื้อรา: สารในอะเซโรลาเชอร์รี่ มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อราบางชนิด ช่วยลดความเสี่ยง ของการติดเชื้อรา

ที่มา : Acerola Cherry ผลไม้วิตามินซีสูง [1]

 

ควรกิน อะเซโรล่าเชอร์รี่ ตอนไหนดีที่สุด

อะเซโรลาเชอร์รี่ควรกินหลังอาหาร หรือพร้อมมื้ออาหาร เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซี ได้ดีที่สุด และลดความเสี่ยง ของการระคายเคืองกระเพาะอาหาร สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีอะเซโรลาเชอร์รี่ แนะนำให้อ่านฉลาก และปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต

สารสกัดอะเซโรล่า แนะนำปริมาณการบริโภคต่อวัน อยู่ที่ 500-1000 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพสูงสุด ในการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนี้ [2]

ไม่ควรกิน อะเซโรล่าเชอรี่ คู่กับอะไร

การรับประทานอะเซโรลาเชอร์รี่ ร่วมกับอาหาร หรือยาบางชนิด อาจมีผลต่อการดูดซึม หรือประสิทธิภาพของวิตามินซี อาหารที่ควรระวัง เมื่อรับประทานร่วมกับอะเซโรลาเชอร์รี่ มีดังนี้

  • อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง: วิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากพืช หากรับประทานอะเซโรลาเชอร์รี่ร่วมกับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่นผักใบเขียว หรือเนื้อสัตว์ อาจทำให้ร่างกาย ได้รับธาตุเหล็กมากเกินไป
  • อาหารที่มีแคลเซียมสูง: แคลเซียมอาจลดการดูดซึม ของวิตามินซี การรับประทานอะเซโรลาเชอร์รี่ ร่วมกับผลิตภัณฑ์นม อาจทำให้การดูดซึมวิตามินซีลดลง
  • ยาลดกรดที่มีอะลูมิเนียม หรือแคลเซียม: อาจลดการดูดซึมวิตามินซี
  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants): วิตามินซีในปริมาณสูง อาจลดประสิทธิภาพ ของยาเหล่านี้

ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนรับประทานอะเซโรลาเชอร์รี่ ร่วมกับอาหารหรือยาบางชนิด เพื่อป้องกันปัญหา ที่อาจเกิดขึ้น [3]

การนำ อะเซโรลาเชอร์รี่ มาใช้ในอาหารเสริม

อะเซโรลาเชอร์รี่

อะเซโรลาเชอร์รี่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในอุตสาหกรรมอาหารเสริม เนื่องจากปริมาณวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง โดยมีการนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่

  • ผงสกัด: อะเซโรลาเชอร์รี่แบบผง มักใช้ใน Smoothies น้ำผลไม้ และโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มสารอาหาร
  • แคปซูล หรือเม็ด: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก ในการรับประทาน และสามารถควบคุมปริมาณการบริโภค ได้อย่างแม่นยำ
  • น้ำเชื่อม หรือสกัดเหลว: ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่ม และน้ำสมุนไพร เพื่อเพิ่มรสชาติ และประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม: เช่นเซรั่มบำรุงผิว ที่มีสารสกัดอะเซโรลาเชอร์รี่ เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว

สรุป อะเซโรลาเชอร์รี่ ผลไม้คุณค่าสารอาหารสูงมาก

อะเซโรลาเชอร์รี่เป็นผลไม้ ที่เต็มไปด้วยคุณค่าสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสร้างสุขภาพ และป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง