
สารสกัดกระเทียม พืชสมุนไพร เพื่อบำรุงหัวใจ
- Fiona
- 25 views

สารสกัดกระเทียม (Garlic Extract) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระเทียม ซึ่งเป็นพืชสมุนไพร ที่มีประวัติการใช้งานยาวนานหลายพันปี ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ที่ใช้ในการรักษาโรค และเสริมสร้างสุขภาพ จนถึงยุคปัจจุบัน สารสกัดกระเทียมยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในฐานะผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
เนื่องจากอุดมไปด้วยสารออกฤทธิ์ ทางชีวภาพ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งการเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง สนับสนุนการทำงาน ของระบบไหลเวียนโลหิต ความนิยมในสารสกัดกระเทียม ยังมาจากคุณค่าทางโภชนาการ และประสิทธิภาพ ในการดูแลสุขภาพโดยรวม อย่างหลากหลายอีกด้วย
องค์ประกอบทางเคมี สารสกัดกระเทียม

สารสกัดกระเทียมประกอบไปด้วยสารสำคัญหลายชนิด เช่น
- อัลลิซิน (Allicin): สาระสำคัญที่เกิดขึ้น เมื่อกระเทียมถูกบด หรือหั่น ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมี ระหว่างเอนไซม์ Alliinase กับ อัลลิอิน Alliin มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ในการต้านจุลชีพ เช่นแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
- ซัลเฟอร์ (Sulfur): เป็นแร่ธาตุที่พบมากในกระเทียม ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ ล้างสารพิษในตับ ส่งเสริมการผลิต กลูตาไธโอน (Glutathione) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ
- กรดอะมิโน (Amino Acids): เป็นส่วนประกอบสำคัญ ในการสร้างโปรตีน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่างๆ
- เอนไซม์ (Enzymes): ช่วยกระตุ้นกระบวนการ เผาผลาญอาหารในร่างกาย ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิตามิน B6: ช่วยบำรุงสมอง และระบบประสาท เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- วิตามิน C: สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์ จากความเสียหาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
- ซีลีเนียม (Selenium): ช่วยป้องกันการอักเสบ ส่งเสริมการทำงานของต่อมไทรอยด์ และเพิ่มประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ
- แมงกานีส (Manganese): ส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และกระดูก ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และกระบวนการเผาผลาญ
ประโยชน์ต่อสุขภาพ สารสกัดกระเทียม
- ลดความดันโลหิต สารสกัดกระเทียมมีคุณสมบัติ ในการขยายหลอดเลือด และลดความดันโลหิต ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
- ลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL และเพิ่มระดับ HDL ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ และหลอดเลือด
- ต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบ สารอัลลิซินช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ และลดการอักเสบในร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน และมะเร็ง
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ในการต่อสู้กับเชื้อโรค ลดโอกาสการติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดและหวัดใหญ่
- บำรุงสุขภาพหัวใจ ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง (Atherosclerosis) และลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจขาดเลือด
- ป้องกันการเติบโตของเชื้อโรค มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสหลายชนิด ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร และลดปัญหา เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
- เสริมสมรรถภาพทางกาย และลดความเมื่อยล้า ในอดีต กระเทียมถูกใช้เป็นยาบำรุงกำลัง สำหรับนักกีฬา และแรงงาน เพราะช่วยเพิ่มพลังงาน และลดความเมื่อยล้า
ที่มา: ประโยชน์ของสารสกัดจากกระเทียม (Garlic Extract) [1]
กิน สารสกัดกระเทียม ตอนไหนดีที่สุด
การรับประทานสารสกัดกระเทียม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ของผลิตภัณฑ์ หรือคำแนะนำจากแพทย์ หรือเภสัชกร เนื่องจากปริมาณ และเวลาที่เหมาะสม อาจแตกต่างกันไปตามรูปแบบของสารสกัด และวัตถุประสงค์ในการใช้ อย่างไรก็ตาม มีแนะนำในการรับประทานกระเทียมสด หรือสารสกัดกระเทียม ดังนี้
- ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง: เนื่องจากกระเทียมมีฤทธิ์ร้อน การรับประทานตอนท้องว่าง อาจทำให้แสบกระเพาะอาหาร ควรรับประทานพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารจะดีกว่า
- ปริมาณที่เหมาะสม: สำหรับการรับประทานกระเทียมสด ควรจำกัดปริมาณไม่เกิน 1-2 กลีบต่อวัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง ต่อระบบทางเดินอาหาร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาประจำ: ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนรับประทานสารสกัดกระเทียม โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากกระเทียมอาจเสริมฤทธิ์ยา และทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพสูงสุด ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนเริ่มรับประทานสารสกัดกระเทียม และปฏิบัติตามคำแนะนำที่ได้รับ อย่างเคร่งครัด [2]
ปริมาณ สารสกัดกระเทียม ที่แนะนำ
แนวทางทั่วไป สำหรับปริมาณ การรับประทานสารสกัดกระเทียม ในแต่ละวัน ดังนี้
- ผงกระเทียมสกัดแห้ง: แนะนำให้รับประทาน 400 – 1200 มิลลิกรัม ต่อวัน
- น้ำมันกระเทียม: แนะนำให้รับประทาน 2 – 5 มิลลิกรัมต่อวัน
- สารสกัดกระเทียม: สำหรับสารสกัดกระเทียม (เช่น Kyolic) แนะนำให้รับประทาน 1,000 – 7,200 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งปริมาณที่ใช้ตลอดวัน เป็นระยะเวลา 4-6 เดือน
อาหารเสริม สารสกัดกระเทียม เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ต้องการลดระดับคอเลสเตอรอล และความดันโลหิต ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ผู้ที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ลดโอกาสการเกิดโรคหวัด และไข้หวัดใหญ่
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง ต่อโรคเบาหวาน
- ผู้ที่ต้องการลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยลดอาการปวดข้อ และบรรเทาอาการอักเสบ จากโรคเรื้อรัง
- ผู้ที่ต้องการชะลอความเสื่อมของเซลล์ จากสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อย
- ผู้ที่ต้องการล้างสารพิษในร่างกาย เพื่อขับสารพิษ และกระตุ้นการทำงานของตับ
- นักกีฬา และผู้ที่ต้องการพลังงานสูง โดยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และการลำเลียงออกซิเจน
สารสกัดกระเทียมมีโทษอย่างไร
แม้สารสกัดกระเทียม จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่การบริโภคในปริมาณมาก หรือไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้
- ระคายเคืองระบบย่อยอาหาร: การรับประทานกระเทียมสด หรือสารสกัดในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการแสบท้อง ท้องอืด หรือร้อนในได้
- กลิ่นตัวและกลิ่นปาก: สารอัลลิอินในกระเทียม ทำให้มีกลิ่นฉุน การบริโภคมากเกินไป อาจทำให้มีกลิ่นตัว และกลิ่นปาก ที่ไม่พึงประสงค์
- ผลต่อการแข็งตัวของเลือด: กระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวช้า ผู้ที่มีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า หรือรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรระมัดระวัง
- อาการแพ้: บางคนอาจมีอาการแพ้กระเทียม เช่นผื่นคัน หายใจลำบาก หรืออาเจียน หากมีอาการดังกล่าวควรหยุดบริโภค และปรึกษาแพทย์ทันที
- ปฏิกิริยากับยาบางชนิด: กระเทียมอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่นยาลดความดันโลหิต ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาลดน้ำตาลในเลือด ผู้ที่รับประทานยาดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนบริโภคสารสกัดกระเทียม
- ผลต่อความดันโลหิต: สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การบริโภคกระเทียม อาจทำให้ความดันโลหิตลดลงมากยิ่งขึ้น ควรระมัดระวังในการบริโภค
เพื่อป้องกันผลข้างเคียง ควรบริโภคสารสกัดกระเทียม ในปริมาณที่เหมาะสม และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มบริโภค โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว หรือใช้ยาประจำอยู่ [3]
สรุป สารสกัดกระเทียม ช่วยเสริมภูมิ ลดความดันเลือด
สารสกัดกระเทียมเป็นสมุนไพร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ตั้งแต่การลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล ไปจนถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีประโยชน์มากมาย ผู้บริโภคควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และปรึกษาแพทย์ หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ
- Tags: สุขภาพ


