
วิตามิน E มีกี่ชนิด คำถามนี้อาจเป็นสิ่งที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะผู้ที่ให้ความสำคัญ กับการดูแลสุขภาพ และผิวพรรณ วิตามินอีเป็นหนึ่งในสารอาหาร ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ ส่งเสริมความชุ่มชื้นของผิว และบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง
วิตามินอีเป็นกลุ่มของสารประกอบ ที่ละลายในไขมัน มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ วิตามินอีมีอยู่ 8 รูปแบบ แต่ที่พบมาก และมีบทบาทสำคัญในร่างกายคือ แอลฟา-โทโคฟีรอล (Alpha-Tocopherol) ซึ่งเป็นรูปแบบหลัก ที่ร่างกายนำไปใช้
วิตามินอีมีกี่ชนิดวิตามินอีถูกแบ่งออกเป็น 8 ชนิดหลัก ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่โทโคฟีรอล (Tocopherols) และโทโคไตรอีนอล (Tocotrienols)
กลุ่มโทโคฟีรอล เป็นรูปแบบที่พบมากในอาหาร และเป็นชนิดของวิตามินอี ที่ร่างกายนำไปใช้ได้ง่าย โดยเฉพาะ อัลฟา-โทโคฟีรอล ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และมีบทบาทสำคัญที่สุด
กลุ่มโทโคไตรอีนอล เป็นอีกกลุ่มหนึ่งของวิตามินอี ที่มีโครงสร้างทางเคมี ที่แตกต่างจากโทโคฟีรอล ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ได้ดีกว่าในบางกรณี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล แต่ร่างกายนำไปใช้ได้ยากกว่ากลุ่มโทโคฟีรอล
ที่มา: Vitamin E [1]
วิตามินอีพบได้ในอาหารจากธรรมชาติหลายชนิด ได้แก่
วิตามินอีเป็นอาหารเสริมที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพผิวและเส้นผม โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนเองมีประสบการณ์ในการรับประทานอาหารเสริมวิตามินอีมาแล้ว หากพูดถึงผลลัพธ์โดยรวม พบว่าผิวมีความชุ่มชื้นขึ้นเล็กน้อย เส้นผมที่ขึ้นใหม่ดูแข็งแรง และเงางาม
โดยรับประทานต่อเนื่องกันเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน แต่ไม่ได้รับประทานวิตามินอีเพียงอย่างเดียว โดยทานร่วมกับอาหารเสริมอื่นๆ เช่น วิตามินซี คอลลาเจน Sync วิตามินบี และอื่นๆ จึงไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าวิตามินอีเป็นปัจจัยหลัก ที่ช่วยดูแลสุขภาพผิวและเส้นผมอย่างครอบคลุม
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลหลายแหล่ง วิตามินอีมีประโยชน์ต่อร่างกายจริง โดยเฉพาะในด้านการบำรุงผิวพรรณ และปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ และหากรับประทานร่วมกับอาหารเสริมชนิดอื่น ที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างปลอดภัย ก็อาจช่วยเสริมประสิทธิภาพของวิตามินอีได้มากยิ่งขึ้น
วิตามินอีเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยมีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพผิว ผม เล็บ หัวใจ และระบบภูมิคุ้มกัน แม้ว่าสามารถได้รับจากอาหารตามธรรมชาติ แต่การเสริมวิตามินอีในรูปแบบอาหารเสริม อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบางคน อย่างไรก็ตาม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
ปริมาณวิตามินอีที่แนะนำต่อวัน มีดังนี้
ที่มา: วิตามินอีคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร [2]
ปริมาณสูงสุดที่แนะนำต่อวัน ผู้ใหญ่ไม่ควรได้รับวิตามินอี เกิน 1,000 IU ต่อวัน (รูปแบบ สังเคราะห์ หรือ dl-alpha-tocopherol) หากเป็นวิตามินอีจากธรรมชาติ (d-alpha-tocopherol) ปริมาณสูงสุดที่แนะนำคือ ประมาณ 670 หน่วยสากลต่อวัน [3]