
วิตามิน อาหารเสริม จำเป็นไหม ในยุคที่การดูแลสุขภาพ เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ผู้คนหันมาสนใจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากขึ้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ พบทั่วไปตามท้องตลาด ทั้งแบบเม็ด แคปซูล ผงชงดื่ม หรือแม้แต่ในรูปแบบกัมมี่ ที่รับประทานง่าย คำถามที่ตามมาคือ เราจำเป็นต้องกินวิตามินหรืออาหารเสริมเหล่านี้ไหม
วิตามินและอาหารเสริมคือผลิตภัณฑ์ ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสารอาหาร ที่อาจขาดในอาหารประจำวันที่รับประทาน เช่นวิตามิน ธาตุอาหาร สมุนไพร กรดอะมิโน โพรไบโอติก และสารสกัดจากพืชหรือสัตว์ โดยมาในรูปแบบต่างๆ เช่นเม็ด แคปซูล ผง หรือของเหลว ซึ่งไม่ได้ถูกจัดให้เป็นอาหารหลักหรือยา
โดยทั่วไปไม่ผ่านการตรวจสอบ จากองค์การ FDA ก่อนจำหน่าย ผู้ผลิตมีหน้าที่รับรองความปลอดภัยเอง และสินค้าจะถูกควบคุมเฉพาะ เมื่อมีปัญหาหรือร้องเรียนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำนักงานอาหารและยาในสหรัฐอเมริกา กำหนดว่าการเรียกชื่อผลิตภัณฑ์ว่าอาหารเสริม ต้องมีข้อมูลว่าเป็น dietary supplement
วิตามินและอาหารเสริมมีบทบาทเสริม ในกรณีที่ร่างกายอาจไม่รับสารอาหารเพียงพอ จากการกินปกติ แต่อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ใช่อาหารหลัก และไม่ใช่ยารักษาโรค หากต้องการใช้ควรพิจารณาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ [1]
วิตามินดี คือวิตามินที่คนไทยมักขาด แม้ประเทศไทยจะมีแสงแดดตลอดปี แต่กลับมีคนไทยถึงเกือบครึ่งหนึ่ง ที่มีระดับวิตามินดีต่ำกว่ามาตรฐานโดยไม่รู้ตัว สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรม หลีกเลี่ยงแดด การทาครีมกันแดดตลอดเวลา หรือมีสีผิวเข้ม ซึ่งดูดซึมแสง UV ได้น้อย
ส่งผลให้ผิวหนังผลิตวิตามินดีไม่เพียงพอ แม้จะได้รับแสงแดดอยู่บ้างก็ตาม การไม่ตรวจระดับวิตามินดีในเลือด ทำให้หลายคนไม่ทราบ ว่าตนอยู่ในภาวะเสี่ยง วิตามินดีมีบทบาทสำคัญมากกว่าที่คิด ไม่เพียงแค่ช่วยดูดซึมแคลเซียม เพื่อสร้างกระดูกที่แข็งแรง แต่ยังเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน การทำงานของระบบประสาท
และการควบคุมอารมณ์ มีงานวิจัยที่ชี้ว่า ผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำ อาจมีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจสูงขึ้น และอาจมีภาวะซึมเศร้าได้มากกว่า คนที่มีระดับวิตามินดีเพียงพอ สะท้อนให้เห็นว่า วิตามินดีไม่ได้มีผลแค่ต่อกระดูกเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยรวม [2]
สำหรับคนที่มีสุขภาพดี และรับประทานอาหารอย่างหลากหลายครบถ้วน การเสริมวิตามิน ในชีวิตประจำวัน มักไม่มีความจำเป็น หลายงานวิจัย ไม่พบหลักฐานว่าอาหารเสริม ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง หรือช่วยให้อายุยืนขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
จึงมีคำแนะนำว่า การเน้นรับประทานอาหารสดจากธรรมชาติให้หลากหลาย ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการได้รับสารอาหารครบถ้วน อย่างไรก็ตาม มีบางกลุ่ม ที่อาจจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริม เช่นผู้สูงอายุที่ดูดซึมวิตามินได้ลดลง ผู้ที่มีโรคเรื้อรังที่กระทบการดูดซึม ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ หรือผู้ที่ได้รับแสงแดดน้อย
ซึ่งอาจขาดวิตามิน B12 หรือวิตามิน D ในกรณีเหล่านี้ อาหารเสริมช่วยให้ร่างกายทำงานได้สมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณี ที่ไม่สามารถแก้ด้วยอาหารปกติ และควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ผู้เชี่ยวชาญจาก Harvard แนะนำให้ใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น และควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนเริ่มทานอาหารเสริมใดๆ [3]
วิตามินและอาหารเสริม มีประโยชน์เมื่อใช้ถูกวิธี โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ หรือภาวะขาดสารอาหาร อย่างไรก็ตาม สำหรับคนทั่วไปที่มีสุขภาพดี และกินอาหารครบ 5 หมู่ การได้รับวิตามินจากอาหารธรรมชาติ ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด การเสริมควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน
คำตอบคือไม่ได้ อาหารเสริมไม่ได้มีสารอาหารครบเหมือนในอาหารจริง อาหารที่มาจากธรรมชาติ ยังมีสารพฤกษเคมี (phytonutrients) เอนไซม์ และใยอาหาร ซึ่งไม่สามารถบรรจุในรูปแบบเม็ดได้ทั้งหมด การใช้วิตามิน ควรเป็นการเสริม ไม่ใช่การทดแทนมื้ออาหาร ที่ควรรับประทานอย่างหลากหลาย
อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐาน อย. GMP หรือการรับรองอื่น หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่กล่าวอ้างเกินจริง เช่นรักษาโรคได้ภายใน 7 วัน เลือกตามความจำเป็น ไม่ใช้รวมหลายชนิดโดยไม่รู้ปริมาณสารแต่ละตัว หากรับประทานหลายชนิดพร้อมกัน ควรดูปริมาณสารแต่ละชนิดไม่ให้เกินขนาด