
ลดน้ำตาล ในเลือด คำนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว สำหรับใครหลายคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของทุกคน โดยเฉพาะในยุคที่การทานอาหารรสหวานจัด แป้งขัดขาว และเครื่องดื่มน้ำตาลสูงกลายเป็นเรื่องปกติ แม้ยังไม่มีอาการของโรคเบาหวาน แต่การดูแลระดับน้ำตาลในเลือดตั้งแต่วันนี้ คือการลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาว
ที่มา: 13 อาหาร ลดน้ำตาลในเลือดคนท้อง [1]
ที่มา: Hyperglycemia (High Blood Glucose) [2]
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
งานวิจัยจาก The Journal of Nutrition ปี 2018
การศึกษาในกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่กว่า 55,000 คนในประเทศเดนมาร์ก เป็นการติดตามผลระยะยาว มากกว่า 15 ปี โดยพบว่า ผู้ที่บริโภค ธัญพืชไม่ขัดสี (whole grains) อย่างสม่ำเสมอ มีความเสี่ยงต่อ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดลง 11%–34% เมื่อเทียบกับผู้ที่บริโภคธัญพืชขัดสี (เช่นข้าวขาว หรือแป้งขาว)
การบริโภคธัญพืชไม่ขัดสีวันละ 2-3 ครั้ง เช่น ข้าวกล้อง ขนมปัง Whole wheat หรือข้าวโอ๊ต มีความสัมพันธ์กับ ระดับกลูโคสในเลือด ที่คงที่กว่า และมีค่าความต้านทานอินซูลินต่ำกว่า ไฟเบอร์ที่พบในธัญพืชไม่ขัดสี ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้ เพิ่มความไวของอินซูลิน และลดระดับการหลั่งกลูโคสจากตับ
งานวิจัยจาก Diabetes Care by American Diabetes Association
งานวิจัยนี้ศึกษาผู้สูงอายุ ที่มีความเสี่ยง ต่อภาวะน้ำตาลสูง โดยเปรียบเทียบระดับน้ำตาลในเลือดตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างกลุ่มที่เดินเร็ว 15 นาที หลังอาหารทุกมื้อ (3 ครั้ง/วัน) กับกลุ่มที่ เดินรวดเดียว 45 นาทีในช่วงเช้า
ผลลัพธ์กลุ่มที่เดินหลังอาหาร มีการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ลดระดับน้ำตาลหลังมื้ออาหารได้ถึง 20–30% เดินหลังอาหารเย็น ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด การออกกำลังกายทันทีหลังอาหาร ช่วยให้กล้ามเนื้อใช้กลูโคสได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลินมากเกินไป
การ ลดน้ำตาล ในเลือด ไม่ใช่เพียงแค่การหลีกเลี่ยงของหวาน แต่คือการปรับวิถีชีวิต ทั้งอาหาร การออกกำลังกาย การพักผ่อน และการจัดการความเครียด การดูแลน้ำตาลในเลือด ไม่เพียงช่วยป้องกันโรคเบาหวาน แต่ยังลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด หัวใจ สมอง และเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงในระยะยาว
อาการเริ่มต้นของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
อาการรุนแรงหากไม่ได้รับการรักษา
ที่มา: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) [3]
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกแนวทาง เกี่ยวกับการทานน้ำตาลเสริม ซึ่งหมายถึงน้ำตาลที่เติมเข้าไปในอาหาร หรือเครื่องดื่ม ในระหว่างการผลิต หรือปรุงอาหาร รวมถึงน้ำตาลที่พบตามธรรมชาติ ในน้ำผึ้ง น้ำเชื่อม และน้ำผลไม้
คำแนะนำของ WHO เกี่ยวกับการทานน้ำตาลเสริม จำกัดการทานน้ำตาลเสริมให้น้อยกว่า 10% ของพลังงานที่บริโภคต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ ที่ใช้พลังงาน 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน 10% เท่ากับ 200 กิโลแคลอรี หรือประมาณ 50 กรัมของน้ำตาลเสริม (ประมาณ 12 ช้อนชา)
เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ ควรลดการทานน้ำตาลเสริม ให้น้อยกว่า 5% ของพลังงานที่บริโภคต่อวัน ซึ่งเท่ากับประมาณ 25 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนชาของน้ำตาลเสริมต่อวัน