มีวิธี ลดน้ำตาลยังไง ไม่ให้เครียด จนเกินไป

ลดน้ำตาลยังไง ไม่ให้เครียด

ลดน้ำตาลยังไง ไม่ให้เครียด หลายคนที่เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพ มักจะพบว่าน้ำตาล คือหนึ่งในสิ่งที่ต้องลดหรืองดเป็นอันดับต้นๆ แต่เมื่อลองทำจริง กลับรู้สึกหงุดหงิด อ่อนล้า หรือแม้กระทั่งเครียดจากการต้องควบคุมพฤติกรรมการกินอย่างเข้มงวด ทั้งที่ตั้งใจจะดูแลตัวเองแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นความกดดันโดยไม่รู้ตัว

  • ร่างกายต้องการน้ำตาลหรือไม่?
  • ผลเสียของการทานน้ำตาลมากเกินไป
  • วิธีลดน้ำตาลในร่างกาย

น้ำตาลคืออะไร ร่างกายต้องการไหม?

น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง ซึ่งรวมถึงโมเลกุลอย่างกลูโคส ฟรุกโตส และแลคโตส เมื่อบริโภคเข้าไป ร่างกายจะย่อยสลายน้ำตาล ให้กลายเป็นกลูโคส ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่เซลล์ต่างๆ ใช้ผลิตและ เสริมพลังงาน โดยเฉพาะสมอง ที่ต้องการกลูโคสเป็นปริมาณมาก ถึงประมาณ 20‑60% ของพลังงานในภาวะพัก

อย่างไรก็ตาม ร่างกายไม่จำเป็นต้องได้รับน้ำตาลเติมแต่ง เพื่อให้ทำงานได้อย่างปกติ เพราะร่างกายสามารถสร้างกลูโคส จากอาหารอื่น เช่นคาร์โบไฮเดรตจากธัญพืช ผัก และโปรตีน จึงไม่ต้องพึ่งน้ำตาล ที่ถูกเติมเข้าไปในอาหาร หรือเครื่องดื่มเลยก็ได้ [1]

น้ำตาลมีกี่ประเภทตามแหล่งที่มา?

ลดน้ำตาลยังไง ไม่ให้เครียด
  • น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (Monosaccharides): เช่นกลูโคส (พบในเลือดและผักผลไม้), ฟรุกโตส (หวานที่สุด พบในผลไม้และน้ำผึ้ง), กาแลกโตส (พบในนม) ร่างกายดูดซึมได้ทันที
  • น้ำตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharides): เกิดจากการรวมของน้ำตาลเดี่ยว 2 ชนิด เช่นซูโครส (กลูโคส + ฟรุกโตส), แลกโตส (กลูโคส + กาแลกโตส), มอลโทส (กลูโคส + กลูโคส)
  • น้ำตาลเติม และน้ำตาลแปรรูป: เช่นน้ำตาลทรายขาว น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง น้ำเชื่อมข้าวโพด (HFCS) และน้ำตาลเทียม (เช่นแอสปาร์แตม ซูคราโลส) ซึ่งมักพบในอาหารแปรรูป และเครื่องดื่ม

ผลเสียของการทานน้ำตาลเกินขนาด

  • เพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะไขมันพอกตับ
  • ทำให้อ้วน และน้ำหนักเกิน เพราะน้ำตาลให้พลังงานสูง แต่ไม่มีสารอาหารที่จำเป็น
  • กระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเชื่อมโยงกับโรคต่างๆ เช่นมะเร็ง และโรคเกี่ยวกับสมอง
  • ทำให้ติดหวาน เพราะน้ำตาลมีฤทธิ์กระตุ้นสมอง คล้ายสารเสพติดอ่อนๆ
  • ส่งผลต่อสุขภาพฟัน เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ

10 วิธี ลดน้ำตาลยังไง ไม่ให้เครียด

  1. เปลี่ยนเครื่องดื่ม งดน้ำอัดลม เครื่องดื่มชู พร้อมลดกาแฟเช้าที่ใส่น้ำตาล แนะนำให้ดื่มน้ำแร่ น้ำมะนาว ชาสมุนไพร หรือกาแฟอเมริกาโนไม่เติมน้ำตาลแทน
  2. ลดอาการติดหวาน แบบค่อยเป็นค่อยไป อย่าหักดิบเลิกหวานทันที เพราะอาจรู้สึกไม่มีพลัง ให้ลองเปลี่ยนไปทานผลไม้หวานน้อย เช่นแอปเปิล ฝรั่ง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี และอาหารเช้า ที่มีสารอาหารครบแทน
  3. เลือกอาหารที่มีไขมันดี มากกว่าไขมันต่ำ ไขมันดีในอาหารอย่าง avocado มันหวาน หรือฟักทอง ช่วยให้อิ่มนาน อาหาร low‑fat บางชนิดอาจแฝงน้ำตาลสูง จึงควรเลือกอย่างรู้เท่าทัน
  4. กินอาหารธรรมชาติ ไม่ผ่านการแปรรูป ทำอาหารเองที่บ้าน เพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาล เกลือ และผงชูรส หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป
  5. อย่าไว้ใจคำว่า ขนมเพื่อสุขภาพ ขนมกราโนลา ผลไม้อบแห้ง หรือโปรตีนบาร์ อาจมีน้ำตาลสูง เทียบเท่าช็อกโกแลต จึงต้องอ่านฉลากก่อนซื้อ
  6. เลี่ยงอาหารเช้าที่หวานจัด เช่นซีเรียลปรุงรส ขนมหวาน หรือโยเกิร์ตปรุงแต่ง ควรเปลี่ยนเป็นอาหารเช้าโฮลเกรน ผัก หรือผลไม้สดแทน
  7. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ น้ำช่วยขับน้ำตาลส่วนเกิน ออกทางปัสสาวะ เมื่อร่างกายขาดน้ำ เปอร์เซ็นต์น้ำตาลในเลือด อาจสูงขึ้นได้
  8. ออกกำลังกายเป็นประจำ ควรทำกิจกรรม เช่นเดิน วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ หรือโยคะ อย่างน้อย 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยกระตุ้นการผลิตอินซูลิน และเผาผลาญน้ำตาลในเลือด
  9. ควบคุมปริมาณอาหารให้พอดี ไม่กินมากเกินไป รับประทานอาหารครบมื้อ เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง โปรตีนจากสัตว์ไม่ติดมัน หากทำเอง จะควบคุมส่วนผสมได้ดียิ่งขึ้น
  10. ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นประจำ โดยเฉพาะหากเสี่ยงเบาหวาน ควรบันทึกเวลา และค่าที่ตรวจ เพื่อนำผล ไปให้แพทย์ประเมิน

ที่มา: 10 วิธีลดน้ำตาลในร่างกาย ลดเสี่ยงโรคอันตรายสารพัด [2]

งานวิจัยน้ำตาลเพิ่มความเสี่ยงโรค

งานวิจัยจาก JAMA Internal Medicine ชี้ว่าผู้ที่บริโภคพลังงาน จากน้ำตาลมากกว่า 17% ของพลังงานทั้งหมดต่อวัน มีความเสี่ยงเสียชีวิต จากโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับผู้ที่บริโภคต่ำกว่า 8% น้ำตาลที่เกินความจำเป็น จะเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และลด HDL ก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง

น้ำตาลโดยเฉพาะฟรุกโตส ในปริมาณมาก จะถูกส่งตรงไปยังตับ เพื่อเปลี่ยนเป็นไขมัน เมื่อสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จะก่อให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ที่ไม่เกิดจากแอลกอฮอล์ และความต้านทานต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นอกจากนี้ยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เสถียร

น้ำตาลมีบทบาท ในการกระตุ้นกระบวนการอักเสบ ภายในร่างกาย การบริโภคในระดับสูง สัมพันธ์กับการเพิ่มของสารอักเสบ ในกระแสเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่นโรคอ้วน โรคหลอดเลือดสมอง และแม้กระทั่งภาวะสมองเสื่อม น้ำตาลยังรบกวนการทำงาน ของฮอร์โมนควบคุมความอิ่ม ทำให้กินมากเกิน [3]

สิ่งสำคัญในการลดน้ำตาลที่ควรรู้

สิ่งสำคัญคือ ไม่ต้องตัดขาดแบบทันที แต่ควรยืดหยุ่น และให้เวลากับร่างกาย ในการปรับตัว เราไม่จำเป็นต้องเลิกขนม หรือของหวาน ไปตลอดชีวิต เพียงแค่จำกัดปริมาณ และเลือกอย่างมีสติ เช่นทานของหวาน เฉพาะวันพิเศษ หรือทำของหวานเอง โดยใช้น้ำผึ้งหรือผลไม้ เป็นตัวให้รสชาติแทน

สรุปแล้ว ลดน้ำตาลยังไง ไม่ให้เครียด

การลดน้ำตาลไม่ใช่แค่เรื่องรูปร่าง หรือน้ำหนักเท่านั้น แต่เกี่ยวกับสุขภาพโดยรวม การเริ่มต้นปรับพฤติกรรม แบบค่อยเป็นค่อยไป การเข้าใจร่างกายของตนเอง และการเลือกทาน จะช่วยให้การลดน้ำตาลเป็นเรื่องที่ไม่ทำให้เครียด จนล้มเลิก ตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง ปรับตามวิถีชีวิต คือกุญแจสำคัญ ของความสำเร็จในระยะยาว

ทำไมการลดน้ำตาลถึงเป็นเรื่องยาก?

สมองติดรสหวาน เมื่อกินของหวาน สมองจะหลั่งสารโดพามีน ทำให้รู้สึกมีความสุข เราจึงมักโหยหาความหวานในเวลาที่เครียด เหนื่อย หรือหิว น้ำตาลแฝงอยู่ในอาหารจำนวนมาก โดยเฉพาะอาหารแปรรูป เช่นขนมปัง ซอสปรุงรส น้ำสลัด ซีเรียล และโยเกิร์ต ค่านิยมทางสังคม เช่นการเลี้ยงฉลองวันเกิด งานปาร์ตี้

ลดน้ำตาล แล้วใช้อะไรแทนน้ำตาลดี?

สารให้ความหวานที่ใช้แทนน้ำตาล มีทั้งจากธรรมชาติ และสังเคราะห์ โดยตัวเลือกยอดนิยม เช่นหญ้าหวาน ซึ่งให้ความหวานโดยไม่เพิ่มแคลอรี, หล่อฮังก๊วย ซึ่งหวานกว่าน้ำตาลหลายเท่า แต่ไม่กระทบระดับน้ำตาลในเลือด, และอิริทริทอล หรือไซลิทอล เป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่ให้พลังงานต่ำ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง