
รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร ร่างกายกับการ Detox
- Fiona
- 25 views

รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร คำถามที่หลายคนอาจสงสัย เมื่อพูดถึงพืชที่มีลักษณะดอกสีเหลืองสดใส ซึ่งเราคุ้นเคยกันดีในทุ่งหญ้า แต่ความเป็นจริง รากแดนดิไลออน กลับมีคุณค่าต่อสุขภาพ ทั้งในฐานะสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ใช้มาอย่างยาวนาน และในฐานะส่วนประกอบของอาหารเสริม ที่ได้รับความนิยม
- ราก Dandelion คืออะไร?
- รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร
- ข้อควรระวังการใช้รากแดนดิไลออน
ราก Dandelion คืออะไร?

รากแดนดิไลออน (Dandelion root) คือส่วนรากของพืชแดนดิไลออน (ชื่อวิทยาศาสตร์ Taraxacum officinale) ซึ่งมีต้นกำเนิด จากทวีปยุโรปและเอเชีย ก่อนจะแพร่กระจายไปทั่วโลก
รากของพืชชนิดนี้ มีการใช้ในตำรายาสมุนไพรโบราณ มาหลายศตวรรษ ด้วยสรรพคุณในการเสริมสร้างสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องการขับของเสีย ออกจากร่างกาย และการบำรุงตับ
คุณค่าโภชนาการ Dandelion root
- อุดมไปด้วยอินนูลิน (Inulin) ซึ่งเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่ง ที่ช่วยเสริมสร้างแบคทีเรียดีในลำไส้
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเบต้าแคโรทีน และโพลีฟีนอล
- มีวิตามินสำคัญ เช่นวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินเค
- มีแร่ธาตุหลายชนิด เช่นแคลเซียม โพแทสเซียม และเหล็ก
รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร ร่างกายบ้าง
- ส่งเสริมสุขภาพตับ การวิจัยในสัตว์ทดลอง และหลอดทดลอง แสดงให้เห็นว่า แดนดิไลออน อาจช่วยป้องกัน และรักษาโรคตับบางชนิด เช่นโรคตับไขมัน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ และความเสียหายของตับ ที่เกิดจากแอลกอฮอล์
- แหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ แดนดิไลออนมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเบต้าแคโรทีน ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
- ลดระดับคอเลสเตอรอล การศึกษาบางชิ้น ในสัตว์ทดลอง และหลอดทดลองพบว่า สารประกอบในแดนดิไลออน อาจช่วยลดระดับไขมันในเลือด รวมถึงคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด มีหลักฐานบางส่วนที่ชี้ว่า แดนดิไลออนอาจมีคุณสมบัติ ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความไวของอินซูลิน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ ในการจัดการ โรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ลดการอักเสบ สารสกัดจากแดนดิไลออน มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
- ลดความดันโลหิต ใบแดนดิไลออน เป็นแหล่งโพแทสเซียม ซึ่งอาจช่วยลดความดันโลหิต ในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
- ช่วยการลดน้ำหนัก การวิจัยบางชิ้น ในสัตว์ทดลองชี้ว่า สารโพลีฟีนอล ในแดนดิไลออน อาจมีบทบาท ในการจัดการโรคอ้วน
- ลดความเสี่ยงของมะเร็ง การศึกษาบางชิ้น ในหลอดทดลองพบว่า สารสกัดจากแดนดิไลออน อาจช่วยชะลอการเติบโต ของเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่นมะเร็งตับ ลำไส้ เต้านม ตับอ่อน และต่อมลูกหมาก
- เสริมระบบภูมิคุ้มกัน มีหลักฐานบางส่วน ที่ชี้ว่าแดนดิไลออน มีคุณสมบัติต้านไวรัส และแบคทีเรีย ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- สนับสนุนการย่อยอาหาร แดนดิไลออนถูกใช้เป็นยาพื้นบ้าน ในการรักษาอาการท้องผูก และปัญหาการย่อยอาหารอื่นๆ โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้จากแดนดิไลออน อาจช่วยป้องกันความผิดปกติ ของระบบทางเดินอาหาร
- รักษาสุขภาพผิว การศึกษาบางชิ้นชี้ว่า แดนดิไลออนอาจช่วยปกป้องผิว จากความเสียหาย ที่เกิดจากรังสียูวี ซึ่งอาจช่วยป้องกันการแก่ก่อนวัย
ที่มา: 11 Health benefits of dandelion [1]
รูปแบบของรากแดนดิไลออน
- แบบสด: ใช้ในรูปของการต้มดื่ม เป็นชาสมุนไพร หรือเป็นส่วนประกอบ ในอาหาร
- แบบอบแห้ง: นิยมใช้ในการชงชา หรือบดเป็นผง สำหรับใส่ในแคปซูลอาหารเสริม
- สารสกัดเข้มข้น: ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเสริม หรือเครื่องดื่มสุขภาพต่างๆ
- แคปซูลหรือเม็ด: สะดวกต่อการบริโภค และการควบคุมปริมาณ
ข้อควรระวังการใช้รากแดนดิไลออน
- ผู้ที่มีประวัติแพ้พืชตระกูลเดียวกับทานตะวัน ควรระวังการแพ้รากแดนดิไลออน
- ผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะ หรือยาควบคุมระดับน้ำตาล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
- ควรระวังการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
- การใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง ในกระเพาะอาหาร หรือท้องเสียได้
รากแดนดิไลออนในอาหารเสริม
ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อดีท็อกซ์ร่างกาย รากแดนดิไลออนมักถูกใช้เป็นหนึ่ง ในส่วนผสมสำคัญ ด้วยคุณสมบัติในการ
- กระตุ้นการขับน้ำ และของเสียออกจากร่างกาย
- บำรุงและฟื้นฟูการทำงานของตับและไต
- เสริมการทำงาน ของระบบย่อยอาหาร และการขับถ่าย
- ช่วยเสริมกระบวนการลดน้ำหนักทางอ้อม โดยการลดอาการบวมน้ำ
สรุปแล้ว รากแดนดิไลออนช่วยอะไร
รากแดนดิไลออนเป็นพืชสมุนไพร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีคุณสมบัติโดดเด่น ในการช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย บำรุงตับ ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งในรูปแบบการบริโภคโดยตรง และในรูปของอาหารเสริม อย่างไรก็ตาม การใช้ควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากมีโรคประจำตัว
ชาแดนดิไลออนควรดื่มตอนไหน?
ชาแดนดิไลออนเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ที่ไม่มีคาเฟอีน และมีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะอ่อนๆ จึงเหมาะสำหรับการดื่ม ในช่วงเวลาที่ไม่ใกล้เวลานอน เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นกลางดึก เพื่อเข้าห้องน้ำ โดยช่วงเวลาที่แนะนำ ในการดื่มชาแดนดิไลออน คือ
- ตอนเช้า: การเริ่มต้นวันด้วยชาแดนดิไลออน สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ และระบบย่อยอาหารได้
- ก่อนหรือหลังอาหารกลางวัน: การดื่มชาแดนดิไลออนในช่วงนี้ อาจช่วยในการย่อยอาหาร และลดอาการบวมน้ำ
- ช่วงบ่าย: การดื่มชาแดนดิไลออนในช่วงบ่าย สามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น โดยไม่กระทบต่อการนอนหลับ เนื่องจากไม่มีคาเฟอีน
ที่มา: Best Time to Drink Tea for Your Health Goals [2]
ผลข้างเคียงจากแดนดิไลออน
- อาการแพ้: ผู้ที่แพ้พืชในตระกูลเดียวกับแดนดิไลออน เช่น ragweed, เดซี่, เบญจมาศ หรือดาวเรือง อาจมีความเสี่ยง ต่อการแพ้ชาแดนดิไลออน ซึ่งอาจแสดงอาการตั้งแต่ผื่นคัน ไปจนถึงอาการแพ้รุนแรง
- ปัญหาทางเดินอาหาร: การบริโภคชาแดนดิไลออนในบางราย อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง เช่นท้องเสีย, แสบร้อนกลางอก หรือท้องอืด
- ผลต่อการแข็งตัวของเลือด: แดนดิไลออนอาจมีผล ในการชะลอการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อการฟกช้ำ หรือเลือดออกง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือกำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด: แดนดิไลออนอาจมีผล ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจเป็นปัญหา ในผู้ที่ใช้ยาควบคุมระดับน้ำตาลอยู่แล้ว
- ปฏิกิริยากับยาอื่นๆ: แดนดิไลออนอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่นยาปฏิชีวนะ, ยาขับปัสสาวะ, ยาลดน้ำตาลในเลือด และยาต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาเหล่านั้น
ที่มา: Dandelion Benefits: Nutrition, Antioxidants, and Inflammation [3]
- Tags: สุขภาพ


