รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร ร่างกายกับการ Detox

รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร

รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร คำถามที่หลายคนอาจสงสัย เมื่อพูดถึงพืชที่มีลักษณะดอกสีเหลืองสดใส ซึ่งเราคุ้นเคยกันดีในทุ่งหญ้า แต่ความเป็นจริง รากแดนดิไลออน กลับมีคุณค่าต่อสุขภาพ ทั้งในฐานะสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ใช้มาอย่างยาวนาน และในฐานะส่วนประกอบของอาหารเสริม ที่ได้รับความนิยม

  • ราก Dandelion คืออะไร?
  • รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร
  • ข้อควรระวังการใช้รากแดนดิไลออน

ราก Dandelion คืออะไร?

รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร

รากแดนดิไลออน (Dandelion root) คือส่วนรากของพืชแดนดิไลออน (ชื่อวิทยาศาสตร์ Taraxacum officinale) ซึ่งมีต้นกำเนิด จากทวีปยุโรปและเอเชีย ก่อนจะแพร่กระจายไปทั่วโลก

รากของพืชชนิดนี้ มีการใช้ในตำรายาสมุนไพรโบราณ มาหลายศตวรรษ ด้วยสรรพคุณในการเสริมสร้างสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องการขับของเสีย ออกจากร่างกาย และการบำรุงตับ

คุณค่าโภชนาการ Dandelion root

  • อุดมไปด้วยอินนูลิน (Inulin) ซึ่งเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่ง ที่ช่วยเสริมสร้างแบคทีเรียดีในลำไส้
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเบต้าแคโรทีน และโพลีฟีนอล
  • มีวิตามินสำคัญ เช่นวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินเค
  • มีแร่ธาตุหลายชนิด เช่นแคลเซียม โพแทสเซียม และเหล็ก

รากแดนดิไลออน ช่วยอะไร ร่างกายบ้าง

  • ส่งเสริมสุขภาพตับ การวิจัยในสัตว์ทดลอง และหลอดทดลอง แสดงให้เห็นว่า แดนดิไลออน อาจช่วยป้องกัน และรักษาโรคตับบางชนิด เช่นโรคตับไขมัน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ และความเสียหายของตับ ที่เกิดจากแอลกอฮอล์
  • แหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ แดนดิไลออนมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเบต้าแคโรทีน ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ​
  • ลดระดับคอเลสเตอรอล การศึกษาบางชิ้น ในสัตว์ทดลอง และหลอดทดลองพบว่า สารประกอบในแดนดิไลออน อาจช่วยลดระดับไขมันในเลือด รวมถึงคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์​
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด มีหลักฐานบางส่วนที่ชี้ว่า แดนดิไลออนอาจมีคุณสมบัติ ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความไวของอินซูลิน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ ในการจัดการ โรคเบาหวานชนิดที่ 2​
  • ลดการอักเสบ สารสกัดจากแดนดิไลออน มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบในร่างกาย​
  • ลดความดันโลหิต ใบแดนดิไลออน เป็นแหล่งโพแทสเซียม ซึ่งอาจช่วยลดความดันโลหิต ในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง​
  • ช่วยการลดน้ำหนัก การวิจัยบางชิ้น ในสัตว์ทดลองชี้ว่า สารโพลีฟีนอล ในแดนดิไลออน อาจมีบทบาท ในการจัดการโรคอ้วน​
  • ลดความเสี่ยงของมะเร็ง การศึกษาบางชิ้น ในหลอดทดลองพบว่า สารสกัดจากแดนดิไลออน อาจช่วยชะลอการเติบโต ของเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่นมะเร็งตับ ลำไส้ เต้านม ตับอ่อน และต่อมลูกหมาก​
  • เสริมระบบภูมิคุ้มกัน มีหลักฐานบางส่วน ที่ชี้ว่าแดนดิไลออน มีคุณสมบัติต้านไวรัส และแบคทีเรีย ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน​
  • สนับสนุนการย่อยอาหาร แดนดิไลออนถูกใช้เป็นยาพื้นบ้าน ในการรักษาอาการท้องผูก และปัญหาการย่อยอาหารอื่นๆ โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้จากแดนดิไลออน อาจช่วยป้องกันความผิดปกติ ของระบบทางเดินอาหาร​
  • รักษาสุขภาพผิว การศึกษาบางชิ้นชี้ว่า แดนดิไลออนอาจช่วยปกป้องผิว จากความเสียหาย ที่เกิดจากรังสียูวี ซึ่งอาจช่วยป้องกันการแก่ก่อนวัย​

ที่มา: 11 Health benefits of dandelion [1]

รูปแบบของรากแดนดิไลออน

  • แบบสด: ใช้ในรูปของการต้มดื่ม เป็นชาสมุนไพร หรือเป็นส่วนประกอบ ในอาหาร
  • แบบอบแห้ง: นิยมใช้ในการชงชา หรือบดเป็นผง สำหรับใส่ในแคปซูลอาหารเสริม
  • สารสกัดเข้มข้น: ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเสริม หรือเครื่องดื่มสุขภาพต่างๆ
  • แคปซูลหรือเม็ด: สะดวกต่อการบริโภค และการควบคุมปริมาณ

ข้อควรระวังการใช้รากแดนดิไลออน

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้พืชตระกูลเดียวกับทานตะวัน ควรระวังการแพ้รากแดนดิไลออน
  • ผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะ หรือยาควบคุมระดับน้ำตาล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • ควรระวังการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • การใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง ในกระเพาะอาหาร หรือท้องเสียได้

รากแดนดิไลออนในอาหารเสริม

ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อดีท็อกซ์ร่างกาย รากแดนดิไลออนมักถูกใช้เป็นหนึ่ง ในส่วนผสมสำคัญ ด้วยคุณสมบัติในการ

  • กระตุ้นการขับน้ำ และของเสียออกจากร่างกาย
  • บำรุงและฟื้นฟูการทำงานของตับและไต
  • เสริมการทำงาน ของระบบย่อยอาหาร และการขับถ่าย
  • ช่วยเสริมกระบวนการลดน้ำหนักทางอ้อม โดยการลดอาการบวมน้ำ

สรุปแล้ว รากแดนดิไลออนช่วยอะไร

รากแดนดิไลออนเป็นพืชสมุนไพร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีคุณสมบัติโดดเด่น ในการช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย บำรุงตับ ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งในรูปแบบการบริโภคโดยตรง และในรูปของอาหารเสริม อย่างไรก็ตาม การใช้ควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากมีโรคประจำตัว

ชาแดนดิไลออนควรดื่มตอนไหน?

ชาแดนดิไลออนเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ที่ไม่มีคาเฟอีน และมีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะอ่อนๆ จึงเหมาะสำหรับการดื่ม ในช่วงเวลาที่ไม่ใกล้เวลานอน เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นกลางดึก เพื่อเข้าห้องน้ำ โดยช่วงเวลาที่แนะนำ ในการดื่มชาแดนดิไลออน คือ

  • ตอนเช้า: การเริ่มต้นวันด้วยชาแดนดิไลออน สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ และระบบย่อยอาหารได้ ​
  • ก่อนหรือหลังอาหารกลางวัน: การดื่มชาแดนดิไลออนในช่วงนี้ อาจช่วยในการย่อยอาหาร และลดอาการบวมน้ำ ​
  • ช่วงบ่าย: การดื่มชาแดนดิไลออนในช่วงบ่าย สามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น โดยไม่กระทบต่อการนอนหลับ เนื่องจากไม่มีคาเฟอีน ​

ที่มา: Best Time to Drink Tea for Your Health Goals [2]

ผลข้างเคียงจากแดนดิไลออน

  • อาการแพ้: ผู้ที่แพ้พืชในตระกูลเดียวกับแดนดิไลออน เช่น ragweed, เดซี่, เบญจมาศ หรือดาวเรือง อาจมีความเสี่ยง ต่อการแพ้ชาแดนดิไลออน ซึ่งอาจแสดงอาการตั้งแต่ผื่นคัน ไปจนถึงอาการแพ้รุนแรง
  • ปัญหาทางเดินอาหาร: การบริโภคชาแดนดิไลออนในบางราย อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง เช่นท้องเสีย, แสบร้อนกลางอก หรือท้องอืด ​
  • ผลต่อการแข็งตัวของเลือด: แดนดิไลออนอาจมีผล ในการชะลอการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อการฟกช้ำ หรือเลือดออกง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือกำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ​
  • ผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด: แดนดิไลออนอาจมีผล ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจเป็นปัญหา ในผู้ที่ใช้ยาควบคุมระดับน้ำตาลอยู่แล้ว ​
  • ปฏิกิริยากับยาอื่นๆ: แดนดิไลออนอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่นยาปฏิชีวนะ, ยาขับปัสสาวะ, ยาลดน้ำตาลในเลือด และยาต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาเหล่านั้น

ที่มา: Dandelion Benefits: Nutrition, Antioxidants, and Inflammation [3]

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง