
มิลค์ทิสเซิล คืออะไร ชื่อมิลค์ทิสเซิลนี้ ฟังดูเหมือนดอกไม้ประดับในสวน แต่จริงๆแล้วกลับเป็นพืช ที่ได้รับความสนใจในวงการแพทย์มายาวนาน โดยเฉพาะในกลุ่มคน ที่มองหาแนวทางจากธรรมชาติ ในการดูแลตับ และระบบขับของเสียออกจากร่างกาย มิลค์ทิสเซิลไม่ได้เป็นแค่สมุนไพรพื้นบ้าน แต่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับมากมาย
มิลค์ทิสเซิล คืออะไร มิลค์ทิสเซิลหรือ Silybum marianum เป็นพืชในตระกูล Asteraceae มีประวัติการใช้กว่า 2,000 ปี โดยเฉพาะในยุโรปตอนใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ถูกใช้ในยุคกรีก และโรมัน เพื่อรักษาอาการที่เกี่ยวกับตับ และถุงน้ำดี ซึ่งมีบันทึกไว้โดยแพทย์ชาวกรีกชื่อว่า Dioscorides ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1
ชื่อ “Milk-Thistle” มาจากลายสีขาว คล้ายน้ำนมบนใบ ที่ในตำนานคริสต์ เชื่อว่าเป็นหยดน้ำนม จากพระแม่มารีย์ มิลค์ทิสเซิลได้แพร่กระจาย ไปยังทวีปอื่นๆ และได้รับความนิยม ในวงการสมุนไพรทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป อเมริกา และจีน ซึ่งมีการเพาะปลูก และใช้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ในเชิงพฤกษศาสตร์ มิลค์ทิสเซิลเป็นพืชล้มลุกอายุสั้น มีดอกสีม่วง และใบมีหนาม โดยจุดเด่นคือ เมล็ดที่อุดมไปด้วยสาร ไซลิมาริน (Silymarin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และได้รับการศึกษาทางการแพทย์ จนกลายเป็นส่วนประกอบหลัก ในผลิตภัณฑ์เพื่อการฟื้นฟู และปกป้องตับในปัจจุบัน
สารออกฤทธิ์หลัก ที่ทำให้มิลค์ทิสเซิล ได้รับความนิยมอย่างมาก ในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพตับ คือ สารไซลิมารินซึ่งเป็นสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonolignans) ที่สกัดได้จากเมล็ดของมิลค์ทิสเซิล
ไซลิมารินเป็น สารประกอบเชิงซ้อนทางธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง มีโครงสร้างใกล้เคียงกับสารฟลาโวนอยด์ ประกอบด้วยสารย่อยหลัก 3 ชนิด ได้แก่
ที่มา: 7 Science-Based Benefits of Milk-Thistle [1]
งานวิจัยหลายชิ้นได้ศึกษาผลของไซลิมาริน ซึ่งเป็นสารสกัดหลัก จากมิลค์ทิสเซิล ต่อสุขภาพตับ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะตับอักเสบเรื้อรัง และโรคตับแข็ง
มิลค์ทิสเซิลมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบในท้องตลาด โดยแต่ละรูปแบบจะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต่างกัน ดังนี้ ดังนี้
โดยขนาดแนะนำทั่วไป คือ 140–420 มก.ต่อวัน แบ่งรับประทาน 2–3 ครั้ง แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้ยารักษาโรคตับ หรือมีภาวะตับเรื้อรัง เพื่อความปลอดภัย และเหมาะสมกับสุขภาพแต่ละคน
มิลค์ทิสเซิลเป็นสมุนไพร ที่มีประวัติการใช้ยาวนาน และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ในด้านการปกป้อง และฟื้นฟูตับ โดยเฉพาะการล้างพิษ หรือดีท็อกซ์ร่างกาย สาระสำคัญอย่างไซลิมาริน ที่ได้จากเมล็ดของพืชชนิดนี้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง และช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพตับ
มิลค์ทิสเซิลอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยในบางราย โดยมีผลข้างเคียง และข้อควรระวังดังนี้
ที่มา: Milk-Thistle: Benefits and Side Effects [2]
เวลาที่เหมาะสม ในการรับประทานมิลค์ทิสเซิล
คำแนะนำเพิ่มเติม
ที่มา: When To Take Milk-Thistle: Morning or Night? [3]