ฟอสฟาติดิลเซอรีน (Phosphatidylserine) ชื่อนี้อาจฟังดูเป็นทางวิทยาศาสตร์อย่างมาก แต่ในโลกของโภชนาการ และสุขภาพ ฟอสฟาติดิลเซอรีนได้รับความสนใจ ในฐานะสารอาหารสำคัญ ที่มีบทบาท ในระบบประสาท และการทำงานของสมอง เราอาจคุ้นเคยกับคำว่าสารสื่อประสาท หรือการส่งสัญญาณภายในสมอง
แต่ฟอสฟาติดิลเซอรีน มีความสำคัญมากกว่านั้น เพราะมันช่วยส่งเสริมความจำ การเรียนรู้ และอารมณ์ที่สมดุล ด้วยบทบาทอันซับซ้อนนี้ บทความนี้ จะพาไปสำรวจเชิงลึก เกี่ยวกับฟอสฟาติดิลเซอรีน ตั้งแต่โครงสร้าง ประโยชน์ต่อสุขภาพ ไปจนถึงแหล่งอาหาร และวิธีการเสริมสารนี้ เข้าสู่ร่างกาย
ฟอสฟาติดิลเซอรีนเป็น Phospholipids ชนิดหนึ่ง ที่มีอยู่ในเยื่อหุ้มเซลล์ โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อสมอง สารนี้มีบทบาทสำคัญ ในการรักษาโครงสร้าง และการทำงาน ของเยื่อหุ้มเซลล์ ให้คงที่ และมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ในการส่งสัญญาณประสาท ส่วนช่วยหลั่งสารสื่อประสาท ที่จำเป็นต่อ การทำงานของสมอง
โครงสร้างทางเคมีของฟอสฟาติดิลเซอรีน ประกอบด้วยกรดไขมันสองสาย ที่เชื่อมต่อกับกลุ่มฟอสเฟต และกรดอะมิโนเซอรีน (Serine) โครงสร้างนี้ ทำให้มันมีความยืดหยุ่น และสามารถเข้าไปมีบทบาท ในกระบวนการต่างๆ ในระดับเซลล์
ที่มา: Phosphatidylserine [1]
ฟอสฟาติดิลเซอรีนเป็นฟอสโฟลิพิด ที่มีบทบาทสำคัญ ในโครงสร้าง และการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์ โดยเฉพาะในสมอง แม้ว่าร่างกาย สามารถสังเคราะห์ฟอสฟาติดิลเซอรีนได้เอง แต่การได้รับจากอาหาร ก็มีความสำคัญเช่นกัน อาหารที่มีฟอสฟาติดิลเซอรีนสูง และปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้
ควรทราบว่าปริมาณฟอสฟาติดิลเซอรีนในอาหาร อาจแตกต่างกันไป ตามปัจจัยต่างๆ เช่น พันธุ์ วิธีการเตรียม และการปรุงอาหาร นอกจากนี้ การดูดซึมฟอสฟาติดิลเซอรีน จากแหล่งอาหารต่างๆ อาจแตกต่างกันด้วย [2]
วิธีการรับประทานฟอสฟาติดิลเซอรีน รับประทานพร้อมอาหาร เพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น ควรแบ่งรับประทานออกเป็น 2–3 ครั้งต่อวัน เพื่อรักษาระดับสารอาหารในร่างกาย และปริมาณการรับประทานฟอสฟาติดิลเซอรีน มีดังนี้
นอกจากนี้ ฟอสฟาติดิลเซอรีนสามารถรับประทานร่วมกับ เลซิติน (Lecithin) ได้เพื่อช่วยบำรุงสมอง และระบบประสาท เนื่องจากทั้งสองชนิดเป็นสารประกอบไขมัน ที่มีประโยชน์ต่อสมอง และระบบประสาท โดยมีคุณสมบัติที่เสริมการทำงานซึ่งกันและกัน
การรับประทานฟอสฟาติดิลเซอรีนทุกวัน ในปริมาณที่เหมาะสม ถือว่าปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก โดยทั่วไป แนะนำไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน และการใช้ในระยะเวลาสูงสุด 6 เดือนไม่ก่อให้เกิดอันตราย ตามการศึกษาที่ระบุไว้
อย่างไรก็ตาม การใช้ในระยะยาว หรือการบริโภคปริมาณที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง สำหรับสตรีมีครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟอสฟาติดิลเซอรีน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ เกี่ยวกับความปลอดภัย ในกลุ่มนี้ [3]
ฟอสฟาติดิลเซอรีนเป็นสารอาหาร ที่มีบทบาทสำคัญ ต่อสุขภาพสมอง ระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเสริมสร้างความจำ ลดความเครียด และส่งเสริมสมาธิ แม้ว่าจะมีอยู่ในอาหารจากธรรมชาติ แต่ในบางกรณี การเสริมอาหาร อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม