คำถามที่น่าสนใจ พืชอะไรที่มี Stilbenoid สูง

พืชอะไรที่มี Stilbenoid สูง

พืชอะไรที่มี Stilbenoid สูง เป็นคำถามที่ถูกให้ความสนใจมากขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ชื่ออาจไม่คุ้นหู แต่ก็เป็นหนึ่งในสารที่ถูกศึกษาด้านการต้านอนุมูลอิสระ ระบบอักเสบ และสุขภาพภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เริ่มมีการพูดถึงในด้านอาหาร และโภชนาการมากขึ้นในปัจจุบัน

  • สติลบีนอยด์คืออะไร?
  • ประโยชน์ของสติลบีนอยด์
  • พืชอะไรบ้างที่มีสติลบีนอยด์สูง?

สติลบีนอยด์คืออะไร?

สติลบีนอยด์ คือกลุ่มสารพฤกษเคมี ตามธรรมชาติ ที่พืชสร้างขึ้น เพื่อใช้ป้องกันตัวเองจากเชื้อรา แบคทีเรีย และความเครียด ทางสภาพแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐาน ของสารกลุ่มนี้ ประกอบด้วยวงแหวน Aromatic สองวงเชื่อมต่อกัน ด้วยพันธะคู่ จึงจัดอยู่ในกลุ่มโพลีฟีนอล ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ

ตัวอย่างที่เรารู้จักกันดีเช่น resveratrol, pterostilbene, และ piceatannol ซึ่งมักพบในผิวองุ่น เบอร์รี่ ถั่วลิสง รวมถึงพืชบางชนิด ที่ใช้เป็นสมุนไพรในท้องถิ่น การมีอยู่ของสารเหล่านี้ มักสัมพันธ์กับบริเวณของพืช ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงสูง จากการติดเชื้อ เช่นผิว เปลือก หรือส่วนที่สัมผัสแสงแดดโดยตรง

งานวิจัยล่าสุด ชี้ให้เห็นว่าสติลบีนอยด์ ไม่ได้มีความสำคัญ เฉพาะต่อพืชเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาศึกษา เพื่อนำมาใช้ในการควบคุมเชื้อรา mycotoxins ที่สร้างสารพิษในอาหาร นอกจากนี้ยังมีความน่าสนใจใน เชิงการนำทรัพยากรเหลือใช้ เช่นเถาองุ่น และเศษไม้จากการเกษตร มาเป็นแหล่งสกัดสติลบีนอยด์ เพื่อใช้ประโยชน์ต่อได้ (23 มีนาคม 2023) [1]

ประวัติสติลบีนอยด์ การค้นพบครั้งแรก

สติลบีนอยด์ถูกศึกษาครั้งแรก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อเริ่มมีการค้นพบว่าสารบางชนิดในพืชเช่น resveratrol และ piceatannol มีโครงสร้างพื้นฐาน ที่มาจากแกนของ stilbene (C₆–C₂–C₆) และเกี่ยวข้องกับระบบป้องกันตัวของพืช จากเชื้อรา และความเครียดจากสภาพแวดล้อม

ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1950–1970 นักเคมีพฤกษศาสตร์ ได้พัฒนาเทคนิคการแยก และวิเคราะห์สารพฤกษเคมี อย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถจำแนก stilbenoids ออกจากกลุ่มโพลีฟีนอลอื่นๆ ได้ชัดเจนขึ้น พร้อมทั้งเริ่มเชื่อมโยงว่า พืชจะสังเคราะห์สารกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเผชิญการติดเชื้อ หรือความเสียหายของเซลล์

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ถึงต้นศตวรรษที่ 21 มีการค้นพบว่าสติลบีนอยด์ ไม่ได้มีเฉพาะในพืช แต่ยังพบในแบคทีเรียบางชนิดเช่น Photorhabdus luminescens ที่สามารถสร้างสารนี้ เพื่อยับยั้งจุลชีพ ทำให้เกิดความเข้าใจใหม่ เกี่ยวกับบทบาทเชิงป้องกัน และเชิงนิเวศของสติลบีนอยด์ ชี้ให้เห็นศักยภาพ และต่อยอด สู่การประยุกต์ทางการแพทย์ในอนาคต (15 กันยายน 2025) [2]

ประโยชน์ของสติลบีนอยด์

  • ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการทำลายเซลล์ จากความเครียด Oxidation ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสื่อมของร่างกาย
  • ลดการอักเสบในร่างกาย มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ และโมเลกุล ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ อาจช่วยลดอาการบวม เจ็บ หรือการอักเสบเรื้อรัง
  • บำรุงหัวใจ หลอดเลือด งานวิจัยบางส่วน ชี้ว่าสามารถช่วยปรับสมดุล ไขมันในเลือด และป้องกันการเกาะตัว ของเกล็ดเลือดได้
  • ช่วยปรับการตอบสนอง ต่ออินซูลิน สารบางชนิดเช่น resveratrol และ pterostilbene มีบทบาทช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน และการเผาผลาญน้ำตาล
  • อาจยับยั้งการเจริญเติบโต ของเซลล์ผิดปกติ จากการทดลอง ในห้องปฏิบัติการ พบว่าช่วยชะลอการแบ่งตัว ของเซลล์ที่ผิดปกติ แต่ยังไม่ใช่ข้อสรุป สำหรับการรักษาโรคในมนุษย์

พืชอะไรบ้างที่มีสติลบีนอยด์สูง?

พืชอะไรที่มี Stilbenoid สูง

พืชที่มีสติลบีนอยด์สูงโดยปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้

  • รากและลำต้น Japanese Knotweed มีสติลบีนอยด์สูง 200–500 mg. เป็นหนึ่งในแหล่งสกัดเรสเวอราทรอลในเชิงพาณิชย์ มักไม่ได้ทานเป็นอาหาร แต่ใช้เป็นวัตถุดิบสมุนไพร และผลิตสารสกัด
  • ก้านองุ่น และเถาองุ่น มีสติลบีนอยด์สูง 100–300 mg. พบสูงมากในส่วน ที่เป็นโครงสร้างป้องกันพืช มักนำไปใช้สกัด ไม่ได้ทานโดยตรง เหมาะกับงานวิจัย และอุตสาหกรรมอาหารเสริม
  • ผิวองุ่นแดง มีสติลบีนอยด์ 0.5–14 mg. ส่วนที่อยู่ผิวนอก จะมีมากที่สุด เพราะเป็นจุดที่พืชต้องป้องกันเชื้อรา การกินองุ่นทั้งเปลือก จะได้ประโยชน์มากกว่าแกะเปลือกออก
  • ไวน์แดง มีสติลบีนอยด์ 0.2–7 มิลลิกรัม ปริมาณขึ้นกับพันธุ์องุ่น และวิธีหมัก แต่ไม่แนะนำให้ใช้เป็นแหล่งสารอาหารหลัก เพราะมีแอลกอฮอล์
  • มัลเบอร์รี่ มีสติลบีนอยด์ 0.5–5 มิลลิกรัม มีทั้งเรสเวอราทรอลและ piceatannol ให้รสหวานอมเปรี้ยว กินง่าย
  • บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ มีสติลบีนอยด์ประมาณ 0.3–1.9 มิลลิกรัม ยิ่งมีสีเข้ม ยิ่งโดนแสงแดดตอนปลูก เท่ากับปริมาณสติลบีนอยด์จะมากขึ้น
  • เนื้อเมล็ดถั่วลิสง มีสติลบีนอยด์ไม่ได้สูงมาก 0.01–0.3 milligram พบในเนื้อเมล็ด ถือว่าเป็นแหล่งที่พบได้ง่าย ในชีวิตประจำวัน
  • เปลือกถั่วลิสง มีสติลบีนอยด์ประมาณ 100–300 milligram มีสติลบีนอยด์สูงมาก แต่คนทั่วไป ไม่ค่อยกินเพราะฝาด มักนำไปทำเป็นสารสกัดต้านอนุมูลอิสระในอุตสาหกรรมอาหาร
  • พิสตาชิโอ สติลบีนอยด์ประมาณ 0.05–0.3 milligram ปริมาณไม่สูงมาก แต่ช่วยเสริมโดยรวม เมื่อกินผสมถั่วหลายชนิด

งานวิจัยเกี่ยวกับสติลบีนอยด์

งานวิจัยชี้ว่า สติลบีนอยด์เช่นเรสเวอราทรอล, pterostilbene, gnetol และ piceatannol มีบทบาททางชีวภาพหลากหลายด้าน โดยเฉพาะการช่วยลดการอักเสบ การต้านอนุมูลอิสระ การปกป้องเซลล์สมอง และหัวใจ รวมถึงการช่วยปรับสมดุลการสลายสารอาหารเป็นพลังงานเช่น ภาวะดื้ออินซูลิน และระดับน้ำตาลในเลือด

นอกจากนี้ สติลบีนอยด์บางชนิด ยังถูกศึกษาว่ามีศักยภาพ ในการยับยั้งกระบวนการ ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง ในระดับเซลล์ ช่วยป้องกันความเสียหายของดีเอ็นเอ และยับยั้งการเจริญเติบโต ของเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นเหตุผลให้สารกลุ่มนี้ ได้รับความสนใจ ในวงการโภชนาการ และเวชศาสตร์ป้องกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ผลการทดลอง ในหลอดทดลอง และในสัตว์ จะสนับสนุนประโยชน์ของสติลบีนอยด์อย่างชัดเจน แต่ข้อมูลการทดลองในมนุษย์ยังมีจำกัด โดยเฉพาะในด้านขนาดที่เหมาะสม การดูดซึมในร่างกาย และความปลอดภัยเมื่อใช้ในระยะยาว นักวิจัยจึงเสนอว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิภาพ (9 มีนาคม 2018) [3]

ข้อควรระวังเกี่ยวกับสติลบีนอยด์

  • การดูดซึมในร่างกายต่ำ สติลบีนอยด์หลายชนิด ถูกย่อยหรือขับออกเร็ว ร่างกายใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ จึงอาจต้องพิจารณาวิธีสกัด หรือการใช้ร่วมกับไขมัน เพื่อช่วยการดูดซึม
  • ข้อมูลการทดลองในมนุษย์ยังมีจำกัด ผลดีส่วนใหญ่ ยังอยู่ในระดับหลอดทดลอง หรือสัตว์ทดลอง การนำไปใช้รักษาจริง ยังต้องอาศัยงานวิจัยเพิ่มเติม
  • ปริมาณสูงอาจ มีผลต่อเอนไซม์การสลายยาในตับ อาจมีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา เช่นยาละลายลิ่มเลือด หรือยาควบคุมความดัน หากใช้ในรูปแบบเสริมเข้มข้น
  • ไม่เหมาะกับการใช้เป็น ทางลัดเพื่อสุขภาพ แม้จะมีประโยชน์ แต่ควรได้รับผ่านอาหารธรรมชาติ ควบคู่กับการกินหลากหลาย มากกว่าพึ่งอาหารเสริมชนิดเดียว

สรุปแล้ว พืชอะไรที่มี Stilbenoid สูง

โดยภาพรวม สติลบีนอยด์เป็นสารพฤกษเคมี ที่พืชสร้างขึ้น เพื่อป้องกันตัวเอง จากความเครียดและเชื้อโรค มีบทบาทสำคัญ ในด้านการต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบในร่างกาย แหล่งอาหารที่พบมากเช่น ผิวองุ่นแดง, หม่อน, บลูเบอร์รี่, แบล็กเบอร์รี่, รวมถึงใน ถั่วลิสง ส่วนในรูปแบบสกัดมักได้จากราก Japanese Knotweed และก้านองุ่น

ทานพืชผักยังไงให้ได้รับสติลบีนอยด์?

การได้รับสติลบีนอยด์ให้มากที่สุด ทำได้โดยเน้นทาน ผลไม้และพืชที่มีเปลือกสีเข้ม เช่นองุ่นแดง บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ควรทานทั้งเปลือก นอกจากนี้ควรเลือกแบบสุกกำลังดี ไม่ช้ำ ไม่แช่น้ำทิ้งไว้นาน และหลีกเลี่ยงการปรุงด้วยความร้อนสูง หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม แนะนำให้ทานร่วมกับ ไขมันดีเล็กน้อย

ใครที่ไม่ควรได้รับสารสติลบีนอยด์?

โดยทั่วไปสติลบีนอยด์จากอาหาร ถือว่าปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ผู้ที่ควรระวัง คือกลุ่มที่ใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เช่นยาละลายลิ่มเลือด, ยาควบคุมความดัน, ยาลดไขมัน หรือยาที่ตับต้องใช้เอนไซม์ CYP450 ในการสลายยา เพราะสติลบีนอยด์บางชนิด อาจไปชะลอการสลายยา ทำให้ยาออกฤทธิ์แรงขึ้น หรือค้างนานเกินไป

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง