
รู้ไหม ผักอะไรที่มี Pyrrolizidine alkaloid สูง
- Fiona
- 22 views

ผักอะไรที่มี Pyrrolizidine alkaloid สูง เป็นคำถามที่หลายคนอาจไม่เคยคิดถึง ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์เป็นสารธรรมชาติ ที่พืชบางชนิดสร้างขึ้น เพื่อป้องกันแมลง และสัตว์กินพืช ซึ่งพบได้ในพืชตระกูลต่างๆทั่วโลก แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในสมุนไพรป่า และพืชปนเปื้อนในอาหาร แต่ก็มีความสำคัญ ในแง่ความปลอดภัยทางอาหาร
- ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์คืออะไร?
- ผักที่มีไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์สูง
- อันตรายจากไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์
สารไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ คืออะไร?
ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ คือสารอัลคาลอยด์ธรรมชาติ ที่พืชบางชนิดสร้างขึ้น เพื่อป้องกันตนเองจากแมลง และสัตว์กินพืช พบในพืชดอกหลายพันชนิดทั่วโลก โดยเฉพาะในตระกูล Asteraceae, Boraginaceae และ Fabaceae สารนี้มีโครงสร้างพื้นฐาน เป็นวงไพโรลิซิดีน ซึ่งเกิดจากกรดอะมิโนออร์นิทีน
เมื่อร่างกายได้รับเข้าไป จะถูกเปลี่ยนที่ตับ ให้เป็นสารที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์ตับ และหากได้รับสะสม ในปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดพิษต่อตับ หรือเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดมะเร็งได้ แม้จะเป็นสารที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติ แต่ถือเป็นหนึ่งในสารปนเปื้อน ที่ควรเฝ้าระวัง ในอาหารและสมุนไพร
ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์มีกี่ชนิด?
- ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ สามารถจำแนกได้เป็น 4 ชนิดหลัก ตามโครงสร้างของ necine base ซึ่งเป็นแกนกลางของโมเลกุล โดยแต่ละชนิด มีระดับความเป็นพิษ และแหล่งที่พบแตกต่างกัน ดังนี้
- Retronecine type เป็นชนิดที่พบมากที่สุด และมีพิษสูง โครงสร้างมีพันธะคู่ ระหว่างคาร์บอน ตำแหน่ง 1 และ 2 ทำให้สามารถ เปลี่ยนเป็นสารออกฤทธิ์ ที่ทำลายเซลล์ตับได้ง่าย พบในพืชตระกูล Senecio, Crotalariaและ Heliotropium
- Heliotridine type มีโครงสร้างใกล้เคียงกับ Retronecine แต่การจัดเรียงหมู่ไฮดรอกซิลต่างออกไป ส่งผลให้คุณสมบัติทางเคมี เปลี่ยนเล็กน้อย แต่ยังคงเป็นพิษ พบมากในพืชวงศ์ Boraginaceae เช่นพืชสกุล Heliotropium และ Symphytum
- Otonecine type มีลักษณะเฉพาะคือมี ether bridge เชื่อมต่ออยู่ในโครงสร้าง ทำให้เสถียรต่อการสลาย และคงพิษได้นานขึ้น พบในพืชบางชนิดของ Senecio และ Parasenecio
- Platynecine type ไม่มีพันธะคู่ ในตำแหน่ง 1,2 จึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสารพิษได้ง่าย ความเป็นพิษต่ำที่สุดในกลุ่ม พบในพืชบางชนิดของ Cynoglossum และ Echium
ที่มา: Pyrrolizidine Alkaloids (5 มิถุนายน 2018) [1]
ประวัติ ของไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์
สารไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ เริ่มเป็นที่รู้จัก มาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อนักวิทยาศาสตร์ สังเกตพบว่าสัตว์เลี้ยง เช่นม้าและโค เกิดอาการตับแข็ง และตาย หลังจากกินพืชบางชนิดเข้าไป โดยเฉพาะพืชในสกุล Crotalaria และ Senecio ซึ่งต่อมาถูกระบุว่าเป็นแหล่งของสารพิษในกลุ่มไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์
เหตุการณ์เหล่านี้ เช่นโรค Missouri River Bottom Disease ในสหรัฐอเมริกาและ Molteno disease ในแอฟริกาใต้ กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการศึกษาอย่างจริงจัง เกี่ยวกับสารธรรมชาตินี้ ต่อมาในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ สามารถแยก และระบุโครงสร้าง ทางเคมีของไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ ได้อย่างชัดเจน
จนพบว่าสารนี้ มีฤทธิ์เป็นพิษต่อตับ และบางชนิดยังมีแนวโน้ม ก่อมะเร็งได้ด้วย จากนั้นหน่วยงานด้านอาหาร และสาธารณสุข ในหลายประเทศ จึงเริ่มให้ความสำคัญ กับการควบคุมการปนเปื้อน ของสารกลุ่มนี้ในอาหาร สมุนไพร และผลิตภัณฑ์จากพืช เพื่อป้องกันอันตราย ต่อผู้บริโภค ในระยะยาว (2 ตุลาคม 2025) [2]
ผักอะไรที่มีไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์สูง?

- ผักโขมหนาม พืชผักพื้นบ้าน ที่พบทั่วไปในเขตร้อน มีวิตามินซีสูงเป็น ผัก เพื่อสุขภาพ แต่พบว่ามีสารไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ ในระดับค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในส่วนของใบอ่อน และลำต้น สารนี้เกิดจากกระบวนการ ป้องกันแมลงของพืชเอง
- ผักบุ้งทะเล ที่ขึ้นเองในธรรมชาติ ผักบุ้งทะเลที่ขึ้นตามแหล่งน้ำธรรมชาติ อาจสะสมไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ ได้มากกว่าผักที่ปลูกในระบบเกษตร เพราะมักมีพืชปนชนิดอื่น เช่นพวกตระกูล Senecio หรือ Crotalaria ขึ้นปะปน ในแหล่งเดียวกัน
- พืชในวงศ์ Asteraceae บางชนิด เช่นสาบเสือ เป็นพืชที่มีสารไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์หลายชนิด เช่น lycopsamine และ intermedine ซึ่งแม้จะไม่ใช่ผักกินทั่วไป แต่บางพื้นที่ นิยมใช้ยอดอ่อน หรือต้มดื่ม ทำให้มีโอกาส ได้รับสารนี้โดยไม่รู้ตัว
- Senecio vulgaris กลุ่มพืชนี้ขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งสะสม ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์มากที่สุด ในบรรดาพืชกินได้ทั้งหมด มีรายงานว่าบางประเทศ ห้ามเก็บมากิน เพราะอาจเป็นพิษต่อตับ
- ผักเบี้ยใหญ่ แม้จะจัดอยู่ในกลุ่มที่มีปริมาณสารไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ ต่ำกว่าชนิดอื่น แต่หากเก็บจากพื้นที่ที่มีพืชปนเปื้อน เช่นพวกตระกูล Crotalaria หรือ Heliotropium ก็อาจมีสารสะสมได้ ในระดับที่ควรระวัง
อันตรายจากไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์
- ทำลายเซลล์ตับ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย สารไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์จะถูกเปลี่ยน เป็นสารกึ่งออกซิเดชัน ที่เป็นพิษ ทำให้เซลล์ตับถูกทำลาย และเกิดพังผืด ส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติ
- เสี่ยงต่อภาวะตับอุดตัน เป็นภาวะที่หลอดเลือดฝอยในตับอุดตัน ทำให้เกิดอาการตับโต ปวดท้อง ตัวเหลือง และในรายรุนแรง อาจถึงขั้นตับวาย
- ก่อให้เกิดความเสียหายต่อดีเอ็นเอ สารบางชนิดในกลุ่มนี้ สามารถจับกับดีเอ็นเอ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์ ซึ่งเป็นกลไกหนึ่ง ของการเกิดมะเร็ง
- เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ ในระยะยาว การรับสารไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ต่อเนื่อง แม้ในปริมาณต่ำ สามารถสะสม และเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดมะเร็งตับได้
- เป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์ และทารก สารนี้สามารถผ่านรก ไปสู่ทารกในครรภ์ หรือขับออกทางน้ำนมได้ ซึ่งอาจส่งผล ต่อพัฒนาการ ของตับในเด็ก
- เกิดพิษเรื้อรังสะสม แม้ไม่ได้รับในปริมาณมากในคราวเดียว แต่การกินผัก หรือสมุนไพรที่มีสารไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์บ่อยครั้ง อาจทำให้สารสะสม จนเกิดพิษเรื้อรัง โดยไม่รู้ตัว
ผลวิจัยพิษของไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์
ในงานวิจัยใหม่ของศูนย์ CRIS มหาวิทยาลัย Michigan State University นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาระบบทดสอบแบบ cell-based assay รูปแบบใหม่ โดยใช้ เซลล์ตับมนุษย์หลายชนิด ร่วมกันในสภาพจำลอง เพื่อศึกษาผลของ ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ ต่อสุขภาพของตับ อย่างใกล้เคียง กับร่างกายจริงที่สุด
ระบบใหม่นี้ ต่างจากงานก่อนหน้า ที่ใช้สัตว์ทดลอง โดยเฉพาะหนู เพราะสามารถสังเกตปฏิกิริยาเฉพาะ ของเซลล์ตับมนุษย์เช่น hepatocytes และ endothelial cells ได้พร้อมกัน ซึ่งสำคัญเพราะไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ ไม่ได้ทำลายเซลล์ทุกชนิดในตับเท่ากัน ผลการทดลองใช้ 5 ชนิด เปรียบเทียบกัน
พบว่าบางชนิดมีความเป็นพิษสูงมาก ทำให้เซลล์ตาย และเกิดความเสียหาย ต่อดีเอ็นเออย่างชัดเจน ขณะที่บางชนิด แทบไม่มีผล แม้ใช้ความเข้มข้นเดียวกัน ผลลัพธ์นี้จึงชี้ว่า ความเป็นพิษของไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ ไม่เท่ากันในทุกชนิด และการประเมินความเสี่ยง หรือกำหนดค่าความปลอดภัย ควรพิจารณาเป็นรายชนิด (25 มีนาคม 2024) [3]
สรุปแล้ว ผักอะไรที่มีไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์สูง
ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์เป็นสารธรรมชาติ ที่พืชสร้างขึ้น เพื่อป้องกันตัวเองจากแมลง แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ในปริมาณมาก อาจทำลายเซลล์ตับ และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังได้ ผักที่มีรายงาน พบสารกลุ่มนี้ได้มาก เช่นผักโขมหนาม ผักโขมน้ำ ผักบุ้งทะเล สาบเสือ Senecio vulgaris และผักเบี้ยใหญ่
ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์มีประโยชน์ไหม?
แม้ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ จะเป็นสารที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นพิษ แต่ในด้านวิทยาศาสตร์ พบว่ามีบางชนิดที่มี ฤทธิ์ทางชีวภาพ เมื่อใช้ในขนาดต่ำ ผ่านการสกัดควบคุมอย่างเหมาะสม เช่นมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ และต้านการอักเสบ ยับยั้งการเจริญ ของเซลล์มะเร็งบางชนิด ในหลอดทดลอง และช่วยป้องกันพืช จากแมลงศัตรูพืชตามธรรมชาติ
ไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์เท่าไหร่อันตราย?
ปริมาณไพโรลิซิดีนอัลคาลอยด์ ที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย ขึ้นอยู่กับชนิดของสาร และระยะเวลาการได้รับ โดยทั่วไป องค์การความปลอดภัยอาหารแห่งยุโรป กำหนดให้ระดับการรับสัมผัส ที่ปลอดภัยที่สุด อยู่ที่ไม่เกิน 0.007 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน
- Tags: สุขภาพ


