รู้ไว้ไม่เสี่ยง ผักอะไรที่มี Myristicin สูง

ผักอะไรที่มี Myristicin สูง

ผักอะไรที่มี Myristicin สูง เป็นคำถามที่อาจฟังดูไม่คุ้นหู แต่จริงๆแล้วเกี่ยวกับสิ่งที่เรากินอยู่ทุกวัน โดยไม่รู้ตัว ไมริสติซินเป็นสารประกอบธรรมชาติในพืชหลายชนิด สารนี้มีคุณสมบัติทางชีวภาพที่น่าสนใจ และมีทั้งข้อดี และข้อควรระวัง ก่อนจะไปดูว่าผักชนิดใดบ้าง ที่มีไมริสติซินสูง เรามาทำความรู้จักสารตัวนี้ให้ละเอียดกันก่อน

  • ไมริสติซินคืออะไร?
  • อันตรายจากไมริสติซิน
  • ผักอะไรที่มี Myristicin สูง

สารธรรมชาติ ไมริสติซิน คืออะไร?

ไมริสติซินเป็นสารธรรมชาติ ที่อยู่ในเครื่องเทศอย่าง ลูกจันทน์เทศ เป็นหลัก และยังพบในสมุนไพรบางชนิด เช่นผักชีฝรั่ง และผักชีลาว สารนี้มีอยู่ในน้ำมันหอมระเหยของพืช และให้กลิ่นเฉพาะตัว ที่เราคุ้นเคย เวลาร่างกายได้รับไมริสติซิน ในปริมาณเล็กน้อย ตามที่ใช้ปรุงอาหาร ก็แทบไม่เกิดผลอะไรเป็นพิเศษ (31 สิงหาคม 2018) [1]

ประวัติ ไมริสติซิน การค้นพบครั้งแรก

ไมริสติซินถูกค้นพบครั้งแรก ในฐานะส่วนหนึ่งของน้ำมันหอมระเหย จากเมล็ดและเปลือก ของลูกจันทน์เทศ ซึ่งเป็นเครื่องเทศ ที่ใช้มานานในหมู่เกาะ Moluccas ของอินโดนีเซีย ต่อมาในช่วงปี 1903 นักเคมีชื่อ H. Thoms ได้เสนอรายละเอียด โครงสร้างทางเคมี ของไมริสติซินอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถจัดกลุ่มสารนี้อยู่ในตระกูล Phenylpropene

ร่วมกับสารหอมจากพืชอื่นๆ ที่ใช้เป็นทั้งยา และเครื่องเทศในยุโรปและเอเชีย การระบุโครงสร้างนี้ถือเป็นจุดเริ่มสำคัญ ที่ทำให้วงการวิทยาศาสตร์ รู้ว่าสารหอมจากพืช สามารถมีบทบาททางชีวภาพ ต่อร่างกายมนุษย์ ได้มากกว่าที่เคยเข้าใจกัน ในด้านรสชาติ และกลิ่นเพียงอย่างเดียว

ต่อมาในช่วง ปลายทศวรรษ 1930 โดยเฉพาะปี 1939 นักวิทยาศาสตร์อย่าง V. M. Trikojus และ D. E. White ได้รายงานว่า แม้ไมริสติซินจะถูกแยก และรู้จักมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยมีการสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการมาก่อน เป็นจุดเริ่มในการพัฒนาการสังเคราะห์สารธรรมชาติ เพื่อใช้ศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพ ในเชิงลึกมากขึ้น (11 กันยายน 2025) [2]

อันตรายจากไมริสติซินคืออะไร?

  • อาการทางประสาท เวียนหัว ง่วงซึม สับสน รับรู้เพี้ยน หรือถึงขั้นเห็นภาพ เสียงหลอนในบางคน เมื่อได้ปริมาณสูงเกินไป
  • ระคายทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร พบได้บ่อย หลังรับประทาน ในครั้งเดียวปริมาณมาก
  • ส่งผลต่อหัวใจ และหลอดเลือด ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นผลพ่วง จากการกระตุ้นระบบประสาท
  • ปากคอแห้ง และขาดน้ำได้ง่าย จากฤทธิ์ต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้รู้สึกคอแห้ง กระหายน้ำผิดปกติ
  • อันตรายรุนแรง พบไม่บ่อยแต่ต้องระวัง การชัก ความผิดปกติของการหายใจ หรือตับไตเสียหาย โดยเฉพาะเมื่อรับปริมาณมาก หรือร่วมกับสารอื่น
  • หลักฐานในคนยังจำกัด ประโยชน์เชิงรักษา ยังอยู่ระดับก่อนคลินิก ขณะที่ความเสี่ยง จากการใช้เกินขนาดในคน มีบันทึกเป็นรายกรณี

ผักอะไรบ้างที่มีไมริสติซินสูง?

ผักอะไรที่มี Myristicin สูง
  • Parsley ใบและเมล็ดพาสลีย์ ถือว่าเป็นหนึ่งในแหล่งของไมริสติซิน ที่สูงที่สุดในกลุ่มผัก เพราะพืชในวงศ์ Apiaceae จะสร้างสารนี้ เพื่อป้องกันแมลงตามธรรมชาติ รสและกลิ่นของพาสลีย์ ที่หอมสดชื่น มาจากน้ำมันหอมระเหย ที่มีไมริสติซินอยู่
  • ผักชีลาว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เพราะมีไมริสติซิน และสารในกลุ่มเดียวกันหลายชนิด มักใช้ทำอาหารยุโรป และอาหารหมักดอง กลิ่นของผักชีลาวชัดเจน แม้ใช้ไม่มาก แสดงถึงความเข้มข้น ของน้ำมันหอมระเหย ในใบและเมล็ด
  • Celery เมล็ดมีกลิ่นแรงกว่าตัวใบ เพราะมีความเข้มข้น ของน้ำมันหอมระเหยสูงกว่า จึงใช้เพียงเล็กน้อย ก็ให้ความหอมชัด ส่วนใบที่เราใช้ผัด แกง หรือต้มซุปก็มีไมริสติซินเช่นกัน แต่ปริมาณจะน้อยกว่าเมล็ด
  • ผักชี ใบและเมล็ดผักชี มีไมริสติซินในระดับปานกลาง กลิ่นหอมที่เราคุ้นเคย มาจากสารหอมระเหยหลายชนิดรวมกัน แม้ปริมาณไม่สูงเท่าพาสลีย์ แต่พบได้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด เพราะผักชีถูกใช้โรยหน้าหลายเมนู ในอาหารไทย
  • Parsnip ผักหัวสีขาวรสชาติหวานนิดๆ และกลิ่นอ่อนๆ เกี่ยวข้องกับสารในกลุ่มเดียวกับไมริสติซิน แม้จะไม่เข้มข้น แต่ก็ยังถือว่ามีปริมาณพอสมควรได้เมื่อปรุงสุก โดยเฉพาะเมื่อนำไปอบ หรือคั่ว จะทำให้กลิ่นชัดขึ้น
  • แครอท มีไมริสติซินในปริมาณน้อย เมื่อเทียบกับผักชี แต่ยังคงพบในกลุ่มน้ำมันหอมระเหยของราก ผักตระกูลนี้โดยธรรมชาติจะมี สารหอมแบบเครื่องเทศอ่อนในตัว ทำให้มีรสหวาน และกลิ่นเฉพาะตัวเมื่อปรุง

ประโยชน์ไมริสติซิน คืออะไร?

  • ต้านอนุมูลอิสระ ไมริสติซินช่วยลดความเสียหาย จากอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยปกป้องเซลล์ ไม่ให้เสื่อมเร็ว และอาจช่วยชะลอความเสื่อม ในอวัยวะต่างๆ
  • ต้านการอักเสบ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ และบวมในร่างกาย โดยช่วยลดการหลั่งสารอักเสบ ทำให้ได้รับความสนใจ ในงานวิจัยเกี่ยวกับโรคอักเสบเรื้อรัง
  • ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา สารนี้พบว่ามีคุณสมบัติ ยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคบางชนิด จึงถูกใช้ในสมุนไพรพื้นบ้าน และยังถูกศึกษา เพื่อใช้เป็นสารป้องกันศัตรูพืชตามธรรมชาติ
  • อาจช่วยปกป้องตับ การทดลองในสัตว์ พบว่าไมริสติซินช่วยลดความเสียหายของตับ จากสารพิษบางชนิด จึงมีศักยภาพ ในการใช้ดูแลสุขภาพตับในอนาคต
  • อาจมีฤทธิ์ต้านการเจริญของเซลล์มะเร็ง งานวิจัยในห้องทดลองบางชิ้น พบว่าไมริสติซินช่วยชะลอการแบ่งตัว ของเซลล์มะเร็งบางชนิด แต่ยังต้องมีการศึกษามากขึ้นในมนุษย์
  • อาจช่วย ลดน้ำตาล ในเลือด และควบคุมการเผาผลาญ มีข้อมูลบ่งชี้ว่าไมริสติซิน อาจช่วยเสริมสมดุลการใช้พลังงาน และน้ำตาลในร่างกาย แต่ยังอยู่ในระดับการทดลอง

ที่มา: Myristicin: From its biological effects (23 พฤษภาคม 2023) [3]

ได้รับไมริสติซินเท่าไหร่ ถึงเป็นอันตราย?

ข้อมูลอ้างอิงส่วนใหญ่ใช้จากปริมาณลูกจันทน์เทศ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีไมริสติซินสูง โดยพบว่าเมื่อบริโภคลูกจันทน์เทศ ประมาณ 5–10 กรัม ประมาณ 1–2 ช้อนชาในครั้งเดียว อาจเริ่มมีอาการไม่สบายตัว เช่นคลื่นไส้ ปวดศีรษะ ใจเต้นเร็ว มึนงง เนื่องจากไมริสติซิน มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ส่วนปริมาณที่เริ่มมีพิษชัดเจน

เช่นทำให้เกิดอาการประสาทหลอน กระสับกระส่าย สับสน หรือพูดไม่รู้เรื่อง มักพบเมื่อรับลูกจันทน์เทศ ประมาณ 10–20 กรัมขึ้นไปในครั้งเดียว ซึ่งเทียบเท่าการได้รับไมริสติซินหลายมิลลิกรัม ต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว หากบริโภคลูกจันทน์เทศ มากกว่า 20–50 กรัมในครั้งเดียว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีไมริสติซินเข้มข้นสูง

อาจทำให้เกิดผลรุนแรง เช่นหัวใจเต้นผิดปกติ ความดันโลหิตแกว่ง อาเจียนรุนแรง ชัก หรือหมดสติ และมีรายงานบางกรณีอาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยเฉพาะหากได้รับร่วมกับแอลกอฮอล์ หรือสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทชนิดอื่น อย่างไรก็ตาม การใช้ในปริมาณ ปรุงอาหารปกติ น้อยกว่า 1 กรัมต่อครั้ง ไม่ก่อพิษ

สรุปแล้ว ผักอะไรที่มีแม้ไมริสติซินสูง

แม้ไมริสติซินจะเป็นสารธรรมชาติ ที่พบในผัก และเครื่องเทศทั่วไป เช่น Parsley, ผักชีลาว, Celery, ผักชี, Parsnip และแครอท ควรระวังว่าการได้รับในปริมาณมากเกินกว่าที่ใช้ทำอาหารปกติ อาจทำให้เกิดอาการมึน เวียนหัว ง่วงซึม ปากแห้ง หัวใจเต้นเร็ว หรือรุนแรงถึงขั้นประสาทหลอน มีผลต่อการหายใจ หรือการทำงานของตับและไตได้

ทานผักที่มีไมริสติซินสูงอันตรายไหม?

การทานผักที่มีไมริสติซินสูง ในปริมาณตามปกติในชีวิตประจำวัน โดยทั่วไป ไม่ถือว่าอันตราย เพราะระดับไมริสติซินในผักส่วนใหญ่ มักมีปริมาณต่ำ และมักใช้ในอาหาร ในปริมาณไม่มากต่อมื้อ แตกต่างจากลูกจันทน์เทศ หรือสารสกัด ที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งเป็นสาเหตุในรายงานพิษส่วนใหญ่

ใครที่ควรระวังสารไมริสติซินเป็นพิเศษ?

กลุ่มที่ควรระวังการได้รับไมริสติซินมากเกินไป คือผู้ที่มีโรคตับ ผู้ที่ใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาทหรือยากล่อมประสาท สตรีมีครรภ์ เด็กเล็ก เพราะไมริสติซินถูกเปลี่ยนแปลง และถูกกำจัดผ่านตับ หากตับทำงานไม่ดี อาจสะสมหรือออกฤทธิ์นานขึ้นได้ รวมถึงผู้ที่ใช้สมุนไพร หรือเครื่องเทศเข้มข้น โดยไม่มีการควบคุมปริมาณ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง