สารอันตราย ผักอะไรที่มี Hydrazine สูง

ผักอะไรที่มี Hydrazine สูง

ผักอะไรที่มี Hydrazine สูง เป็นคำถามที่ฟังดูแปลกสำหรับหลายคน เพราะเมื่อพูดถึงสารพิษในพืช เรามักคุ้นกับชื่ออย่างโซลานีน ออกซาลิก หรือไนเตรต มากกว่าจะนึกถึงไฮดราซีน สารประกอบที่มีฤทธิ์รุนแรง และเกี่ยวกับกระบวนการชีวภาพในพืชบางชนิด ซึ่งผักในธรรมชาติ ก็สามารถสร้างไฮดราซีนได้เช่นกัน

  • ไฮดราซีนคืออะไร?
  • อันตรายจากไฮดราซีน
  • ผักอะไรที่มี Hydrazine สูง

สารไฮดราซีนคืออะไร?

ไฮดราซีนเป็นของเหลวใส ไม่มีกลิ่นสี แต่จะมีกลิ่นฉุนคล้ายแอมโมเนีย ใช้กันมากในอุตสาหกรรม เช่นเป็นเชื้อเพลิงจรวด วัสดุตั้งต้นในการผลิตยาฆ่าแมลง พลาสติก และสารเคมีต่างๆ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดขึ้นจากกระบวนการเผาผลาญ ของยาบางชนิด หรือพบได้ในเห็ดพิษบางประเภท ไฮดราซีนเป็นสารที่มีพิษต่อหลายระบบในร่างกาย

กลไกการเกิดพิษของไฮดราซีน เกิดจากการรบกวนการทำงาน ของวิตามิน B6 ซึ่งเป็นตัวช่วย ของเอนไซม์ที่เปลี่ยนกลูตาเมตให้เป็น GABA สารที่ช่วยควบคุมการทำงานของสมอง เมื่อเอนไซม์นี้ถูกยับยั้ง ระดับ GABA จะลดลง ทำให้สมองเกิดภาวะตื่นตัวมากเกินไป จนเกิดอาการชักหรือหมดสติได้ (23 เมษายน 2023) [1]

ประวัติ ไฮดราซีน การค้นพบครั้งแรก

ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักเคมีเริ่มสังเกต และแยกสารประกอบไฮดราซีนเป็นครั้งแรก ชื่อ hydrazine ถูกตั้งโดย Emil Fischer เมื่อปี 1875 ขณะที่เขาศึกษา การสังเคราะห์อนุพันธ์ ไนโตรเจนต่างๆ ต่อมาในปี 1887 Theodor Curtius สามารถเตรียมไฮดราซีนในรูป hydrazine sulfate ได้จากกระบวนการทางเคมี

แม้จะยังไม่สามารถได้ไฮดราซีนบริสุทธิ์โดยตรง การค้นพบเหล่านี้ เป็นก้าวสำคัญ ที่ชี้ว่าไฮดราซีน ไม่ใช่เพียงสารทดลอง แต่มีความเป็นไปได้ ทางการสังเคราะห์ และการใช้งานทางอุตสาหกรรมในอนาคต การพัฒนาต่อมาเกิดขึ้นเมื่อ C. A. Lobry de Bruyn ในปี 1895 สามารถเตรียมไฮดราซีนแบบแห้ง ได้เป็นครั้งแรก

ซึ่งเปิดทางให้การศึกษาคุณสมบัติ และการใช้ประโยชน์ ของไฮดราซีนขยายตัว ในศตวรรษที่ 20 ผลจากงานเหล่านี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจ ทั้งวิธีสังเคราะห์ และความเป็นพิษ ของไฮดราซีนดีขึ้น และนำไปสู่การประยุกต์ใช้ ในหลายด้าน ตั้งแต่ตัวทำละลาย และตัวกลางเคมี ไปจนถึงเชื้อเพลิงจรวดในยุคหลัง (9 สิงหาคม 2025) [2]

อันตรายจากไฮดราซีนคืออะไร?

  • เป็นพิษรุนแรงเมื่อได้รับแบบเข้มข้นเข้าไป การสูดดม หรือดูดซึมผ่านผิวหนัง สามารถทำให้ระคายจมูก และลำคอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก หรือชักได้ และหากได้รับมากเกินไป อาจหมดสติหรือเสียชีวิต
  • ทำลายตับ ไต และเม็ดเลือดแดง การสัมผัสแบบเข้มข้นซ้ำๆ อาจทำให้ตับ และไตเสื่อม รวมถึงทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ส่งผลต่อระบบการลำเลียงออกซิเจนของร่างกาย
  • รูปแบบเข้มข้นเป็นสารที่คาดว่า จะก่อมะเร็ง มีหลักฐานจากการทดลองในสัตว์ ที่ชี้ว่าไฮดราซีน อาจกระตุ้นการเกิดมะเร็ง จึงควรหลีกเลี่ยง การสัมผัสเป็นเวลานาน
  • กัดกร่อน และระคายเคือง ต่อผิวหนังและดวงตา หากสัมผัสรูปแบบเข้มข้นโดยตรง อาจทำให้ผิวหนังไหม้ หรือเยื่อบุตาอักเสบ ควรสวมถุงมือและแว่นป้องกันทุกครั้งที่ใช้งาน
  • ไวไฟ และอาจระเบิดได้ ไฮดราซีนเป็นของเหลวไวไฟ สามารถติดไฟได้เอง เมื่อสัมผัสอากาศ หรือสารเร่งปฏิกิริยา ควรเก็บในที่เย็น และระบายอากาศดี
  • เกิดปฏิกิริยากับสารอื่น และปล่อยก๊าซพิษ เมื่อเผาไหม้ ไฮดราซีนสามารถทำปฏิกิริยารุนแรง กับออกซิไดเซอร์ และเมื่อไหม้ จะปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ที่เป็นอันตราย ต่อระบบหายใจ
  • อาการพิษอาจล่าช้า หลังสัมผัส อาจยังไม่แสดงอาการในทันที จึงควรรีบล้างผิวหนัง หรือดวงตา และไปพบแพทย์ทันที แม้อาการจะดูไม่รุนแรงในตอนแรก

ที่มา: hydrazine (20 กันยายน 2025) [3]

ผักอะไรบ้างที่มีไฮดราซีนสูง?

ผักอะไรที่มี Hydrazine สูง
  • Gyromitra esculenta แหล่งธรรมชาติ ที่มีไฮดราซีนสูงที่สุด เนื่องจากมีสาร gyromitrin ซึ่งเมื่อผ่าน การย่อยอาหาร หรือให้ความร้อน จะสลายตัวเป็นไฮดราซีน ทำให้เห็ดชนิดนี้ เป็นพิษต่อระบบประสาท และตับ หากกินโดยไม่ผ่านการต้ม หรืออบไล่สารพิษ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • เห็ดบางชนิดในสกุล Helvella พบสารในกลุ่มเดียวกับ gyromitrin เช่นกัน แม้ปริมาณจะน้อยกว่า Gyromitra แต่หากรับมาก หรือต้มไม่ทั่วถึง ก็อาจเกิดพิษจากไฮดราซีนสะสมได้
  • มันฝรั่งดิบ โดยปกติไม่มีไฮดราซีนโดยตรง แต่ในหัวที่งอก หรือเริ่มเขียว จากการโดนแสง อาจเกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมีบางส่วน ที่เกี่ยวข้องกับสารไนโตรเจน ซึ่งสามารถสร้างอนุพันธ์ ของไฮดราซีน ในระดับต่ำได้ จึงควรหลีกเลี่ยง การกินดิบ หรือหัวที่งอก
  • Vicia faba มีรายงานว่ามีสารประกอบ ที่อาจเปลี่ยนรูป เป็นไฮดราซีน ในสภาพจำเพาะ เช่นเมื่อถูกทำลายเอนไซม์ หรือหมักในสภาวะ ที่มีไนโตรเจนสูง แม้ระดับจะไม่เป็นอันตราย ต่อคนทั่วไป แต่ผู้ที่มีภาวะเอนไซม์ G6PD deficiency ควรระวัง
  • ผักตระกูล Nightshade เช่นมะเขือเทศดิบ หรือมะเขือพวง มีสารกลุ่มอัลคาลอยด์ และไนโตรเจนอินทรีย์ ที่ในบางสภาพ อาจสร้างสาร ที่มีหมู่ไฮดราซีนได้เล็กน้อย แต่โดยทั่วไป มีปริมาณต่ำมาก และไม่เป็นอันตราย เมื่อปรุงสุกตามปกติ

ประโยชน์ของไฮดราซีนคืออะไร?

  • ใช้เป็นเชื้อเพลิงจรวด และเครื่องบิน ไฮดราซีนเป็นสารให้พลังงานสูงมาก เมื่อทำปฏิกิริยากับสารออกซิไดซ์ จะให้ความร้อน และแรงดันสูง เหมาะสำหรับใช้ในระบบขับของยานอวกาศ และจรวด
  • ใช้เป็นสารตั้งต้น ทางอุตสาหกรรมเคมี ไฮดราซีนเป็นวัตถุดิบสำคัญ ในการผลิตสารอินทรีย์หลายชนิด เช่นยาฆ่าแมลง พลาสติก โพลียูรีเทน และสารกันสนิม
  • ใช้ในการสังเคราะห์ยา และสารชีวเคมีบางชนิด ไฮดราซีนเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยา เช่นยาต้านวัณโรคบางชนิด และใช้ในงานวิจัย ด้านเภสัชเคมี
  • ใช้เป็นสารกำจัดออกซิเจน ในหม้อน้ำ ช่วยลดการกัดกร่อนของโลหะ ในระบบหม้อน้ำ โดยทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ที่หลงเหลืออยู่ในน้ำ
  • ใช้ในการวิจัย และพัฒนา ในห้องปฏิบัติการ ไฮดราซีนเป็นสาร Reduce ที่มีประสิทธิภาพสูง มักถูกใช้ในการสังเคราะห์ สารเคมีใหม่ๆ หรือวัสดุนาโน

ได้รับไฮดราซีนเท่าไหร่อันตราย?

ไฮดราซีนเป็นสารพิษ ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน และเป็นพิษต่อระบบประสาท ตับ และปอด แม้ได้รับในปริมาณเล็กน้อย ก็อาจเกิดอาการระคายเคืองรุนแรงได้ ระดับความเข้มข้นในอากาศ ที่เกินประมาณ 0.03 ppm ถือว่าไม่ปลอดภัย หากได้รับ 50 ppm ขึ้นไป จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ส่วนการรับทางปากเพียงไม่กี่มิลลิกรัม อาจทำให้เกิดพิษเฉียบพลัน

สรุปแล้ว ผักอะไรที่มีไฮดราซีนสูง

ผักที่มีไฮดราซีนสูง Gyromitra esculenta ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญ ของสารไฮดราซีน จากสารตั้งต้นชื่อ gyromitrin รวมถึงเห็ดในสกุล Helvella, มันฝรั่งดิบที่งอกหรือเขียว, Vicia faba, และมะเขือพวง หรือมะเขือเทศดิบ แม้ปริมาณในผักทั่วไป จะน้อยจนไม่เป็นอันตราย แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า พืชบางชนิด สามารถสร้างสารนี้ ได้โดยธรรมชาติ

ใครที่ควรระวังสารไฮดราซีน?

กลุ่มที่ควรระวังเป็นพิเศษ คือผู้ที่มีปัญหาตับ ไต หรือระบบประสาท เพราะไฮดราซีนมีพิษสะสม และอาจทำลายอวัยวะเหล่านี้ได้ ผู้ที่แพ้สารเคมี หรือมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ก็มีความเสี่ยง ต่ออาการแพ้ หรือระคายเคืองง่าย นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยง การบริโภคพืชผัก ที่มีไฮดราซีนสูง

ทานผักยังไงให้ปลอดภัยจากไฮดราซีน?

เลือกซื้อผัก จากแหล่งที่เชื่อถือได้ หลีกเลี่ยงผักที่มีสีผิดธรรมชาติ หรือกลิ่นเคมีแรง ก่อนบริโภคควรล้างด้วยน้ำไหล ถูเบาๆ แล้วแช่น้ำผสมเบกกิ้งโซดา หรือน้ำส้มสายชูเจือจาง 15–20 นาที จากนั้นล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง การลวก หรือต้มผัก แล้วทิ้งน้ำลวก ช่วยลดสารตกค้างได้อีกระดับ และควรบริโภคผัก ให้หลากหลายชนิด

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง