เผยแล้ว ผักอะไรที่มี Folate สูง หรือวิตามิน B9

ผักอะไรที่มี Folate สูง

ผักอะไรที่มี Folate สูง เป็นคำถามที่ฟังดูเหมือนง่าย แต่คำตอบอาจซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะโฟเลตไม่ได้มีอยู่ในผักทุกชนิด และปริมาณที่ร่างกายต้องการ ก็ขึ้นอยู่กับวัย เพศ และภาวะสุขภาพของแต่ละคน หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อโฟเลต จากโฆษณาอาหารเสริม แต่ความจริงแล้วโฟเลตมีอยู่ในผัก และพืชรอบตัวเรา

  • โฟเลตคืออะไร
  • ประโยชน์ของโฟเลต
  • ผักที่มีโฟเลตสูง

โฟเลตคืออะไร ค้นพบเมื่อไหร่?

โฟเลตหรือวิตามิน B9 เป็นวิตามินที่ละลายน้ำ ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง จึงต้องได้รับจากอาหาร โดยเฉพาะจากผักใบเขียว ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช โฟเลตจำเป็นสำหรับการสร้าง DNA และ RNA รวมถึงการเผาผลาญกรดอะมิโน เพื่อให้เซลล์แบ่งตัว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปี 1931 นักวิจัย Lucy Wills พบว่าอาการโลหิตจาง ในหญิงตั้งครรภ์ สามารถแก้ได้ด้วยยีสต์ จึงเป็นครั้งแรก ที่สารอาหารป้องกันโลหิตจางได้ ซึ่งในภายหลัง รู้ว่าคือโฟเลต ต่อมาในปี 1941 ทีมวิจัยที่ประกอบด้วย Herschel K. Mitchell, Esmond E. Snell และ Roger J. Williams ได้แยกโฟเลตจากผักโขมได้สำเร็จ

หลังจากนั้น ในช่วงปี 1943–1945 นักวิทยาศาสตร์ที่ Lederle Laboratories โดยเฉพาะ Bob Stokstad และทีม folic acid boys ได้สังเคราะห์ folic acid ในรูปผลึกบริสุทธิ์ และระบุโครงสร้างทางเคมี ทำให้สามารถผลิตเชิงอุตสาหกรรม และใช้ทางการแพทย์ ได้อย่างแพร่หลาย (17 กรกฎาคม 2025) [1]

โฟเลตมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร?

  • ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง ชนิดเม็ดเลือดแดงโต (Megaloblastic anemia) ทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 ในการสร้างเซลล์เม็ดเลือด ที่สมบูรณ์ และแข็งแรง
  • จำเป็นต่อการสร้าง และซ่อมแซม DNA/RNA มีบทบาท ในกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์ จึงสำคัญต่อการเจริญเติบโต และซ่อมแซมร่างกาย
  • ช่วยให้เนื้อเยื่อใหม่ๆ ฟื้นตัวได้รวดเร็ว ป้องกันความผิดปกติ ของทารกในครรภ์ ลดความเสี่ยง ความผิดปกติของ Neural tube defects เช่น Spina bifida และ Anencephaly สำคัญอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนแรก ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเส้นประสาทของทารก กำลังก่อตัว
  • สนับสนุนการทำงานของสมอง และระบบประสาท เกี่ยวข้องกับการผลิตสารสื่อประสาท (neurotransmitters) อาจช่วยลดความเสี่ยง ภาวะซึมเศร้า และภาวะสมองเสื่อมบางประเภท
  • ควบคุมระดับโฮโมซิสเทอีนในเลือด ระดับโฮโมซิสเทอีนสูง เป็นปัจจัยเสี่ยง ของโรคหัวใจ และหลอดเลือด โฟเลตช่วยเปลี่ยนโฮโมซิสเทอีน ให้เป็นเมไทโอนีน (methionine) ซึ่งปลอดภัยกว่า
  • เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้เซลล์ภูมิคุ้มกัน แบ่งตัวและทำงาน ได้เต็มประสิทธิภาพ สนับสนุนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เมื่อเกิดการติดเชื้อ หรือบาดเจ็บ

ปริมาณโฟเลตต่อวันเท่าไหร่?

  • ผู้ใหญ่ 13 ปีขึ้นไป: 400 µg ต่อวัน ปริมาณนี้เพียงพอ สำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดง และซ่อมแซม DNA สูงสุด 1,000 µg ขีดจำกัดเพื่อป้องกัน การกลบอาการขาดวิตามิน B12
  • หญิงตั้งครรภ์: 600 µg ต่อวันสูงสุด 1,000 µg จำเป็นต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะการป้องกันความผิดปกติของ neural tube defects ช่วง 3 เดือนแรก
  • หญิงให้นมบุตร: 500 µg ต่อวันสูงสุด 1,000 µg เพื่อชดเชยโฟเลต ที่ถูกใช้ในการผลิตน้ำนม และการซ่อมแซมร่างกายหลังคลอด
  • เด็ก 9–13 ปี: 300–400 µg ต่อวันสูงสุด 600 µg ช่วงวัยนี้ มีการเจริญเติบโตต่อเนื่อง จึงต้องการโฟเลตเพื่อการแบ่งเซลล์ และการสร้างเลือด
  • เด็ก 4–8 ปี: 200 µg ต่อวัน สูงสุด 400 µg เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกาย และสมองในวัยเรียน
  • เด็ก 1–3 ปี: 150 µg ต่อวัน สูงสุด 300 µg จำเป็นต่อการสร้างระบบประสาท และภูมิคุ้มกันในวัยเริ่มต้น

ที่มา: Folic Acid (25 พฤศจิกายน 2024) [2]

ผักอะไรที่มีโฟเลตสูง?

ผักอะไรที่มี Folate สูง
  • ผักใบเขียว เช่นผักโขม เคล เป็นแหล่งโฟเลต โดยผักโขมดิบ 1 ถ้วย (ประมาณ 30 กรัม) ให้โฟเลตถึง2 ไมโครกรัม หรือประมาณ 15% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
  • บีทรูท (Beets) ไม่เพียงให้สีสวย และสารต้านอนุมูลอิสระ บีทรูทยังมีโฟเลตสูงถึง 148 µg ต่อ 1 ถ้วย (ประมาณ 136 กรัม) หรือประมาณ 37% ของ DV
  • บรอกโคลี 1 ถ้วยดิบให้ประมาณ 57 µg (14% DV) ส่วนบรอกโคลีที่ปรุงสุก (½ ถ้วย) ให้ถึง 84 µg (21% DV)
  • กะหล่ำดาว (Brussels sprouts) ปรุงสุกครึ่งถ้วย ให้โฟเลตประมาณ 47 µg เทียบเท่า 12% DV

ที่มา: 15 Foods High in Folate (18 มีนาคม 2024) [3]

เคล็ดลับปรุงอาหารให้ได้โฟเลตมากที่สุด

  • เลือกวิธีปรุงที่เน้นนึ่ง ลวก หรือผัดเร็วๆ ด้วยไฟกลาง แทนการต้มนานๆ
  • ถ้าต้องต้ม ใช้น้ำน้อย และนำน้ำซุป ไปใช้ทำซุป หรือซอสต่อ เพื่อลดการสูญเสียโฟเลต
  • หั่นหลังล้าง และปรุงใกล้เวลารับประทาน เพื่อลดการสัมผัสอากาศ และแสง
  • เก็บในตู้เย็นอย่างถูกวิธี ใช้กล่องปิดสนิท เพื่อลดการสลายของโฟเลต ระหว่างเก็บ
  • สลับรับประทานผักดิบที่ปลอดภัย เช่นสลัดผักโขมอ่อน โดยล้างให้สะอาดก่อนทุกครั้ง

ปัจจัยอะไรที่มีผลต่อการดูดซึมโฟเลต?

ปัจจัยหลายอย่าง อาจมีผลต่อการดูดซึม และความต้องการโฟเลต เช่นการดื่มแอลกอฮอล์ ในปริมาณสูง ซึ่งอาจลดการดูดซึม และรบกวนกระบวนการเผาผลาญโฟเลต การใช้ยาบางชนิดเช่น methotrexate หรือยากันชักบางตัว ที่มีผลต่อระดับโฟเลตในร่างกาย จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างเคร่งครัด

ในช่วงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร ร่างกายต้องการโฟเลตเพิ่มขึ้น จึงมักมีการเสริมโฟลิกแอซิด ควบคู่กับการรับประทานผัก ที่มีโฟเลตสูง และหากรับประทาน วิตามินบีรวม ก็จะได้โฟเลต ร่วมกับบีชนิดอื่นๆเช่น B6 และ วิตามิน B12 ซึ่งช่วยให้กระบวนการทางชีวเคมีในร่างกาย ทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้น

สรุปแล้ว ผักอะไรที่มี Folate สูง

ผักอะไรที่มีโฟเลตสูง คำตอบสั้นๆ คือผักใบเขียว ผักโขม เคล บรอกโคลี และบีทรูท หลีกเลี่ยงการต้มนานๆ เน้นนึ่ง ลวก ผัดเร็วๆ หั่นหลังล้าง และกินผักให้หลากหลายสี หลายชนิดในแต่ละวัน สำหรับผู้ต้องการโฟเลตสูงเป็นพิเศษ เช่นคุณแม่ตั้งครรภ์ ควรเน้นการกินที่ดี และอาจใช้อาหารเสริมภายใต้คำแนะนำของแพทย์

กินโฟเลตเกินอันตรายไหม?

การได้รับโฟเลตจากอาหารธรรมชาติ โดยทั่วไป ไม่ค่อยก่อให้เกิดอันตราย เพราะร่างกายสามารถขับส่วนเกินออกได้ แต่หากได้รับโฟลิกแอซิด จากอาหารเสริม ในปริมาณสูงเกินขีดจำกัดที่ปลอดภัย ผู้ใหญ่ไม่เกิน 1,000 ไมโครกรัมต่อวัน อาจปกปิดอาการขาดวิตามินบี 12 ทำให้ไม่ได้รับการรักษา

โฟเลตมีข้อควรระวังอะไร?

โฟลิกแอซิดในรูปอาหารเสริม ควรหลีกเลี่ยงการทาน พร้อมกับแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะลดการดูดซึม และรบกวนการเผาผลาญโฟเลต นอกจากนี้ การใช้ยาบางชนิดเช่น methotrexate, ยากันชักบางตัว เช่น phenytoin, carbamazepine หรือยาต้านมาลาเรียบางชนิด อาจรบกวนการทำงานของโฟเลต

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง