
ผักอะไรที่มี Antioxidants สูง ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น คำว่าสารต้านอนุมูลอิสระ กลายเป็นสิ่งที่เราพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง ในบทความสุขภาพทั่วไป หรือโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่สนใจ ในเรื่องการชะลอวัย ป้องกันโรคเรื้อรัง หรือเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง
สารต้านอนุมูลอิสระ คือสารที่ช่วยยับยั้ง หรือชะลอกระบวนการออกซิเดชัน ซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางเคมี ที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย อนุมูลอิสระเหล่านี้ เป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียร และสามารถทำลายเซลล์ โปรตีน และดีเอ็นเอ ทำให้เกิดความเครียดออกซิเดชัน ซึ่งเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังหลายชนิด
เช่นโรคมะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสียหายเหล่านี้ โดยการให้หรือรับอิเล็กตรอน ทำให้อนุมูลอิสระมีความเสถียร และไม่ทำปฏิกิริยาต่อเนื่อง แนวคิดเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระ เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยถูกใช้ในทางอุตสาหกรรม เพื่อชะลอการเสื่อมของผลิตภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม การศึกษาบทบาท ของสารต้านอนุมูลอิสระ ในสิ่งมีชีวิต เริ่มในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อนักวิทยาศาสตร์ เริ่มค้นพบว่าสารอาหารบางชนิด เช่นวิตามิน และสารพฤกษเคมี มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และสามารถส่งผลดี ต่อสุขภาพของมนุษย์ในระยะยาว (1 สิงหาคม 2025) [1]
ที่มา: Antioxidants Explained in Simple Terms (12 กรกฎาคม 2023) [2]
สารต้านอนุมูลอิสระมีหน่วยวัดเป็น μmol โดยวัดปริมาณของสารในทางเคมี โดยเป็นหน่วยย่อยของ mol ใช้บอกจำนวนโมเลกุล ของสารในระบบเมตริก ต่อ 100 g. ผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้
ที่มา: Antioxidant Superstars (10 กันยายน 20008) [3]
หากกำลังมองหาวิธีป้องกันความเสื่อมของร่างกายโดยวิธีธรรมชาติ การเลือกรับประทานผัก ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ถือเป็นทางเลือกที่ดี โดยผักอย่างเคล บรอกโคลี ผักโขม กะหล่ำม่วง บีทรูท แครอท และพริกหวาน ล้วนเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมาก ควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอ และหลากหลาย
แม้ผักจะดีต่อสุขภาพ แต่การบริโภคมากเกินไป หรือไม่หลากหลาย อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด เช่นธาตุเหล็กจากสัตว์ และผักบางชนิดมีสารออกซาเลต ที่รบกวนการดูดซึมแร่ธาตุ หากรับประทานในปริมาณมากเป็นประจำ ควรหมุนเวียนผักหลายชนิด และปรุงอย่างเหมาะสม
สิ่งที่เพิ่มอนุมูลอิสระในร่างกาย ได้แก่พฤติกรรมและปัจจัยต่างๆ เช่นการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ อากาศเป็นพิษ มลภาวะทางสิ่งแวดล้อม รังสียูวีจากแสงแดด การรับประทานอาหารแปรรูป หรือไขมันทรานส์มากเกินไป ความเครียดเรื้อรัง การนอนหลับไม่เพียงพอ รวมถึงการออกกำลังกายมากเกินพอดี