
ผลไม้อะไรที่มี Vitamin E สูง เป็นคำถามที่หลายคนสนใจ เพราะวิตามินอีเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ บำรุงผิว เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวม ซึ่งผลไม้หลายชนิด มีวิตามินอี ในปริมาณที่น่าสนใจ
วิตามินอี (Vitamin E) ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1922 โดย Herbert M. Evans และ Katharine S. Bishop จากการทดลองกับหนู พบว่าสารนี้ จำเป็นต่อการสืบพันธุ์ และการเจริญพันธุ์ ต่อมาในปี 1935 สามารถแยกวิตามินอีออกมา ในรูปแบบบริสุทธิ์ได้สำเร็จ
และในปี 1938 มีการสังเคราะห์ขึ้น ในห้องทดลอง วิตามินอีมีหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่สำคัญที่สุด ต่อมนุษย์คือ alpha-tocopherol ซึ่งทำหน้าที่ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ และไขมัน จากการถูกทำลาย (17 สิงหาคม 2025) [1]
โดยทั่วไป ผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินอี ประมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน (หน่วยเป็น mg alpha-tocopherol) เพื่อให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย หากเป็นหญิงตั้งครรภ์ ยังคงแนะนำ ให้ปริมาณเท่าเดิมคือ 15 มก./วัน ส่วนหญิงที่ให้นมบุตร ควรได้รับเพิ่มขึ้นเป็น 19 มก./วัน
ขีดจำกัดสูงสุด ของการบริโภควิตามินอี ในรูปแบบอาหารเสริม (Upper Limit) อยู่ที่ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากได้รับมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ เนื่องจากวิตามินอี มีผลยับยั้งการแข็งตัวของเลือด (4 กันยายน 2024) [2]
ที่มา: 30+ Foods That Are High in Vitamin E (29 มีนาคม 2024) [3]
วิตามินอีจากผลไม้ แทบไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่หากทานอาหารเสริมวิตามินอี ในปริมาณสูงเกินไป อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่นภาวะเลือดออกง่าย หรือช้ำง่าย อีกทั้งการได้รับเกินขีดจำกัด สูงสุดที่แนะนำ ประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ยังอาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆ
ผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง ได้แก่ Mamey Sapote, อะโวคาโด, มะม่วง, กีวี, แบล็กเบอร์รี่, แบล็กเคอร์แรนท์, แครนเบอร์รี่อบแห้ง, มะกอกดอง, แอปริคอต และราสป์เบอร์รี การทานผลไม้เหล่านี้ เป็นประจำ พร้อมไขมันดี จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินอี ได้ดียิ่งขึ้น และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมได้
วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ดังนั้นควรรับประทาน คู่กับอาหารที่มีไขมันดี เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึม ได้อย่างเต็มที่ การทานผลไม้ที่มีวิตามินอี ร่วมกับไขมันดี จะช่วยเพิ่มการดูดซึมมากยิ่งขึ้น และทำให้ได้รับประโยชน์ จากสารต้านอนุมูลอิสระได้เต็มที่
ควรหลีกเลี่ยงการใช้วิตามินอีเสริม ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่นวาร์ฟาริน หรือแอสไพรินในปริมาณสูง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเลือดออก นอกจากนี้ ไม่ควรทานปริมาณมาก ร่วมกับวิตามินเอ หรืออาหารเสริมบางชนิด ที่ออกฤทธิ์คล้ายกัน และควรระวัง หากใช้ร่วมกับยาลดไขมันบางชนิด