มาดูกัน ผลไม้อะไรที่มี Saponins สูง

ผลไม้อะไรที่มี Saponins สูง

ผลไม้อะไรที่มี Saponins สูง อาจเป็นคำถามที่หลายคนไม่เคยนึกถึง เพราะสารซาโปนิน จริงๆแล้วซาโปนินคือสารธรรมชาติ ที่พืชสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวจากศัตรูพืช เป็นหนึ่งในสาร ที่ให้รสขมในอาหารบางชนิด การรู้ว่าผลไม้ชนิดใด มีซาโปนินอยู่มาก จึงเป็นจุดเริ่มต้น ของการเข้าใจธรรมชาติ ที่ซ่อนอยู่ในอาหารใกล้ตัวเรามากขึ้น

  • ซาโปนินคืออะไร?
  • ผลไม้ที่มีซาโปนินสูง
  • ซาโปนินอันตรายอย่างไร?

สารซาโปนินคืออะไร?

ซาโปนินคือสารประกอบธรรมชาติที่พบในพืช มีคุณสมบัติเด่นคือให้ฟองเมื่อละลายในน้ำ มีรสขมเล็กน้อย และสามารถจับกับไขมันหรือคอเลสเตอรอลได้ เป็นสารที่มีทั้งบทบาทในการป้องกันศัตรูพืชของพืชเอง และมีผลทางชีวภาพหลายอย่างต่อร่างกายมนุษย์ ซาโปนินแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ดังนี้

  1. Triterpenoid saponins เป็นซาโปนินที่พบมากที่สุดในธรรมชาติ มีโครงสร้างพื้นฐาน จากสารไตรเทอร์พีน 30 อะตอมคาร์บอน พบในพืชหลายชนิด เช่นถั่ว โสม และข้าวโอ๊ต มักให้ฟองมาก และมีรสขม ใช้ในสมุนไพรบำรุงร่างกาย และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
  2. Steroid glycosides มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนสเตอรอยด์ ในร่างกายมนุษย์ พบในพืชจำพวกหัว เช่นมันเทศป่า หรือเสาวรส เป็นซาโปนิน ที่ให้ผลคล้ายฮอร์โมนบางชนิด จึงมักถูกใช้ในอุตสาหกรรมยา และอาหารเสริม
  3. Spirostanol / Furostanol saponins เป็นชนิดย่อย ของกลุ่มสเตอรอยด์ ที่มีโครงสร้างเฉพาะ ตรงวงแหวนส่วนท้าย spiro หรือ furo ซึ่งมีผลต่อความสามารถ ในการละลายน้ำ และฤทธิ์ทางชีวภาพ พบในพืชเช่นหัวมันป่า และพืชสมุนไพรอินเดีย ใช้ศึกษาต่อยอด เพื่อสังเคราะห์สเตอรอยด์ทางการแพทย์

ที่มา: Saponins classification and occurrence in the plant kingdom (กุมภาพันธ์ 2007) [1]

ประวัติ ซาโปนิน การค้นพบครั้งแรก

คำว่าซาโปนิน มาจากภาษาลาตินว่า Sapo แปลว่าสบู่ เพราะสารนี้ทำให้เกิดฟอง เมื่อละลายในน้ำ นักวิทยาศาสตร์เริ่มสังเกต และแยกซาโปนินจากพืช ตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยพบว่าสารบางชนิดในราก ใบ หรือเปลือกไม้มีคุณสมบัติคล้ายสบู่ และมีฤทธิ์ละลายไขมัน

ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 1800 ถึงต้นศตวรรษที่ 1900 จึงมีการศึกษาทางเคมีมากขึ้น เพื่อระบุโครงสร้าง และคุณสมบัติของสารกลุ่มนี้ อย่างเป็นระบบ เมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 นักวิจัยเริ่มจำแนกซาโปนินออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ คือแบบสเตอรอยด์ และแบบไตรเทอร์พีน พร้อมศึกษาผลต่อสิ่งมีชีวิต

เช่นการต้านจุลชีพ การทำลายเม็ดเลือดแดง และบทบาทในการป้องกันศัตรูพืชของพืชเอง ต่อมาในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 20 ขยายไปสู่การใช้ซาโปนิน ในวงการแพทย์ อาหาร และเครื่องสำอาง จนกลายเป็นสารธรรมชาติ ที่ได้รับการวิจัยต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ทั้งในด้านประโยชน์ และความปลอดภัย ในการใช้กับมนุษย์ (2 ตุลาคม 2025) [2]

งานวิจัยซาโปนิน สารควบคุมศัตรูพืช

จากการศึกษาพบว่า ซาโปนินชนิด 3-GlcA-28 มีความสามารถ ในการเป็นสารควบคุมศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแสดงความเป็นพิษต่อแมลง rice weevils เมื่อใช้ในความเข้มข้นเพียง 100 ไมโครกรัมต่อกรัมอาหาร ก็สามารถทำให้แมลงตายได้ แม้ใช้ปริมาณไม่มาก ก็สามารถให้ผลควบคุมได้

นอกจากนี้ ซาโปนินตัวนี้ ทำความเสียหายต่อแมลง rice weevils ได้ดี ในขณะที่แมลง หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่นแมลงประเภทอื่น กลับไวต่อสารต่ำกว่ามาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญ ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และแมลงชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ศัตรูพืช ทำให้ผู้วิจัยมองว่าสารนี้ อาจนำมาพัฒนา เป็นสารควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ในอนาคต (2 กรกฎาคม 2012) [3]

ผลไม้อะไรที่มีซาโปนินสูง?

ผลไม้อะไรที่มี Saponins สูง
  • พุทราจีน มีซาโปนินในระดับปานกลาง โดยเฉพาะในเมล็ด และเปลือก ผลแห้งมักใช้ในสมุนไพรจีน เพื่อบำรุงร่างกาย
  • อินทผลัม มีซาโปนินอยู่ทั้งในเนื้อ และเมล็ด แม้จะรสหวาน แต่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
  • Fig มีซาโปนินในเนื้อ และเปลือก ช่วยให้ระบบย่อยทำงานดี และอาจช่วยลดไขมันในเลือด
  • ลิ้นจี่ พบซาโปนินในปริมาณน้อย ส่วนมากอยู่ในเปลือก และเมล็ด เนื้อที่กินได้ มีเพียงเล็กน้อย
  • ลำไย มีซาโปนินในปริมาณใกล้เคียงกับลิ้นจี่ พบในเปลือก และเมล็ด มากกว่าเนื้อ จึงไม่ถือว่ามากนัก แต่ก็เป็นหนึ่งในผลไม้ ที่มีสารกลุ่มนี้อยู่บ้าง
  • มะม่วงดิบ มีซาโปนินเล็กน้อยในเปลือก และยาง รสเปรี้ยวฝาดบางส่วน เกิดจากสารกลุ่มนี้

ประโยชน์ของซาโปนินคืออะไร?

  • ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ซาโปนินสามารถจับกับไขมัน และคอเลสเตอรอล ในทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมได้น้อยลง
  • ต้านการอักเสบ มีฤทธิ์ลดการอักเสบในระดับเซลล์ ช่วยบรรเทาอาการอักเสบเรื้อรังบางชนิด
  • ต้านจุลชีพ และไวรัส ซาโปนินบางชนิด สามารถยับยั้งการเจริญ ของแบคทีเรีย และไวรัสได้
  • กระตุ้นและ เสริมระบบภูมิคุ้มกัน มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรคได้ดีขึ้น
  • ช่วยต้านมะเร็งในระยะเริ่มต้น งานวิจัยบางส่วน พบว่าซาโปนิน อาจยับยั้งการเจริญ ของเซลล์มะเร็ง หรือลดการเกิดอนุมูลอิสระ
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยลดการดูดซึมกลูโคส และเพิ่มความไวของอินซูลิน
  • ช่วยให้การดูดซึมสารอาหารบางชนิดดีขึ้น ซาโปนินสามารถเปลี่ยนการซึม ผ่านของเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้สารอาหารบางชนิด เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น

ซาโปนินอันตรายอย่างไร?

  • ระคายเคืองกระเพาะอาหาร หากกินผลไม้ ที่มีซาโปนินสูง ในปริมาณมาก อาจทำให้คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือท้องเสียได้
  • ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ในกรณีเข้มข้นมาก ซาโปนินบางชนิด มีฤทธิ์ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดง แต่ปริมาณที่พบในอาหารทั่วไป มักไม่ถึงระดับเป็นอันตราย
  • รสขมและฝาดมากเกินไป ซาโปนินทำให้ผลไม้บางชนิด มีรสขมจัด หากบริโภคมาก อาจทำให้เบื่ออาหาร หรือระคายคอ
  • อาจกระทบการดูดซึมสารอาหารบางชนิด ซาโปนินมีคุณสมบัติ จับกับโปรตีน และแร่ธาตุ เช่นเหล็กและสังกะสี หากกินมาก อาจลดการดูดซึม ของแร่ธาตุเหล่านี้

สรุปแล้ว ผลไม้อะไรที่มีซาโปนินสูง

ผลไม้ที่มีซาโปนินสูง เช่นพุทราจีน อินทผลัม Fig ลิ้นจี่ ลำไย และมะม่วงดิบ ล้วนมีทั้งข้อดี และข้อควรระวัง ซาโปนินเป็นสารธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล ต้านการอักเสบ และเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ถ้ารับมากเกินไป อาจทำให้ระคายท้อง หรือดูดซึมแร่ธาตุบางชนิดลดลง จึงควรกินผลไม้เหล่านี้อย่างพอดี

ใครที่ควรระวังซาโปนินเป็นพิเศษ?

ผู้ที่มีปัญหา เกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือลำไส้ เช่นกรดไหลย้อน แผลในกระเพาะ หรือโรคลำไส้อักเสบ ควรระวัง การกินผลไม้ที่มีซาโปนินสูง เพราะอาจกระตุ้นให้ระคายท้องได้ นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง ผู้ขาดธาตุเหล็ก หรือมีปัญหาในการดูดซึมสารอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคในปริมาณมาก

ทานผลไม้ยังไงให้ปลอดภัยจากซาโปนิน?

ควรเลือกกินผลไม้ที่สุกดี เพราะเมื่อผลไม้สุก ปริมาณซาโปนิน จะลดลงตามธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการกินผลไม้ดิบ ที่มีรสขม หรือฝาดจัดในปริมาณมาก ควรกินผลไม้ให้หลากหลาย ไม่กินซ้ำชนิดเดิม ติดต่อกันนาน ๆ เพื่อป้องกันการสะสม ของสารในร่างกาย ทั้งยังควรล้างผลไม้ให้สะอาด ก่อนรับประทานทุกครั้ง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง