ต้องระวัง ผลไม้อะไรที่มี Psoralen สูง

ผลไม้อะไรที่มี Psoralen สูง

ผลไม้อะไรที่มี Psoralen สูง อาจฟังดูเป็นคำถาม ที่น้อยคนนักจะคาดถึง เพราะสารโซราเลน อาจไม่คุ้นหูนัก สำหรับคนทั่วไป โซราเลนไม่ใช่สารอาหารที่เราพบทั่วไป แต่เป็นสารประกอบธรรมชาติ ที่พืชบางชนิดสร้างขึ้น สารนี้เกี่ยวข้องกับแสงแดด ยิ่งในประเทศไทยที่แดดแรงๆ อาจจะมีผลต่อสุขภาพของเราได้ จึงควรศึกษาข้อมูลไว้

  • โซราเลน คืออะไร?
  • ผลข้างเคียงของโซราเลน
  • ผลไม้ที่มีโซราเลนสูง

สาร โซราเลน คืออะไร?

ผลไม้อะไรที่มี Psoralen สูง

โซราเลนเป็นสารธรรมชาติ ที่พืชสร้างขึ้น เพื่อป้องกันตัวเอง จากแมลงและเชื้อรา จัดอยู่ในกลุ่มสาร Furanocoumarins ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือไวต่อแสง หมายถึงเมื่อสารนี้ สัมผัสกับรังสี UVA จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ที่สามารถเปลี่ยนแปลง โครงสร้างของดีเอ็นเอในเซลล์ได้

สารนี้พบได้ในผลไม้ และพืชหลายชนิด เช่นมะนาว มะเดื่อฝรั่ง ส้มโอ ผักชี และ Celery โดยทั่วไปในปริมาณที่พบตามธรรมชาติ จะไม่เป็นอันตรายต่อคน แต่หากได้รับมากเกินไป หรือสัมผัสผิว แล้วโดนแสงแดด อาจทำให้ผิวไหม้ หรือเกิดรอยคล้ำ

ประวัติ โซราเลน การค้นพบ

โซราเลนเป็นสารประกอบธรรมชาติ ที่ได้รับความสนใจในต้นศตวรรษที่ 20 นักเคมีพบว่าสารนี้อยู่ในกลุ่ม furanocoumarins มีโครงสร้างคล้าย coumarin แต่มีวง furan เชื่อมต่ออยู่ จุดเด่นคือมีปฏิกิริยากับแสง UVA และสามารถจับกับโมเลกุลดีเอ็นเอได้ จึงกลายเป็นหัวข้อสำคัญ ในงานวิจัยด้านเคมี และชีววิทยา

ต่อมาในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ ได้นำคุณสมบัติของโซราเลน มาใช้ทางการแพทย์ เกิดเป็นวิธีรักษาที่เรียกว่า PUVA therapy ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน และโรคด่างขาว โดยให้ผู้ป่วยรับโซราเลน แล้วฉายแสง UVA เพื่อชะลอการแบ่งตัวของเซลล์ผิว แม้จะช่วยบรรเทาอาการได้ดี แต่การใช้ต่อเนื่อง ก็อาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อมะเร็งผิวหนัง

ก่อนปี 1996 โซราเลนยังเคยถูกนำไปใช้ในครีมเร่งผิวแทน แต่ภายหลัง พบว่ามีความเสี่ยง เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนัง จึงเลิกใช้ไปในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยในปี 1980 ที่รายงานถึงผลด้านการก่อมะเร็ง ของอนุพันธ์บางชนิด ของโซราเลนเช่นชนิด methoxsalen ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอได้ (3 ตุลาคม 2025) [1]

ผลข้างเคียงของโซราเลน คืออะไร?

  • ผิวไวต่อแสงแดด การรับประทานผลไม้ ที่มีโซราเลนสูง เช่นมะนาว มะเดื่อฝรั่ง หรือส้มโอ ในปริมาณมาก อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดขึ้น เมื่อออกกลางแจ้ง อาจเกิดผื่นแดง แสบร้อน หรือไหม้แดดได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่ผิวขาว หรือผิวแพ้ง่าย
  • ผื่นหรือรอยด่าง จากการสัมผัสน้ำผลไม้ น้ำจากผลไม้ จำพวกมะนาว หรือเลมอนที่เปื้อนผิว แล้วโดนแสงแดด อาจทำให้เกิดรอยไหม้ หรือจุดคล้ำบนผิว เป็นปฏิกิริยา ที่เกิดจากโซราเลน ในน้ำผลไม้ ทำงานร่วมกับรังสี UV
  • ระคายเคืองผิวหนังเฉพาะจุด เมื่อสัมผัสเปลือก หรือยางของผลไม้ ที่มีโซราเลน เช่นมะเดื่อ หรือส้มโอ แล้วไม่ล้างออกทันที อาจทำให้ผิวคัน แสบ หรือเกิดรอยแดง ในบริเวณที่สัมผัส
  • เพิ่มความไวของตา และผิวต่อรังสี UV หากรับโซราเลน จากอาหารต่อเนื่อง ในปริมาณสูง ร่างกายอาจไวต่อแสงมากขึ้นชั่วคราว โดยเฉพาะในผู้ที่รับประทานผลไม้ตระกูลส้มบ่อย และออกแดดทันทีหลังทาน
  • อาการทางเดินอาหาร ในบางคน อาจรู้สึกคลื่นไส้ หรือแน่นท้อง เมื่อกินผลไม้ที่มีน้ำมันหอมระเหย และสารฟูราโนคูมารินสูง เช่นมะนาวหรือเลมอน เนื่องจากโซราเลนมีรสขม และกระตุ้นกรดในกระเพาะ

ผลไม้อะไรบ้าง ที่มีโซราเลนสูง?

  • มะเดื่อฝรั่ง เป็นผลไม้ที่มีโซราเลน ในระดับสูงที่สุดชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะในน้ำยางสีขาว จากผิว และก้านของผล ซึ่งเป็นสารที่พืช ใช้ป้องกันแมลง สารนี้สามารถทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น หากโดนแสงแดด อาจเกิดผื่น หรือรอยแดงได้ จึงควรล้างมือให้สะอาดหลังสัมผัส
  • มะนาวและเลมอน ผลไม้ที่มีทั้งวิตามิน และแร่ธาตุเช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม โดยในเปลือกและน้ำมันหอมระเหยของมะนาว มีสารโซราเลนและ Bergupten ในปริมาณสูง เป็นสาเหตุของอาการ ผิวไหม้แดดจากน้ำมะนาว ที่มักเกิดเมื่อผิวเปื้อนน้ำมะนาว แล้วไปโดนแดดโดยตรง
  • ส้มโอ เปลือกและผิวสีขาวของส้มโอ มีสารในกลุ่ม furanocoumarins เช่นโซราเลน ซึ่งมีคุณสมบัติไวต่อแสง แม้ในเนื้อผล จะมีน้อยกว่า แต่ก็ยังตรวจพบ
  • องุ่น โดยเฉพาะพันธุ์ผิวเข้ม อย่างองุ่นดำ และองุ่นม่วง พบโซราเลนในเปลือก และเมล็ด ในปริมาณปานกลาง การกินในปริมาณพอเหมาะ แม้ไม่ได้ก่ออันตราย แต่หากสกัดแบบเข้มข้น อาจเพิ่มความไวต่อแสงได้
  • ลูกแพร์ พบสารโซราเลนเล็กน้อยในเปลือก และบริเวณผิวรอบขั้วผล ซึ่งเป็นส่วนที่พืชใช้สร้างสารป้องกันแมลง มักไม่ส่งผลต่อร่างกาย เมื่อกินปกติ แต่ไม่ควรใช้เปลือกสด สัมผัสผิวโดยตรงแล้วโดดแดดแรง

ข้อดีของโซราเลนคืออะไร?

โซราเลนโดยเฉพาะในรูปแบบ methoxsalen ใช้เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง ในการรักษาโรคผิวหนังเรื้อรังอย่างสะเก็ดเงิน และด่างขาว นำมาใช้ ร่วมกับการฉายแสงอัลตราไวโอเลตชนิดเอ งานวิจัยพบว่า สามารถช่วยให้อาการดีขึ้น หรือหายได้ชัดเจน ในผู้ป่วยมากถึงประมาณ 80%

โดยกลไกสำคัญ คือโซราเลนช่วยยับยั้งการแบ่งตัว ของเซลล์ผิวหนัง ที่ผิดปกติ และปรับสมดุลการทำงานของเม็ดสีในผิว ให้กลับมาใกล้เคียงปกติ แม้โซราเลนจะมีผลข้างเคียงได้บ้าง โดยเฉพาะต่อการทำงานของตับ แต่จากข้อมูลทางคลินิกพบว่าผู้ใช้เพียง 2–12% เท่านั้นที่มีค่าการทำงานของตับสูงขึ้นชั่วคราว (16 มกราคม 2020) [2]

โซราเลนกับการรักษามะเร็งในอนาคต

โซราเลนเป็นสารที่มีความไวต่อแสง นักวิทยาศาสตร์สนใจว่า อาจใช้ช่วยรักษามะเร็งได้ในอนาคต เพราะเมื่อได้รับ UVA หรือรังสีเอกซ์ สารนี้จะไปจับกับดีเอ็นเอของเซลล์ และหยุดการแบ่งตัวของมัน ส่งผลให้เซลล์ตายอย่างควบคุมได้ โดยเฉพาะเซลล์มะเร็ง ที่แบ่งตัวเร็ว และไวต่อความเสียหายของดีเอ็นเอ

นอกจากนี้ งานวิจัยใหม่ยังพบว่าโซราเลน ที่ถูกกระตุ้นด้วยแสง สามารถยับยั้งการส่งสัญญาณของเอนไซม์ tyrosine kinase ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และช่วยกระตุ้น ให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจดจำ และกำจัดเซลล์มะเร็ง ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า X-PACT ใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่ำ กระตุ้นอนุภาคฟอสฟอร์ ให้ปล่อยแสง UVA ภายในร่างกาย ทำให้สามารถเปิดการทำงานของโซราเลนได้ แม้ในเนื้อเยื่อส่วนลึก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญ ที่อาจทำให้โซราเลน กลายเป็นแนวทางการรักษามะเร็งแบบใหม่ในอนาคต (15 มีนาคม 2024) [3]

สรุปแล้ว ผลไม้อะไรที่มีโซราเลนสูง

ผลไม้ที่มีโซราเลนสูงได้แก่ มะเดื่อฝรั่ง มะนาว เลมอน ส้มโอ องุ่น และลูกแพร์ ส่วนใหญ่จะมีสารนี้อยู่มากในเปลือก น้ำมันหอมระเหย หรือยาง โดยเฉพาะมะเดื่อ และมะนาว ที่ถือว่ามีปริมาณสูงที่สุด การรับประทานพอเหมาะ ไม่เป็นอันตราย แต่หากรับประทานมากเกินไป หรือสัมผัสแล้วออกแดด อาจทำให้ผิวไหม้ได้

ทานผลไม้ยังไงให้ปลอดภัยจากโซราเลน?

การทานผลไม้ ให้ปลอดภัยจากโซราเลน ทำได้ง่ายๆ โดยเลือกกินในปริมาณพอดี และหลีกเลี่ยงการออกแดดแรง หลังรับประทาน หรือหลังสัมผัสน้ำผลไม้ ที่มีโซราเลนสูง ควรล้างมือให้สะอาด หลังคั้นน้ำ หรือปอกเปลือกผลไม้เหล่านี้ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้น ในช่วงก่อนออกแดดแรง

รอยไหม้จากโซราเลนรักษาอย่างไร?

เริ่มจากหลีกเลี่ยง การโดนแสงแดดซ้ำ ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ และทาครีมบำรุง ที่ช่วยลดการอักเสบ เช่นเจลว่านหางจระเข้ หรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอี และวิตามินบี 5 หากมีผื่นแดง หรือแสบร้อน สามารถใช้ครีมสเตียรอยด์อ่อนๆ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ รอยคล้ำอาจจางลงได้เอง ภายในไม่กี่สัปดาห์

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง