ต้องระวัง ผลไม้อะไรที่มี Oxalic acid สูง

ผลไม้อะไรที่มี Oxalic acid สูง

ผลไม้อะไรที่มี Oxalic acid สูง อาจเป็นคำถามที่หลายคนไม่เคยนึกถึงมาก่อน เพราะออกซาลิก ไม่ใช่สารอาหารจำเป็น แต่เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในพืช สารนี้มีผลต่อสุขภาพของเรา การรู้ว่าผลไม้ชนิดใด มีกรดออกซาลิกสูง จึงช่วยให้เราสามารถเลือกรับประทาน ได้อย่างเหมาะสม และปลอดภัยมากขึ้น

  • กรดออกซาลิกคืออะไร?
  • ผลไม้ที่มีกรดออกซาลิกสูง
  • อันตรายจากกรดออกซาลิก

กรดออกซาลิกธรรมชาติ คืออะไร?

กรดออกซาลิกคือกรดอินทรีย์ ที่พบได้ตามธรรมชาติในพืชหลายชนิด เช่นผักใบเขียว ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช ร่างกายของเรา ก็สามารถสร้างสารนี้ ขึ้นเองได้ในปริมาณเล็กน้อย เมื่อเข้าสู่ร่างกาย กรดออกซาลิก จะจับตัวกับแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียม หรือธาตุเหล็ก กลายเป็นสารประกอบ ที่เรียกว่าออกซาเลต

ซึ่งโดยทั่วไปออกซาเลต จะถูกขับออกทางปัสสาวะ หรือระบบขับถ่ายตามปกติ แต่ถ้ามีมากเกินไป อาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุแคลเซียม หรือธาตุเหล็กได้ ในบางกรณี หากออกซาเลตสะสมในร่างกายมากเกินไป อาจนำไปสู่การเกิดนิ่วในไต ชนิดแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด (1 ตุลาคม 2025) [1]

ประวัติ กรดออกซาลิก การค้นพบครั้งแรก

กรดออกซาลิกถูกค้นพบครั้งแรก ในศตวรรษที่ 18 โดยเริ่มจากปี 1745 ที่ Herman Boerhaave นักพฤกษศาสตร์ และแพทย์ชาวดัตช์ แยกเกลือออกซาเลต ได้จากต้น wood sorrel ต่อมาในปี 1773 François Pierre Savary สามารถสกัดกรดออกซาลิก จากเกลือเหล่านี้ได้สำเร็จ

และในปี 1776 Carl Wilhelm Scheele นักเคมีชาวสวีเดน ทดลองผลิตกรดออกซาลิก โดยใช้น้ำตาลทำปฏิกิริยากับกรดไนตริก ก่อนจะยืนยันในปี 1784 ว่ากรดที่ได้จากการสังเคราะห์นั้น เป็นสารชนิดเดียวกับที่พบในธรรมชาติ นักเคมีฝรั่งเศส de Morveau ร่วมกับ Lavoisier และคณะ ได้ตั้งชื่อว่ากรดออกซาลิกอย่างเป็นทางการ

ต่อมาในปี 1824 Friedrich Wöhler นักเคมีชาวเยอรมัน ได้สังเคราะห์กรดออกซาลิกขึ้นใหม่ จากการทำปฏิกิริยาระหว่างไซยาโนเจน กับแอมโมเนียในน้ำ ถือเป็นก้าวสำคัญ ของประวัติศาสตร์เคมี เพราะเป็นหนึ่งในครั้งแรก ที่นักวิทยาศาสตร์ สามารถสร้างสารอินทรีย์ ตามธรรมชาติขึ้นได้ จากสารอนินทรีย์ (2 ตุลาคม 2025) [2]

งานวิจัยบทบาทออกซาลิก ในสิ่งมีชีวิต

กรดออกซาลิกมีบทบาทสำคัญ ต่อสิ่งมีชีวิตทั้งในพืช เชื้อรา และแบคทีเรีย โดยทำหน้าที่ควบคุมความเป็นกรดด่าง ในสิ่งแวดล้อมรอบเซลล์ เพื่อสร้างสมดุลที่เหมาะสม ต่อการเจริญเติบโต ของสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ยังช่วยละลายแร่ธาตุในดิน เช่นแคลเซียม เหล็ก และฟอสเฟต ทำให้พืชดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น

ในเชื้อราที่ก่อโรคพืช กรดออกซาลิก ทำหน้าที่เหมือนอาวุธทางชีวภาพ โดยปรับสภาพผิวเนื้อเยื่อของพืช ให้เป็นกรด ทำให้ผนังเซลล์อ่อนตัว และเอนไซม์ของเชื้อรา สามารถย่อยสลายได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เชื้อรารุกราน และดูดซึมสารอาหารจากโฮสต์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ กรดออกซาลิกยังสามารถจับโลหะหนักบางชนิด เช่นอะลูมิเนียม หรือเหล็ก ช่วยลดพิษในสิ่งแวดล้อม และในพืชบางชนิด ยังช่วยยับยั้งเชื้อโรค หรือแมลงศัตรูพืช จึงนับเป็นสารธรรมชาติ ที่มีบทบาทรอบด้าน ทั้งในด้านการปรับสมดุล ป้องกันตัว และการอยู่รอด ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ (25 เมษายน 2024) [3]

ผลไม้อะไรที่มีกรดออกซาลิกสูง?

ผลไม้อะไรที่มี Oxalic acid สูง

อันตรายจากกรดออกซาลิกในผลไม้ มักเกิดขึ้น เมื่อบริโภคในปริมาณมาก หรือในผู้ที่มีภาวะไตหรือแร่ธาตุไม่สมดุล ผลไม้ชนิดที่มีกรดออกซาลิกสูง โดยปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้

  • Strawberry มีกรดออกซาลิกประมาณ 15–18 มก. ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานยอดนิยมนี้ มีออกซาเลตในระดับค่อนข้างสูง หากกินมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดนิ่วในไต โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มอยู่แล้ว แต่ถ้าทานพอดี สตรอว์เบอร์รียังเป็นแหล่งวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี
  • Kiwi มีกรดออกซาลิกประมาณ 13–15 มก. มีกรดออกซาลิกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะพันธุ์สีเขียว ที่ให้รสเปรี้ยวจัด สารนี้อาจทำให้รู้สึกระคายคอเล็กน้อย และหากบริโภคเกินพอดี อาจมีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย
  • องุ่น มีกรดออกซาลิก 10–12 มก. ทั้งองุ่นแดง และองุ่นเขียว มีออกซาเลตในระดับปานกลาง ถึงแม้ไม่มากเท่าผลไม้รสเปรี้ยวอื่นๆ แต่หากดื่มน้ำองุ่น หรือไวน์บ่อยๆ ก็อาจสะสมในร่างกายได้ โดยไม่รู้ตัว
  • สับปะรด มีกรดออกซาลิก 8–10 มก. ให้รสเปรี้ยวหวาน และช่วยย่อยอาหาร มีกรดออกซาลิกอยู่บ้าง ในส่วนของเนื้อ และแกนกลาง หากกินมากเกินไป อาจทำให้แสบลิ้น หรือคอ เนื่องจากกรดในเนื้อผลไม้ ทำให้เยื่อบุระคายเคือง
  • ส้มโอ มีกรดออกซาลิก 5–7 มก. มีกรดออกซาลิกไม่มากนัก แต่ในบางพันธุ์ หรือส่วนของเยื่อขาว อาจมีค่าที่สูงขึ้นเล็กน้อย กินมากไม่อันตรายต่อคนทั่วไป แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องจำกัดแร่ธาตุบางชนิด

อันตรายจากกรดออกซาลิกในผลไม้

  • เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต กรดออกซาลิก สามารถจับกับแคลเซียมในร่างกายกลายเป็น แคลเซียมออกซาเลต ซึ่งหากสะสมมาก จะตกผลึก และกลายเป็นนิ่วในไตได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ดื่มน้ำน้อย หรือมีประวัตินิ่วอยู่แล้ว
  • ลดการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญ เมื่อออกซาเลตจับกับแร่ธาตุ เช่นแคลเซียม เหล็ก หรือแมกนีเซียม ร่างกายจะดูดซึมได้น้อยลง ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในระยะยาว หากกินผลไม้ที่มีออกซาเลตสูงต่อเนื่อง
  • ระคายเคืองในช่องปาก และลำคอ ผลไม้บางชนิด ที่มีกรดออกซาลิกมาก เช่นกีวีหรือสับปะรด อาจทำให้รู้สึกแสบลิ้น คอ หรือริมฝีปากได้ เพราะกรดชนิดนี้ ทำให้เยื่อบุในช่องปากระคายเคือง
  • เสี่ยงต่อภาวะออกซาเลตเกิน หากร่างกายขับออกซาเลตได้ไม่ดี หรือรับเข้ามามากเกินไป จะทำให้ระดับออกซาเลตในเลือดสูง ส่งผลให้ไตต้องทำงานหนัก และอาจกระตุ้นให้เกิดนิ่ว หรือไตอักเสบได้

ข้อดีของกรดออกซาลิกในผลไม้

  • มีส่วนช่วยในระบบต้านอนุมูลอิสระ กรดออกซาลิกในผลไม้หลายชนิด มักทำงานร่วมกับสารโพลีฟีนอล และวิตามินซี ช่วยลดการเกิด oxidation ในเซลล์ จึงมีส่วนช่วยลดความเสียหาย จากอนุมูลอิสระในร่างกาย ได้ในระดับหนึ่ง
  • ช่วยควบคุมสมดุลแร่ธาตุบางชนิด ปริมาณออกซาเลตเล็กน้อย อาจช่วยควบคุม ไม่ให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุอย่างแคลเซียม หรือเหล็กมากเกินไป โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับแร่ธาตุเหล่านี้สูง จากอาหารเสริม หรือเนื้อสัตว์
  • เป็นสารธรรมชาติในพืช ช่วยป้องกันการเน่าเสีย สำหรับพืชเอง กรดออกซาลิกช่วยควบคุมระดับแคลเซียมในเซลล์พืช และยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา ทำให้ผลไม้คงความสด และป้องกันการเกิดโรคพืชบางชนิดได้ตามธรรมชาติ
  • กระตุ้นการหลั่งน้ำลาย และน้ำย่อย ผลไม้ที่มีกรดออกซาลิก มักมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลาย และน้ำย่อย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อกิน ในปริมาณเหมาะสม
  • เป็นตัวชี้วัดสุขภาพของพืช และความสุกของผลไม้ ในทางพฤกษศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของปริมาณกรดออกซาลิกในผลไม้ บ่งบอกระดับความสุก หรือการเจริญของผล ทำให้เป็นตัวบ่งชี้สำคัญ ในการเก็บเกี่ยว และวิจัยทางเกษตร

สรุปแล้ว ผลไม้อะไรที่มีกรดออกซาลิกสูง

ผลไม้ที่มีกรดออกซาลิกสูง เช่นสตรอว์เบอร์รี กีวี องุ่น สับปะรด และส้มโอ หากรับประทานมากเกินไป อาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุ หรือเพิ่มความเสี่ยง ในการเกิดนิ่วในไตได้ อย่างไรก็ตาม ในปริมาณที่เหมาะสม กรดออกซาลิก ยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร เสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ

ออกซาลิกปริมาณเท่าไหร่เป็นอันตราย?

โดยทั่วไป ร่างกายสามารถรับกรดออกซาลิกได้ ในปริมาณเล็กน้อย จากอาหารโดยไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าได้รับมากกว่า 10–15 กรัมในครั้งเดียว ถือว่าเป็นระดับที่เป็นพิษรุนแรง และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ส่วนการได้รับในระดับต่ำกว่านั้นแต่ต่อเนื่อง มากกว่า 200–300 มิลลิกรัมต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดนิ่วในไต

ใครที่ควรระวังออกซาลิกเป็นพิเศษ?

ผู้ที่ควรระวังคือ ผู้ป่วยโรคไต หรือมีประวัตินิ่วในไต ชนิดแคลเซียมออกซาเลต เพราะร่างกายจะขับสารนี้ได้ยาก และเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วซ้ำ รวมถึงผู้ที่มีภาวะดูดซึมแคลเซียม หรือแมกนีเซียมผิดปกติ ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย หรือทานอาหารเสริมบางชนิดมากเกินไป นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ เบาหวาน หรือภาวะลำไส้รั่ว ก็ควรระมัดระวัง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง