
รู้ไหมว่า ผลไม้อะไรที่มี Amygdalin สูง
- Fiona
- 17 views

ผลไม้อะไรที่มี Amygdalin สูง เป็นคำถามที่อาจทำให้หลายคนสงสัย เพราะในชีวิตประจำวัน เรามักมองผลไม้ในด้านที่มีประโยชน์ มีวิตามิน มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี แต่จริงๆแล้วผลไม้บางชนิด ยังมีสารธรรมชาติที่อันตราย หนึ่งในนั้นคือสารอะมิกดาลิน การทำความเข้าใจเรื่องนี้ จะทำให้เรากินผลไม้ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
- อะมิกดาลินคืออะไร?
- ผลไม้อะไรที่มีอะมิกดาลินสูง?
- ปัจจัยที่ทำให้ผลไม้มีอะมิกดาลินสูง
สารพิษ อะมิกดาลิน คืออะไร?
Amygdalin เป็นสารธรรมชาติในกลุ่ม cyanogenic glycosides กลุ่มสารป้องกันตนเองตามธรรมชาติของพืช ที่เมื่อเมล็ดแตก ถูกบด เคี้ยว หรือย่อยด้วยเอนไซม์ สามารถปล่อยไซยาไนด์ออกมา ปริมาณที่ปล่อยออกมาขึ้นกับหลายปัจจัย เช่นความละเอียดของการบด อุณหภูมิ ความเป็นกรดด่าง เอนไซม์ของพืชเอง
อะมิกดาลินพบได้มากในเมล็ดของพืชอย่างแอปริคอต พีช ส่วนสาร Laetrile เป็นรูปแบบกึ่งสังเคราะห์ ที่ถูกดัดแปลงมาจากอะมิกดาลิน ถูกโฆษณาว่าเป็น ยาต้านมะเร็ง โดยเชื่อว่าไซยาไนด์ที่ปล่อยออกมา คือส่วนที่ออกฤทธิ์ต่อต้านเซลล์มะเร็ง (31 สิงหาคม 2023) [1]
การค้นพบอะมิกดาลินครั้งแรก
อะมิกดาลินถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1830 โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส Pierre-Jean Robiquet และ Antoine Boutron-Charlard จากเมล็ดอัลมอนด์ขม ต่อมาในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ชื่อ Justus von Liebig และ Friedrich Wöhler ได้ทำการศึกษา พบว่าอะมิกดาลิน สามารถแตกตัวเป็นน้ำตาล benzaldehyde
และไฮโดรเจนไซยาไนด์ เมื่ออยู่ภายใต้กรดหรือเอนไซม์ ซึ่งเป็นการเปิดเผยความเชื่อมโยง ระหว่างสารธรรมชาตินี้ กับความเป็นพิษของไซยาไนด์ หลังจากนั้นในปี 1845 มีความพยายามนำอะมิกดาลิน มาใช้รักษามะเร็งในรัสเซีย และต่อมาก็เข้าสู่สหรัฐอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1920 แม้จะได้รับความนิยมอยู่บ้าง
แต่ในที่สุดก็ถูกมองว่าไม่ปลอดภัยเพราะก่อให้เกิดพิษไซยาไนด์ ต่อมาในทศวรรษ 1950 มีการพัฒนาอนุพันธ์สังเคราะห์ที่เรียกว่าลาเอทริล และถูกโปรโมตในชื่อ วิตามิน B17 ว่าเป็นทางเลือกในการรักษามะเร็ง แต่การทดลองทางการแพทย์ ไม่พบหลักฐานสนับสนุนด้านประสิทธิผล จึงไม่เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ (28 กันยายน 2025) [2]
อะมิกดาลินมีข้อดีอะไรไหม?
อะมิกดาลินเป็นสารที่มักถูกพูดถึงในแง่โทษ แต่จริงๆแล้วก็มีบางด้าน ที่ถูกศึกษา และถูกหยิบมาใช้บ้าง แม้จะยังมีข้อถกเถียงอยู่มาก ดังนี้
- บทบาทดั้งเดิมในพืช อะมิกดาลินเป็นสารป้องกันตนเอง ตามธรรมชาติของพืช ช่วยให้เมล็ด รอดจากแมลง และสัตว์ที่มากิน ถือเป็นกลไกการปกป้องพันธุ์พืช
- ใช้ในแพทย์แผนจีน แก่นเมล็ดแอปริคอตขม ถูกใช้มานานในตำรับสมุนไพรจีน เช่นแก้ไอ ช่วยระบาย การย่อยอาหาร แต่ต้องผ่านกระบวนการ ที่ควบคุมปริมาณอย่างระมัดระวัง
- การศึกษาเชิงห้องทดลอง บางงานวิจัยในระดับเซลล์ หรือสัตว์ทดลอง เคยรายงานว่าอะมิกดาลิน หรืออนุพันธ์อย่างลาเอทริล อาจมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดอาการปวด หรือชะลอการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็งบางชนิด แต่ผลเหล่านี้ ยังไม่ชัดเจน และไม่สามารถยืนยันในมนุษย์ได้
- อุตสาหกรรมอาหาร และน้ำหอม น้ำมันหอมจากอัลมอนด์ขม ที่ผ่านการกำจัดพิษแล้ว ถูกนำมาใช้ปรุงแต่งรส และกลิ่น เช่นในเบเกอรี่ หรือเครื่องดื่มบางชนิด
ผลไม้อะไร ที่มีอะมิกดาลินสูง?
ผลไม้ที่มีอะมิกดาลินสูง มักไม่ได้อยู่ที่เนื้อผลไม้ที่เรากิน แต่จะมักอยู่ในเมล็ดบางชนิด ดังนี้
- Bitter almond หรืออัลมอนด์ขม มีอะมิกดาลินสูงมากที่สุดในธรรมชาติ เมล็ดชนิดนี้ ต่างจากอัลมอนด์หวาน ที่เรากินทั่วไป และอาจก่อพิษหากกินดิบ
- เมล็ดแอปริคอต มีอะมิกดาลินสูงมาก โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีรสขม มักถูกใช้ทำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด
- เมล็ดพีช และเนคทารีน มีปริมาณสูงเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเมล็ดยังดิบ และไม่ได้ผ่านการแปรรูป
- เมล็ดพลัม และเมล็ดเชอร์รี พบอะมิกดาลินในระดับสูง เมล็ดแข็งด้านในถ้าแตกออก จะมีแก่นเมล็ด ที่มีสารมิกดาลินมาก
- เมล็ดปี่แป่ มีในระดับปานกลางถึงสูง พบได้ในผลไม้ที่นิยมกินในเอเชีย แต่เมล็ดไม่ควรนำมาบริโภค
- เมล็ดแอปเปิล และแพร์ มีอะมิกดาลินในระดับต่ำ แต่หากเคี้ยวจำนวนมาก หรือบดรวมกัน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยง
งานวิจัย ปริมาณอะมิกดาลินในลูกพีช

งานวิจัยศึกษาปริมาณอะมิกดาลินในลูกพีชสายพันธุ์ Stone Peach, Hikawa Hakuho และ Baekhyang โดยเก็บตัวอย่างในช่วงการเจริญเติบโต 3 ระยะ ได้แก่ระยะเปลือกแข็ง ระยะผลขยายตัว และระยะสุก แล้ววิเคราะห์ด้วยวิธี HPLC พบว่าในทุกช่วงการพัฒนา ปริมาณอะมิกดาลินในเมล็ดสูงกว่าทั้งเปลือกแข็ง และเนื้อผลอย่างชัดเจน
โดยสายพันธุ์ Stone Peach มีระดับสูงสุด เมื่อเทียบกับอีกสองสายพันธุ์ นอกจากนี้แนวโน้มโดยรวม คือปริมาณอะมิกดาลินเพิ่มขึ้น จนถึงระยะผลขยายตัว และจากนั้น จะคงที่หรือลดลงในระยะสุก โดยเฉพาะในเนื้อผล ที่เมื่อสุกแล้ว มักมีปริมาณต่ำมาก หรือไม่พบเลย
สรุปได้ว่าอะมิกดาลินกระจายอยู่ในทุกส่วนของลูกพีช แต่เข้มข้นที่สุดในเมล็ด โดยการสุกของผลไม้ เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ปริมาณสารนี้ลดลง ผลลัพธ์ชี้ว่า การเก็บเกี่ยว และการนำลูกพีชอ่อนไปใช้ หรือช่วงขยายผลอาจ มีปริมาณอะมิกดาลิน สูงกว่าช่วงที่ผลสุกเต็มที่ (30 กันยายน 2017) [3]
อะไรคือปัจจัย ที่ทำให้อะมิกดาลินสูง?
- พันธุ์พืช สายพันธุ์ที่มีรสขม เช่นอัลมอนด์ขม หรือแอปริคอตขม มักมีอะมิกดาลิน สูงกว่าสายพันธุ์หวาน
- ส่วนของผล เมล็ดและแก่นเมล็ด มีความเข้มข้นสูงที่สุด ในขณะที่เนื้อผลไม้ มีระดับต่ำ หรือแทบไม่มีเลย
- ระยะการเจริญเติบโต ช่วงผลยังอ่อน หรือกำลังขยายขนาด เมล็ดมักมีอะมิกดาลินมากกว่า เมื่อผลสุกเต็มที่ ซึ่งระดับจะลดลง
- การแปรรูป หรือผ่านความร้อน ความร้อนหรือการหมักบางวิธี อาจช่วยลดปริมาณได้บ้าง แต่ไม่หมดไปทั้งหมด
- สิ่งแวดล้อม และการปลูก ดิน น้ำ อุณหภูมิ และสภาพภูมิอากาศ อาจส่งผลต่อปริมาณสารที่พืชสร้างขึ้น
สรุปแล้ว ผลไม้อะไรที่มีอะมิกดาลินสูง
อะมิกดาลินเป็นสารธรรมชาติ ที่พบมากในเมล็ด หรือแก่นเมล็ดของผลไม้ เช่นอัลมอนด์ขม แอปริคอต พีช พลัม และเชอร์รี รวมถึงเมล็ดของแอปเปิล แพร์ และปี่แป่ แม้จะมีการศึกษา และการนำไปใช้ในเชิงสมุนไพร หรืออุตสาหกรรม แต่สารนี้สามารถสลายตัวปล่อยไซยาไนด์ ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายได้
อะมิกดาลินเท่าไหร่ถึงเป็นอันตราย?
อะมิกดาลินไม่ใช่ตัวอันตรายโดยตรง แต่เมื่อถูกย่อย จะปล่อยไซยาไนด์ออกมา ซึ่งเป็นสารพิษต่อร่างกาย โดยทั่วไปการได้รับไซยาไนด์เพียง 0.5–3.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ก็อาจทำให้เกิดพิษรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ สำหรับผู้ใหญ่ การกินเมล็ดแอปริคอต หรือเมล็ดอัลมอนด์ขมไม่กี่เมล็ด ก็สามารถเกิดอันตรายได้
กินผลไม้ยังไงให้ปลอดภัย?
การกินผลไม้ให้ปลอดภัย จากอะมิกดาลิน ทำได้ง่ายๆคือ กินเฉพาะเนื้อผลไม้ที่สุกตามปกติ และเอาเมล็ดออกเสมอ ไม่ควรเคี้ยว บด หรือปั่นเมล็ด รวมไปกับน้ำผลไม้ เพราะการทำให้เมล็ดแตก จะเพิ่มโอกาสปล่อยสารไซยาไนด์ ส่วนเมล็ดเล็กๆ อย่างแอปเปิล หรือแพร์ หากเผลอกลืนทั้งเมล็ด โดยไม่เคี้ยว ก็ไม่เป็นอันตราย
- Tags: สุขภาพ


