บำรุงกระดูก และข้อ อย่างไรให้แข็งแรงทุกช่วงวัย

บำรุงกระดูก และข้อ

บำรุงกระดูก และข้อ เป็นสิ่งสำคัญ ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กที่กำลังเติบโต วัยทำงานที่ต้องการความทนทาน หรือผู้สูงอายุ ที่ต้องการลดความเสี่ยงต่อโรคข้อเสื่อม และกระดูกพรุน

การดูแลกระดูกและข้ออย่างเหมาะสม ช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้คล่องตัว และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ การเลือกวิธีบำรุงที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการเสริมสร้างความแข็งแรง ของระบบกระดูกและข้อ ในระยะยาว

โครงสร้างทั่วไปของกระดูกและข้อ

บำรุงกระดูก และข้อ

กระดูกเป็นโครงสร้างสำคัญ ของร่างกาย ทำหน้าที่รองรับน้ำหนัก และปกป้องอวัยวะสำคัญต่างๆ ขณะที่ข้อทำหน้าที่เชื่อมต่อกระดูกเข้าด้วยกัน และช่วยให้การเคลื่อนไหว เป็นไปอย่างราบรื่น

โครงสร้างของกระดูก ประกอบด้วยเซลล์กระดูก คอลลาเจน และแร่ธาตุ เช่นแคลเซียม และฟอสฟอรัส ส่วนข้อประกอบด้วยกระดูกอ่อน น้ำไขข้อ และเอ็นรอบข้อ

ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพกระดูกและข้อ

  • การขาดสารอาหาร: การบริโภคแคลเซียม วิตามินดี และโปรตีนไม่เพียงพอ
  • การใช้งานมากเกินไป: การออกกำลังกาย หรือทำงานที่ใช้แรงมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อข้ออักเสบ
  • อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกและข้อ จะเสื่อมลงตามธรรมชาติ
  • โรคประจำตัว: โรคข้ออักเสบ Rheumatoid หรือโรคกระดูกพรุน ส่งผลต่อสุขภาพข้อ และกระดูก
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการนั่งนานๆ

วิธี บำรุงกระดูกและข้อ ให้แข็งแรงทำอย่างไร

เพื่อให้กระดูกแข็งแรง สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำ ได้ดังนี้

  • บริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูง ดื่มนม ถั่วเหลือง ผักใบเขียว และผลิตภัณฑ์จากนม
  • รับวิตามินดีเพียงพอ รับแสงแดดยามเช้า หรือเสริมด้วยอาหาร ที่มีวิตามินดี เช่นปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน
  • ออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกระดูก เช่นเดิน วิ่ง หรือยกน้ำหนัก
  • หลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนมากเกินไป เพื่อป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก
  • ตรวจสุขภาพกระดูกเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีความเสี่ยง ต่อโรคกระดูกพรุน

ที่มา: เคล็ด(ไม่)ลับ ดูแลกระดูกให้แข็งแรง [1]

 

แนะนำ 6 อาหารเสริม บำรุงกระดูกและข้อ

  1. โบรอน (Boron) ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม และแมกนีเซียม เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก แหล่งอาหารธรรมชาติ ผลไม้เช่น องุ่น แอปเปิล และถั่ว
  2. คอลลาเจนไทพ์ทู (Collagen Type II) บำรุงกระดูกอ่อนและข้อ ลดการอักเสบ และอาการปวดข้อ ควรเลือกชนิดที่ผ่านการย่อยสลาย เพื่อการดูดซึมที่ดี
  3. กลูโคซามีน (Glucosamine) ฟื้นฟูกระดูกอ่อน ที่เสื่อมสภาพ ลดการอักเสบของข้อ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคข้อเสื่อม
  4. คอนดรอยติน (Chondroitin) เพิ่มความชุ่มชื้นในกระดูกอ่อน ลดแรงเสียดทานในข้อ การทำงานร่วมกับกลูโคซามีน ช่วยเสริมประสิทธิภาพ ในการฟื้นฟูข้อ
  5. วิตามินดี (Vitamin D) ช่วยดูดซึมแคลเซียม เข้าสู่กระดูก ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน แหล่งธรรมชาติเช่นแสงแดด ปลาแซลมอน น้ำมันตับปลา
  6. แคลเซียม (Calcium) เสริมสร้างความแข็งแรง ของกระดูกและฟัน รับประทานคู่กับวิตามินดี เพื่อเพิ่มการดูดซึม

คนแก่ปวดกระดูกเกิดจากอะไร

  • อาการปวดกระดูก ในผู้สูงอายุ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
  • กระดูกพรุน เกิดจากการสูญเสียมวลกระดูก ทำให้กระดูกบาง และเปราะบางมากขึ้น
  • ข้อเสื่อม โรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เกิดจากการเสื่อมสภาพ ของกระดูกอ่อนที่ข้อ
  • การขาดแคลเซียม หรือวิตามินดี ส่งผลให้กระดูกอ่อนแอ และเพิ่มความเสี่ยง ต่อการแตกหัก
  • โรคข้ออักเสบเช่น Rheumatoid หรือข้ออักเสบจากเก๊าท์
  • การบาดเจ็บ หรือแรงกระแทก แม้จะเป็นแรงเล็กน้อย ก็อาจทำให้กระดูกแตกหัก ในผู้สูงอายุ
  • โรคมะเร็งกระดูก หรือการแพร่กระจาย ของมะเร็ง พบในบางกรณี ที่มะเร็งลุกลามไปยังกระดูก
  • การใช้กระดูกมากเกินไป เช่นการยืน หรือเดินเป็นเวลานาน

ที่มา: ปวดเมื่อยเมื่อสูงอายุ [2]

 

ภาวะกระดูกเสื่อม มีวิธีรักษาอย่างไร

การรักษากระดูกเสื่อม สามารถทำได้หลายวิธี โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และสุขภาพของผู้ป่วย ดังนี้

  • การปรับพฤติกรรม ลดน้ำหนัก เพื่อลดแรงกดที่กระดูกและข้อ หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เจ็บ เช่นการนั่ง หรือยืนเป็นเวลานาน ออกกำลังกายเบาๆ เช่นว่ายน้ำ โยคะ หรือเดิน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ และกระดูก
  • การใช้ยา ยาแก้ปวด หรือยาต้านการอักเสบ เช่นพาราเซตามอล หรือยากลุ่ม NSAIDs ยาเสริมกระดูก เช่นแคลเซียม และวิตามินดี
  • การทำกายภาพบำบัด ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อ ใช้อุปกรณ์ช่วย เช่นอุปกรณ์พยุงหลังหรือข้อ
  • การรักษาด้วยการฉีดยา การฉีดสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบ ในกรณีที่อาการรุนแรง การฉีดน้ำหล่อลื่นข้อ เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานในข้อ
  • การผ่าตัด (ในกรณีรุนแรง) เช่นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อ หรือการเชื่อมกระดูก เพื่อแก้ไขอาการเจ็บปวด และฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
  • การดูแลเสริม รับประทานอาหาร ที่มีแคลเซียมสูง เช่นนม ผักใบเขียว
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์

หากมีอาการปวดเรื้อรัง หรือการเคลื่อนไหวจำกัด ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสม [3]

สรุป บำรุงกระดูก และข้อ โดยดูแลสุขภาพ เสริมอาหาร

บำรุงกระดูกและข้อเป็นกระบวนการที่ต้องใส่ใจทั้งการทานอาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อสุขภาพกระดูกที่ดี จะช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงต่อโรคในระยะยาว เริ่มต้นดูแลตั้งแต่วันนี้ เพื่อกระดูกและข้อที่แข็งแรงในทุกช่วงวัย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง