
น้ำมัน เมล็ดฟักทอง เป็นหนึ่งในน้ำมันสกัดจากพืช ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณประโยชน์ที่หลากหลายทั้งด้านสุขภาพ ความงาม และโภชนาการ ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับน้ำมันเมล็ดฟักทอง ตั้งแต่สารอาหารที่สำคัญ ประโยชน์ต่อสุขภาพ ไปจนถึงการใช้เป็นอาหารเสริม เพื่อบำรุงผมและเล็บ
น้ำมันเมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของสารอาหาร ที่มีประโยชน์มากมาย ดังนี้
ที่มา: What are the Health Benefits of Pumpkin Seed Oil [1]
น้ำมันเมล็ดฟักทองมีการผลิตในรูปแบบอาหารเสริม เพื่อให้บริโภคได้ง่ายขึ้น โดยมักมาใน 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ แคปซูล (Softgel Capsules) และ น้ำมันสกัดเย็น (Cold-Pressed Oil) ซึ่งแต่ละรูปแบบ มีข้อดีและวิธีการบริโภคที่แตกต่างกัน
จากงานวิจัยที่ศึกษาผลของน้ำมันเมล็ดฟักทอง ต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมในผู้ชาย ที่มีภาวะผมร่วงจากพันธุกรรม โดยถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกได้รับน้ำมันเมล็ดฟักทองในปริมาณ 400 มิลลิกรัมต่อวันวัน เป็นเวลา 24 สัปดาห์ ส่วนอีกกลุ่มได้รับยาหลอก ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มแรกมีจำนวนเส้นผมเพิ่มขึ้น 40%
นอกจากนี้ กลุ่มแรกมีความหนาแน่นของเส้นผมที่ดีขึ้น และอาการผมร่วงลดลง โดยไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรงเกิดขึ้น กลไกของน้ำมันเมล็ดฟักทอง อาจเกี่ยวข้องกับการยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha reductase ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเป็น DHT ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดผมร่วงจากพันธุกรรม
โดยผลจากงานวิจัย น้ำมันเมล็ดฟักทองช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะผมร่วงจากพันธุกรรม การรับประทานในรูปแบบอาหารเสริมปริมาณ 400 มิลลิกรัมต่อวันอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาอย่างน้อย 24 สัปดาห์ ช่วยให้เส้นผมหนาขึ้น และลดการหลุดร่วงได้
โดยรวมแล้ว น้ำมันเมล็ดฟักทองถือว่ามีความปลอดภัยสูง แต่ยังคงมีข้อควรระวังที่ควรรู้
ที่มา: Is Pumpkin Seed Oil Good for Your Hair? [2]
น้ำมันเมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของสารอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ส่งเสริมสุขภาพสมอง ไปจนถึงช่วยบำรุงเส้นผม และเล็บให้แข็งแรง การเลือกใช้น้ำมันเมล็ดฟักทองในรูปแบบที่เหมาะสม จะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากน้ำมันเมล็ดฟักทอง
ที่มา: เมล็ดฟักทอง ประโยชน์ ข้อควรระวัง [3]