ชวนหาคำตอบ ธัญพืชอะไรที่มี Phytosterols สูง

ธัญพืชอะไรที่มี Phytosterols สูง

ธัญพืชอะไรที่มี Phytosterols สูง หลายคนคุ้นกับคำว่า คอเลสเตอรอลจากอาหาร แต่อาจยังไม่คุ้นกับไฟโตสเตอรอล ทั้งที่จริงแล้วสารนี้ พบในอาหารจากพืชทุกชนิด โดยเฉพาะส่วนรำ และจมูกเมล็ดของธัญพืช บทความนี้จะชวนมาทำความเข้าใจ ตั้งแต่ไฟโตสเตอรอลคืออะไร ประโยชน์ พบในธัญพืชชนิดไหน

  • Phytosterols คืออะไร?
  • ประโยชน์ของไฟโตสเตอรอล
  • ธัญพืชอะไรที่มี Phytosterols สูง

สาร Phytosterols คืออะไร?

ไฟโตสเตอรอลคือสารสเตอรอลที่ได้จากพืช มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับคอเลสเตอรอล ที่พบในสัตว์ แต่แตกต่างกัน ที่มาจากพืชแทน ไฟโตสเตอรอลที่พบบ่อย ได้แก่ β-sitosterol, campesterol และ stigmasterol คุณสมบัติสำคัญ คือสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด โดยเฉพาะ LDL

กลไกคือไฟโตสเตอรอล ไปจับกับคอเลสเตอรอลในลำไส้ ทำให้ร่างกายดูดซึมคอเลสเตอรอลได้น้อยลง และขับออกทางอุจจาระ หน่วยงาน EFSA ของยุโรปยืนยันว่า การบริโภคไฟโตสเตอรอลวันละ 1.5–3 กรัม สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ราว 8–15%

แหล่งอาหารที่อุดมด้วยไฟโตสเตอรอล ได้แก่น้ำมันพืช ถั่วเปลือกแข็ง พืชตระกูลถั่ว รวมถึงผัก ผลไม้ และเมล็ดพืชบางชนิด ปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์เสริม ที่เติมไฟโตสเตอรอลเพิ่มเข้าไป ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ได้รับไฟโตสเตอรอล จากแหล่งอาหารธรรมชาติ ควบคู่กับการกินที่หลากหลาย (19 กรกฎาคม 2022) [1]

ประวัติ การค้นพบไฟโตสเตอรอล

การค้นพบว่าไฟโตสเตอรอล มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในมนุษย์ เกิดขึ้นในปี 1953 จากงานวิจัย ที่แสดงว่าสารนี้ สามารถยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลได้ ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 บริษัท Eli Lilly ได้ออกผลิตภัณฑ์ชื่อ Cytellin ซึ่งนับเป็นยาตัวแรก ที่ใช้ไฟโตสเตอรอล เป็นตัวยาหลัก

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับไฟโตสเตอรอลนั้น มีรากฐานมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จากผลงานของ Adolf Windaus นักเคมีชาวเยอรมัน ผู้ศึกษาสเตอรอล ทั้งจากสัตว์และพืช รวมถึงความเกี่ยวข้องกับวิตามิน เขาเป็นคนแรก ที่ตระหนักว่า พืชมีสารสเตอรอลอย่าง sitosterol และสารอื่นๆ

งานวิจัยเหล่านี้วางรากฐานสำคัญ ในการอธิบายโครงสร้าง และธรรมชาติของไฟโตสเตอรอล และทำให้ Windaus ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 1928 จากการศึกษาด้านสเตอรอลและวิตามิน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ไฟโตสเตอรอล ก้าวเข้าสู่วงการวิทยาศาสตร์ และการแพทย์ในเวลาต่อมา (31 สิงหาคม 2025) [2]

ประโยชน์ของไฟโตสเตอรอลคืออะไร?

  • ต้านอักเสบ ไฟโตสเตอรอลมีคุณสมบัติ ช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย ทำให้มีส่วนช่วยลดความเสี่ยง ของโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอักเสบเรื้อรัง เช่นโรคหัวใจ และโรคเบาหวาน ซึ่งมักมีสาเหตุส่วนหนึ่ง จากกระบวนการอักเสบในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อ
  • ต่อต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตสเตอรอลสามารถช่วยกำจัดอนุมูลอิสระหรือ reactive oxygen species ที่เป็นสาเหตุของความเสียหายต่อเซลล์ พร้อมทั้งช่วยปรับสมดุล ระบบการส่งสัญญาณภายในเซลล์ ส่งผลให้เซลล์ทำงานได้เป็นปกติ และลดความเสี่ยง ของความเสื่อมต่างๆ
  • ต้านเบาหวาน มีหลักฐานการทดลองที่บ่งชี้ว่าไฟโตสเตอรอล อาจช่วยเพิ่มความไวของร่างกาย ต่ออินซูลิน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยผลการศึกษาที่ชัดเจน พบในสัตว์ทดลอง ทำให้มีการคาดการณ์ว่า มีศักยภาพต่อการป้องกัน และบรรเทาภาวะดื้อต่ออินซูลิน ในมนุษย์ได้เช่นกัน
  • ต้านมะเร็ง จากการศึกษาทางห้องปฏิบัติการ และงานวิจัยในสัตว์ พบว่าไฟโตสเตอรอล มีศักยภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโต และการกระจายของเซลล์มะเร็ง จึงเป็นที่สนใจ ในการศึกษาเชิงป้องกันมะเร็ง
  • ต้านการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือด ไฟโตสเตอรอลยังช่วยลดการสะสมของไขมัน บริเวณผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญ ของการเกิดภาวะหลอดเลือดตีบ หรืออุดตัน ทำให้มีบทบาทสำคัญ ต่อการลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ และหลอดเลือดโดยตรง

ที่มา: Phytosterols From Preclinical Evidence (14 มกราคม 2021) [3]

ธัญพืชอะไรที่มีไฟโตสเตอรอลสูง?

ธัญพืชอะไรที่มี Phytosterols สูง
  • รำข้าวสาลีมีไฟโตสเตอรอล 160–200 มก. รำข้าวสาลีคือส่วนเปลือกนอก ของเมล็ดข้าวสาลี อุดมด้วยไฟโตสเตอรอลสูงที่สุด ในกลุ่มธัญพืช มีทั้งไฟเบอร์ วิตามินบี และแร่ธาตุ การกินรำข้าวสาลี หรือผลิตภัณฑ์โฮลเกรน ช่วยลดคอเลสเตอรอล และควบคุมการขับถ่ายได้ดี
  • ข้าวโอ๊ตมีไฟโตสเตอรอล 120–150 มก. ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด ที่มีไฟโตสเตอรอลในระดับสูง และยังมี Beta-glucan ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นิยมทานเป็นโอ๊ตมีล หรือใส่ในกราโนลา
  • ข้าวบาร์เลย์มีไฟโตสเตอรอล 110–130 มก. บาร์เลย์มีไฟโตสเตอรอลค่อนข้างสูง และยังมี Beta-glucan เช่นเดียวกับข้าวโอ๊ต การบริโภคบาร์เลย์ทั้งเมล็ด หรือนำมาทำเป็นน้ำบาร์เลย์ ช่วยเสริมไฟเบอร์ และลดคอเลสเตอรอลได้
  • ข้าวไรย์มีไฟโตสเตอรอล 90–120 มิลลิกรัม ไรย์เป็นธัญพืชที่มักใช้ทำขนมปังโฮลเกรน มีไฟโตสเตอรอลอยู่ไม่น้อย และยังมีใยอาหาร ที่ช่วยให้อิ่มท้องนาน ลดความผันผวนของน้ำตาลในเลือด เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ดีต่อสุขภาพหัวใจ
  • ควินัวมีไฟโตสเตอรอล 70–90 มิลลิกรัม ควินัวจัดเป็น pseudo-grain แต่ได้รับความนิยม เพราะไม่มีกลูเตนและมีโปรตีนสูง นอกจากมีไฟโตสเตอรอลแล้ว ยังมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน เหมาะกับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน
  • ข้าวฟ่างมีไฟโตสเตอรอล 60–80 mg. ข้าวฟ่างเป็นธัญพืช ที่ปลูกกันมานาน ในเอเชียและแอฟริกา ให้พลังงานสูง มีไฟโตสเตอรอลระดับปานกลาง มีแมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และไฟเบอร์ นิยมใช้ทำข้าวต้ม ขนม หรือผสมแป้งอบ
  • Teff มีไฟโตสเตอรอล 60–70 mg. Teff เป็นธัญพืชพื้นเมืองของเอธิโอเปีย มีคุณค่าทางอาหารสูงมี แคลเซียม ธาตุเหล็ก นิยมใช้ทำแผ่นขนมปัง Injera ที่เป็นอาหารหลักในแอฟริกา
  • ข้าวกล้องมีไฟโตสเตอรอล 50–70 mg. ข้าวกล้องคือข้าว ที่ไม่ถูกขัดสี ทำให้ยังคงมีรำ และจมูกข้าวอยู่ จึงมีไฟโตสเตอรอล และไฟเบอร์สูงกว่าข้าวขาวมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำหนัก

ปริมาณไฟโตสเตอรอลที่แนะนำต่อวัน

ปริมาณไฟโตสเตอรอลที่แนะนำต่อวัน เพื่อช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดอยู่ที่ประมาณ 1.5–3 กรัมต่อวัน หรือคิดเป็น 1500–3000 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้รับการยืนยันจากองค์กรด้านโภชนาการ ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ว่าระดับนี้สามารถช่วยลดระดับ LDL-cholesterol ได้ประมาณ 8–15%

แต่ในความเป็นจริง คนทั่วไปมักได้รับไฟโตสเตอรอล จากอาหารเพียง 200–400 มิลลิกรัมต่อวัน เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ กินธัญพืชขัดสี และไม่ได้บริโภคถั่ว หรือเมล็ดพืชมากนัก ดังนั้นหากต้องการเพิ่มปริมาณให้ใกล้เคียงกับที่แนะนำ ควรเลือกธัญพืชโฮลเกรนที่ไม่ขัดสี ในมื้ออาหารประจำวัน

ไฟโตสเตอรอลมีข้อควรระวังอะไร?

  • ไฟโตสเตอรอลถือว่าเป็นสารจากธรรมชาติที่ค่อนข้างปลอดภัย เมื่อได้รับจากอาหาร เช่นธัญพืช ถั่ว และเมล็ดพืช แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรทราบ ดังนี้
  • ภาวะหายากที่ชื่อว่า Sitosterolemia เป็นโรคพันธุกรรม ที่ทำให้ร่างกายดูดซึมไฟโตสเตอรอลมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดการสะสมในเลือด และเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แม้จะพบได้น้อยมาก แต่ผู้ที่เป็นโรคนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารเสริมไฟโตสเตอรอล
  • การลดการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน การได้รับไฟโตสเตอรอลปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง เช่นในรูปอาหารเสริมเกินวันละ 3 กรัม อาจลดการดูดซึมวิตามิน A, D, E และ K ได้เล็กน้อย จึงควรเน้นรับจากอาหารธรรมชาติ
  • เด็กและหญิงตั้งครรภ์ ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอว่า การเสริมไฟโตสเตอรอลในปริมาณสูง ปลอดภัยหรือไม่ แม้การได้รับจากอาหารธรรมชาติโดยทั่วไป จะไม่เป็นปัญหา แต่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เสริม โดยไม่ปรึกษาแพทย์

ธัญพืชอะไรที่มีไฟโตสเตอรอลสูง กล่าวโดยสรุป

ธัญพืชอะไรที่มีไฟโตสเตอรอลสูง คำตอบคือธัญพืชโฮลเกรน เช่นรำข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ ควินัว ข้าวฟ่าง Teff และข้าวกล้อง เคล็ดลับคือเลือกโฮลเกรนแท้ ก็จะสามารถได้รับไฟโตสเตอรอลจากธัญพืชธรรมชาติ ช่วยดูแลไขมันในเลือด และหัวใจ โดยไม่ต้องใช้อาหารเสริม

ไฟโตสเตอรอลกินคู่กับอะไรดี?

การรับประทานไฟโตสเตอรอล ร่วมกับไขมันดี อย่างอะโวคาโด ถั่วต่างๆ เมล็ดพืช ปลาทะเล หรือใช้น้ำมันมะกอก จะช่วยให้ไฟโตสเตอรอล รวมตัวเข้าสู่ไมเซลล์ในลำไส้ได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ นอกจากนี้ การกินคู่กับใยอาหารที่ละลายน้ำ จะช่วยดักจับคอเลสเตอรอลส่วนเกิน ลดการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย

ไฟโตสเตอรอลไม่ควรกินคู่กับอะไร?

การรับประทานอาหารที่มีไฟโตสเตอรอล ควรหลีกเลี่ยงการทานคู่กับอาหารบางประเภท เพราะอาจลดประโยชน์ที่ควรได้รับ ตัวอย่างเช่น อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว หรือไขมันทรานส์สูง อย่างของทอดกรอบ หรืออาหารที่มีไขมันสัตว์มากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารมันจัด และของหวานน้ำตาลสูง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง