ไขคำตอบ ธัญพืชอะไรที่มี phytoestrogens สูง

ธัญพืชอะไรที่มี Phytoestrogens สูง

ธัญพืชอะไรที่มี phytoestrogens สูง เป็นคำถามที่มีรายละเอียดเยอะกว่าที่คิด เพราะคำว่าธัญพืช ในชีวิตจริงของเราไม่ได้มีแค่ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต หรือข้าวกล้องเท่านั้น แต่ยังมีเมล็ดพืชอีกหลากหลายชนิด บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจ ว่าไฟโตเอสโตรเจนคืออะไร อยู่ในธัญพืชชนิดไหนมากเป็นพิเศษ

  • ไฟโตเอสโตรเจนคืออะไร?
  • ประโยชน์ของไฟโตเอสโตรเจน
  • ธัญพืชอะไรที่มี phytoestrogens สูง

สารธรรมชาติ ไฟโตเอสโตรเจนคืออะไร?

Phytoestrogens คือสารธรรมชาติที่มีอยู่ในพืช ซึ่งเป็นประเภทของสารโพลีฟีนอล หรือสารอาหารจากพืช (phytonutrient) ที่มีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย มาจากคำว่า phyto ซึ่งแปลว่าพืช และ estrogen หรือฮอร์โมนเพศหญิง ที่ร่างกายสร้าง เพื่อควบคุมสุขภาพทางเพศ และการเจริญเติบโตของสตรี 

สารไฟโตเอสโตรเจนพบได้ทั่วไป ในอาหารจากพืชหลายชนิด เช่นผลไม้ พืชตระกูลถั่ว เมล็ด ผัก และธัญพืชทั้งเมล็ด รวมถึงผลิตภัณฑ์นมบางชนิดด้วย นักโภชนาการ Michelle Dodd จาก Cleveland Clinic ระบุว่าสารนี้มีบทบาทคล้ายเอสโตรเจนในร่างกาย (14 เมษายน 2025) [1]

ประวัติ ไฟโตเอสโตรเจน การพบครั้งแรก

ไฟโตเอสโตรเจน ถูกพบครั้งแรกเมื่อ ปี 1926 เมื่อมีการทดสอบด้วย bioassay ของ Allen Doisy ซึ่งเป็นการทำให้เห็นว่าพืชบางชนิด มีสารที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน

จากนั้น ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 ถึงต้นทศวรรษ 1950 นักวิจัยสังเกตว่า ฝูงแกะที่เลี้ยงโดยกินพืชโคลเวอร์ใต้ดิน และโคลเวอร์แดง ซึ่งมีไฟโตเอสโตรเจนสูง พบปัญหาการเจริญพันธุ์อย่างชัดเจน จึงเกิดความสนใจ ในการศึกษาผลกระทบทางชีววิทยา ของสารเหล่านี้ต่อสัตว์เลี้ยง

ย้อนไปก่อนหน้านั้น มีหลักฐานว่าภายใน ศตวรรษที่ 19 ปลายยุค 1800 มีการใช้งานพืช ที่มีคุณสมบัติคล้ายเอสโตรเจน ในวงการยาแผนโบราณ โดยเฉพาะในด้านการกระตุ้นการตั้งครรภ์ หรือบรรเทาอาการวัยทอง ซึ่งสื่อถึงการที่ธรรมชาติ รู้จักใช้สารเหล่านี้มายาวนาน ก่อนที่จะมีการศึกษา ในเชิงวิทยาศาสตร์อย่างเป็น (25 สิงหาคม 2025) [2]

ประโยชน์ของไฟโตเอสโตรเจนคืออะไร?

  • บรรเทาอาการวัยทอง ปรับสมดุลฮอร์โมน การรับประทาน soy isoflavone วันละ 40 มก. สองครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบได้ถึง 42.5% ในผู้หญิงก่อนหมดประจำเดือน และ 33.1% ในผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน นอกจากนี้ยังช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ลดภาวะซึมเศร้า และปรับสมดุลชีวิตทางเพศได้
  • ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน มีรายงานว่าการดื่มนมถั่วเหลือง เป็นเวลามากกว่าหนึ่งปี สามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ราว 2.4% จึงอาจช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก และลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนได้
  • ลดความเสี่ยงมะเร็งบางชนิด การบริโภคไฟโตเอสโตรเจน จากถั่วเหลือง อาจช่วยลดความเสี่ยง มะเร็งเต้านม รังไข่ และต่อมลูกหมาก ขณะเดียวกันยังมีงานศึกษาที่ชี้ว่า ไฟโตเอสโตรเจนบางชนิด อาจช่วยเสริมประสิทธิภาพ ของการรักษามะเร็ง เช่นการทำเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัด แม้ยังต้องการหลักฐานเพิ่มเติม
  • ชะลอความเสื่อมของผิว ไฟโตเอสโตรเจนแบบใช้ทาผิว ให้ผลคล้ายครีมฮอร์โมนเอสโตรเจน แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า เหมาะสำหรับการใช้ต่อเนื่อง เพื่อลดริ้วรอย และเสื่อมสภาพของผิว
  • ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ และการเผาผลาญ พบว่าการบริโภคไฟโตเอสโตรเจน ช่วยลดคอเลสเตอรอลรวมและ LDL เพิ่ม HDL ลดความดันโลหิต โดยเฉพาะผู้ที่มีความดันสูง รวมถึงช่วยลดน้ำตาลในเลือด ขณะอดอาหาร ลดอินซูลิน และ HOMA-IR ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
  • ควบคุมน้ำหนัก และกระบวนการที่ร่างกาย ย่อย ดูดซึม เก็บสะสม และเผาผลาญไขมัน มีการศึกษาที่พบว่าไฟโตเอสโตรเจน อาจช่วยลดการสะสมไขมัน เพิ่มมวลกายไร้ไขมัน และช่วยในการลดน้ำหนัก
  • การปกป้องสมอง และระบบประสาท งานวิจัยบางส่วนชี้ว่าไฟโตเอสโตรเจน อาจช่วยลดอาการวัยทอง และอาจมีส่วนในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม เช่นอัลไซเมอร์ แม้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ถือเป็นทิศทางการศึกษาที่น่าสนใจในอนาคต

ที่มา: Phytoestrogens dietary estrogen (27 มีนาคม 2025) [3]

ธัญพืชอะไรที่มีไฟโตเอสโตรเจนสูง?

ธัญพืชอะไรที่มี Phytoestrogens สูง

ธัญพืชที่มีไฟโตเอสโตรเจนสูง ในปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้

  • เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) มีไฟโตเอสโตรเจนสูงสุด ราว 300–380 มก. มีสาร Lignans ปริมาณมาก สารประกอบจากพืชในกลุ่มโพลีฟีนอล ไฟโตเอสโตรเจนชนิดหนึ่ง ช่วยสมดุลฮอร์โมน บำรุงหัวใจ และควรบดก่อนทาน เพื่อดูดซึมได้ดี
  • ข้าวโอ๊ต (Oats) มีไฟโตเอสโตรเจน 30–50 มก. ดีต่อการควบคุมคอเลสเตอรอล และเป็นแหล่งใยอาหาร
  • ข้าวบาร์เลย์ (Barley) ประมาณ 20–40 มก. ดีต่อระบบทางเดินอาหาร และช่วยควบคุมระดับน้ำตาล
  • ข้าวไรย์ (Rye) มีไฟโตเอสโตรเจน 25–35 mg. นิยมทำขนมปังโฮลเกรน ให้ไฟเบอร์สูง
  • ข้าวฟ่าง (Millet) มีไฟโตเอสโตรเจน 10–20 mg. ย่อยง่าย ไม่มีกลูเตน เหมาะกับผู้แพ้กลูเตน
  • ควินัว (Quinoa) มีไฟโตเอสโตรเจนประมาณ 15–25 มิลลิกรัม มีโปรตีนครบถ้วน และแร่ธาตุหลายชนิด
  • รำข้าวสาลี (Wheat bran) มีไฟโตเอสโตรเจนประมาณ 20–30 มิลลิกรัม ไฟโตเอสโตรเจนอยู่มากในส่วนรำ ช่วยเรื่องการขับถ่าย

ไฟโตเอสโตรเจนมีผลข้างเคียงอะไร?

ไฟโตเอสโตรเจนอาจมีผลข้างเคียงได้ในบางคน โดยเฉพาะถ้าบริโภคในปริมาณมาก หรือเสริมในรูปแบบเข้มข้น ผลที่พบได้ คือการรบกวนสมดุลฮอร์โมน เช่นประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เจ็บเต้านม หรือมีอาการคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงเกินไป

นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคฮอร์โมนขึ้นกับเอสโตรเจน เช่นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ควรระมัดระวัง เพราะไฟโตเอสโตรเจน อาจกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนในบางกรณี

อีกด้านหนึ่ง ไฟโตเอสโตรเจน ยังอาจมีปฏิกิริยา กับยาบางชนิด เช่นยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาคุมกำเนิด ทำให้ประสิทธิภาพลดลงหรือเกิดผลข้างเคียงร่วม นอกจากนี้การรับประทานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดท้องอืด ท้องเสีย หรือปัญหาการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด

การเสริมไฟโตเอสโตรเจนจำเป็นไหม?

โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริมไฟโตเอสโตรเจน หากร่างกายได้รับจากอาหารตามธรรมชาติ เช่นธัญพืช เมล็ดแฟลกซ์ หรือผักผลไม้หลากหลายชนิด เพราะเพียงพอต่อการช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน และบำรุงสุขภาพแล้ว การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมมักแนะนำเฉพาะ เช่นวัยทอง และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ธัญพืชอะไรที่มีไฟโตเอสโตรเจนสูง กล่าวโดยสรุป

ธัญพืชที่มีไฟโตเอสโตรเจนสูงคือ เมล็ดแฟลกซ์ ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ ข้าวฟ่าง ควินัว และรำข้าวสาลี เมื่อทานหมุนเวียนหลายชนิด ในแต่ละสัปดาห์ ก็จะได้ไฟโตเอสโตรเจน จากอาหารธรรมชาติ พร้อมไฟเบอร์ และสารพฤกษเคมีอื่นๆ ที่ช่วยกันดูแลหัวใจ ฮอร์โมน ลำไส้ และสุขภาพโดยรวม

ไฟโตเอสโตรเจนควรกินคู่กับอะไร?

ไฟโตเอสโตรเจนควรกินคู่กับอาหารที่มี ไขมันดี เช่นอะโวคาโด ปลาแซลมอน น้ำมันมะกอก หรือถั่วบางชนิด เพราะช่วยให้การดูดซึมสารที่ละลายในไขมันดีขึ้น นอกจากนี้ ควรทานร่วมกับอาหารที่มี ไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลาย เช่นผักใบเขียว ผลไม้ เพื่อเสริมการทำงานของฮอร์โมน

ไฟโตเอสโตรเจนไม่ควรกินคู่กับอะไร?

ไฟโตเอสโตรเจนไม่ควรกินคู่กับเครื่องดื่ม หรืออาหารที่รบกวนการดูดซึมสารอาหาร เช่นชา กาแฟ ที่มีแทนนิน หรือแอลกอฮอล์ เพราะอาจลดการดูดซึมไฟโตเอสโตรเจน และแร่ธาตุสำคัญ อีกทั้งผู้ที่ใช้ ยาฮอร์โมนทดแทน ยาคุมกำเนิด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด ก็ควรหลีกเลี่ยงการทานไฟโตเอสโตรเจนปริมาณสูง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง