
ธัญพืชอะไรที่มี Oryzanol สูง เป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะเวลาเราพูดถึงสารอาหารจากธัญพืช หลายคนมักจะนึกถึงแค่พวกวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ หรือใยอาหารเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ธัญพืชยังมีสารประกอบพิเศษที่หลายคนไม่รู้ ซึ่งมีบทบาทต่อสุขภาพ หนึ่งในนั้นคือโอรีซานอล ที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
โอรีซานอลเริ่มเป็นที่รู้จัก จากการศึกษาน้ำมันรำข้าวในศตวรรษที่ 20 เดิมทีนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโอรีซานอล เป็นสารเดี่ยวที่มีคุณสมบัติทางชีวภาพเฉพาะตัว แต่ต่อมาความก้าวหน้าของเทคนิคทางเคมี ได้เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วโอรีซานอลเป็น ส่วนผสมของสารหลายชนิด
โดยประกอบด้วย ferulic acid ที่จับกับไฟโตสเตอรอล และไตรเทอร์พีนอยด์เช่น cycloartenyl ferulate และ campesteryl ferulate ซึ่งสารเหล่านี้ ร่วมกันก่อให้เกิดคุณสมบัติพิเศษ ที่พบได้เฉพาะในรำ ในช่วงทศวรรษ 1990 มีงานวิจัยสำคัญ ที่ช่วยระบุ และแยกองค์ประกอบของโอรีซานอลได้ชัดเจนขึ้น
เช่นงานของ Kaimal ในปี 1999 ที่รายงานการวิเคราะห์เชิงลึก เกี่ยวกับโอรีซานอลจากน้ำมันรำข้าว และงานของ Zhimin Xu และ J. Samuel Godber ที่เผยแพร่ในปีเดียวกัน ซึ่งสามารถแยก และระบุองค์ประกอบทางเคมี ของโอรีซานอลอย่างเป็นระบบ จุดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการวิทยาศาสตร์ (6 มิถุนายน 2024) [1]
งานวิจัยที่ศึกษาการเสริมโอรีซานอลวันละ 600 มก. ร่วมกับการฝึกออกกำลังกายแบบแรงต้าน เป็นเวลา 9 สัปดาห์ ในกลุ่มผู้ชายหนุ่มสุขภาพดี ฝึก 4 วัน/สัปดาห์ โดยใช้ความเข้มข้น 80% ของ 1‐Repetition Maximum ผลที่ได้ช่วยให้สามารถประเมินว่าโอรีซานอล มีผลให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น
ผลการทดลองพบว่า หลังจาก 9 สัปดาห์ กลุ่มที่ได้รับโอรีซานอล มีการเพิ่มขึ้นของค่าความแข็งแรง (1‐RM) ในท่า bench press และ leg curl อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในด้านร่างกาย เช่นน้ำหนักตัว เส้นรอบเอว สะโพก หรือสัดส่วนไขมันใต้ผิวหนัง และการ ควบคุมน้ำหนัก ไม่พบการเปลี่ยนแปลง
โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้ชี้ว่า แม้ว่าโอรีซานอลจะไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ในช่วงเวลาทดลอง 9 สัปดาห์ สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยฝึกแรงต้านมาก่อน แต่ก็ช่วยเพิ่มสมรรถภาพของกล้ามเนื้อได้ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการฝึกแบบแรงต้าน (มิถุนายน 2014) [2]
ที่มา: What are the side effects of Gamma Oryzanol? (13 กรกฎาคม 20240) [3]
กลุ่มที่ควรทานโอรีซานอลมากที่สุด คือผู้ที่มีปัญหาคอเลสเตอรอลสูง หรือเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และหลอดเลือด เนื่องจากโอรีซานอล มีคุณสมบัติช่วยลดระดับ LDL-cholesterol และเสริมการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดได้ดี
นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะวัยทอง หรืออาการร้อนวูบวาบ ก็อาจได้รับประโยชน์ เพราะโอรีซานอลมีผลคล้ายเอสโตรเจนบางส่วน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและลดความไม่สบายตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านวัย
อีกกลุ่มที่เหมาะสมคือคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการฝึกแบบใช้แรงต้าน (resistance training) เพราะมีงานวิจัยที่พบว่า โอรีซานอลสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงผู้ที่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นผู้ที่อยู่ในภาวะเครียด หรือเจอสภาวะแวดล้อม ที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระสูง
กลุ่มที่ไม่ควรทานโอรีซานอลโดยตรง คือหญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ ด้านความปลอดภัย จึงไม่แนะนำให้ใช้ ในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้ที่มีโรคตับ หรือโรคไตรุนแรง ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะการเผาผลาญ และการขับสารอาจทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสม หรือเกิดผลข้างเคียงได้ง่ายขึ้น อีกกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง หรือใช้ด้วยความระมัดระวัง คือผู้ที่แพ้ผลิตภัณฑ์จากรำข้าว หรือน้ำมันรำข้าว
เพราะโอรีซานอลเป็นสารที่ได้จากรำข้าวโดยตรง รวมถึงผู้ที่กำลังใช้ยาลดไขมันในเลือด เช่น statins หรือยาควบคุมระดับน้ำตาล เนื่องจากอาจเกิดการเสริมฤทธิ์ หรือรบกวนการออกฤทธิ์ของยาได้ หากจำเป็นต้องใช้ ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเท่านั้น
โอรีซานอลเป็นสารธรรมชาติ จากรำข้าวที่โดดเด่นในกลุ่มธัญพืช มีคุณสมบัติ ทั้งด้านการดูแลหัวใจ การเสริมพลังต้านอนุมูลอิสระ และการสนับสนุนสมรรถภาพของกล้ามเนื้อ เมื่อใช้ร่วมกับการฝึกแรงต้าน แหล่งที่มีโอรีซานอลมากที่สุด คือรำข้าว และข้าวกล้อง ซึ่งให้ปริมาณสูงกว่าธัญพืชชนิดอื่นอย่างเห็นได้ชัด
โอรีซานอลควรทานคู่กับ อาหารที่มีไขมันดี เช่นน้ำมันมะกอก หรือปลาทะเล เพราะโอรีซานอลเป็นสารละลายในไขมัน การมีไขมันในมื้ออาหาร จะช่วยเพิ่มการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่า นอกจากนี้ การทานร่วมกับใยอาหารพอเหมาะ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และเสริมฤทธิ์กัน
โอรีซานอลไม่ควรทานพร้อมกับอาหาร ที่มีไขมันอิ่มตัวสูง หรือไขมันทรานส์ เช่นของทอด น้ำมันปาล์ม เนื้อสัตว์ติดมัน ควรระวังการทาน ร่วมกับแอลกอฮอล์หรือ คาเฟอีนมากเกินไป ซึ่งอาจรบกวนการดูดซึม และเพิ่มภาระต่อการทำงานของตับ หลีกเลี่ยงการใช้พร้อมยาลดไขมัน หรือยาควบคุมระดับน้ำตาล