ตังกุย ช่วยอะไร ในสุขภาพผู้หญิงวัยทอง

ตังกุย ช่วยอะไร

ตังกุย ช่วยอะไร คำถามนี้อาจจะผุดขึ้นในใจของใครหลายคน ที่สนใจสมุนไพรธรรมชาติ ในการดูแลสุขภาพ แม้ว่าชื่อของตังกุย จะเป็นที่คุ้นเคยในศาสตร์แพทย์แผนจีน แต่สำหรับบางคน ตังกุยอาจยังคงเป็นเรื่องใหม่อยู่บ้าง สมุนไพรตังกุย เป็นที่สนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยทอง ที่ต้องการดูแลสุขภาพ

  • ตังกุยคืออะไร?
  • สรรพคุณ ตังกุย ช่วยอะไร
  • โทษและผลข้างเคียงของตังกุย

รากตังกุยคืออะไร?

ตังกุย ช่วยอะไร

ตังกุยหรือที่รู้จักกันในชื่อ Dong Quai (ชื่อวิทยาศาสตร์ Angelica sinensis) เป็นพืชสมุนไพร ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน และพื้นที่เย็นของเอเชีย รากของตังกุยเป็นส่วนที่นำมาใช้ทางยา นิยมใช้ทั้งในแพทย์แผนจีน แพทย์แผนญี่ปุ่น (Kampo) และการแพทย์แผนตะวันตก แบบบูรณาการ

คุณค่าทางโภชนาการของตังกุย อุดมด้วยวิตามิน B12, E และกรดโฟลิก มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด มีสารสำคัญเช่น ferulic acid และ coumarin ที่มีบทบาทสำคัญ ในการไหลเวียนเลือด

ตังกุยกับสรรพคุณดูแลสุขภาพ

  • บรรเทาอาการวัยทอง ลดอาการร้อนวูบวาบ บรรเทาอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน ลดอารมณ์แปรปรวน ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
  • บำรุงเลือด ตังกุยมีชื่อเสียง ในด้านการบำรุงเลือดในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการซีด หรือมีประจำเดือนมาน้อย แพทย์แผนจีน มักใช้ตังกุย ร่วมกับสมุนไพรอื่น เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพ หลังการมีประจำเดือน
  • บรรเทาอาการปวดประจำเดือน สารประกอบในตังกุย ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบ ของมดลูก ลดการบีบรัด ที่ทำให้ปวด
  • ปรับสมดุลฮอร์โมน แม้ว่าตังกุย จะไม่ใช่ไฟโตเอสโตรเจนโดยตรง แต่สารบางชนิดในตังกุย มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน ที่ช่วยปรับสมดุล ของระบบฮอร์โมนเพศ ในร่างกาย
  • ป้องกันภาวะกระดูกพรุน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สมดุล ช่วยลดความเสี่ยง ของภาวะกระดูกพรุน โดยเฉพาะ ในผู้หญิงวัยทอง
  • ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ตังกุยช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดความเสี่ยง ในการเกิดลิ่มเลือด
  • ต้านการอักเสบ ตังกุยมีสารต้านการอักเสบ ที่ช่วยลดความเสี่ยง ของโรคเรื้อรังบางชนิด

การใช้ตังกุยรูปแบบอาหารเสริม

ตังกุยในรูปแบบแคปซูล และเม็ด ปัจจุบันตังกุยมักถูกนำมาผลิต เป็นอาหารเสริม สำหรับผู้หญิงวัยทอง ในรูปแบบแคปซูล และเม็ด เพื่อให้รับประทานง่ายขึ้น

ตังกุยแบบชาสมุนไพร ในบางสูตร ชาสมุนไพรจีน ตังกุยมักถูกนำมารวมกับสมุนไพรอื่น เช่นเก๋ากี้ โสม และดอกคำฝอย เพื่อช่วยบำรุงเลือด และลดอาการวัยทอง

ขนาดการรับประทานตังกุย

  • แคปซูลหรือเม็ด: ขนาดที่แนะนำอยู่ที่ 500–600 มิลลิกรัม ต่อครั้ง วันละ 2–3 ครั้ง
  • ผงสมุนไพร: สามารถชงดื่มเป็นชา หรือผสมในอาหาร หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ตามความสะดวก
  • สารสกัดเหลว (Tincture): รับประทาน 1–2 มิลลิลิตร วันละ 2–3 ครั้ง โดยหยดลงในน้ำ หรือน้ำผลไม้

ข้อควรระวัง การเลือกใช้ตังกุย

  • ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ การใช้ตังกุยในระหว่างตั้งครรภ์ อาจไม่ปลอดภัย เนื่องจากอาจกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก เพิ่มความเสี่ยงของการแท้งบุตร นอกจากนี้ ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัย ของตังกุย ในหญิงให้นมบุตร จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้
  • ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย ควรหลีกเลี่ยง
  • ไม่ควรใช้เกินขนาด ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร

โทษและผลข้างเคียงของตังกุย

  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือด ตังกุยมีสารที่อาจชะลอการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออกหรือฟกช้ำ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหา เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่นวาร์ฟาริน
  • อาการแพ้ และผลข้างเคียงทั่วไป บางคนอาจมีอาการแพ้ตังกุย เช่นคันตามผิวหนัง หรือผื่นขึ้น นอกจากนี้ การใช้ตังกุย อาจทำให้เกิดอาการเรอ แก๊สในกระเพาะอาหาร และความดันโลหิตสูงได้
  • ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง การใช้ตังกุยในปริมาณสูง และเป็นระยะเวลานาน อาจไม่ปลอดภัย เนื่องจากตังกุยมีสาร ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง

ที่มา: Dong Quai – Uses, Side Effects, and More [1]

สรุปแล้ว ตังกุย ช่วยอะไร

ตังกุยเป็นสมุนไพรเก่าแก่ ที่ยังคงได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยทอง ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ตังกุยมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเลือด ปรับสมดุลฮอร์โมน ลดอาการวัยทอง และบรรเทาอาการปวดประจำเดือน อย่างไรก็ตาม การใช้ตังกุยควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

รากตังกุยเหมาะกับใคร?

  • ผู้หญิงที่มีปัญหา เกี่ยวกับรอบเดือน ตังกุยถูกใช้เพื่อบรรเทาอาการ ที่เกี่ยวข้องกับรอบเดือน เช่นประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดประจำเดือน หรือมีเลือดออกมากเกินไป สารประกอบในตังกุย อาจช่วยในการปรับสมดุล ของระบบสืบพันธุ์ และลดอาการไม่สบาย ที่เกี่ยวข้องกับรอบเดือน
  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน บางคนใช้ตังกุย เพื่อบรรเทาอาการ ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหมดประจำเดือน เช่นร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน และเหงื่อออกตอนกลางคืน อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่สนับสนุนประสิทธิภาพ ของตังกุยในด้านนี้ ยังมีจำกัด และควรใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
  • ผู้ที่ต้องการบำรุงเลือด ในแพทย์แผนจีน ตังกุยถือเป็นสมุนไพร ที่ช่วยบำรุงเลือด และมักใช้ ในผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย หรือซีด สารประกอบในตังกุย อาจช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม

ที่มา: What is dong quai, and what are its uses? [2]

รากตังกุยไม่ควรกินกับอะไร?

  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) ตังกุยมีฤทธิ์ชะลอการแข็งตัวของเลือด การใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่นวาร์ฟาริน (Warfarin), เฮพาริน (Heparin), คลอพิโดเกรล (Clopidogrel) หรือแอสไพริน (Aspirin) อาจเพิ่มความเสี่ยง ของการมีเลือดออก หรือฟกช้ำได้
  • สมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด การใช้ตังกุยร่วมกับสมุนไพร ที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่นกระเทียม (Garlic), ขิง (Ginger), แปะก๊วย (Ginkgo biloba), โสม (Ginseng), ขมิ้นชัน (Turmeric) หรือดอกคาโมมายล์ (Chamomile) อาจเพิ่มความเสี่ยง ของการมีเลือดออก
  • ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน ตังกุยมีสารที่มีฤทธิ์ คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน การใช้ร่วมกับยาฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่นยาคุมกำเนิด หรือยาฮอร์โมนทดแทน อาจเพิ่มความเสี่ยง ของผลข้างเคียงจากฮอร์โมน เช่นอาการปวดเต้านม หรือการเกิดลิ่มเลือด
  • ยาต้านการอักเสบ ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)การใช้ตังกุย ร่วมกับยาต้านการอักเสบ ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่นไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), นาโพรเซน (Naproxen) หรือไดโคลฟีแนค (Diclofenac) อาจเพิ่มความเสี่ยง ของการมีเลือดออก ในทางเดินอาหาร
  • ยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง (Photosensitizing Agents) ตังกุยอาจทำให้ผิวไวต่อแสง การใช้ร่วมกับยา หรือสมุนไพร ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่นเซนต์จอห์นเวิร์ต ( John’s Wort) หรือยาบางชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยง ของการเกิดผื่น หรือการระคายเคืองผิวหนัง เมื่อสัมผัสแสงแดด

ที่มา: Dong quai [3]

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง