ซอย ไอโซฟลาโวน ตัวช่วยวัยทองธรรมชาติ

ซอย ไอโซฟลาโวน

ซอย ไอโซฟลาโวน หลายคนอาจคุ้นเคยจากโฆษณา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่จริงๆแล้วสารนี้คืออะไร มีบทบาทอย่างไรต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทอง ที่มักได้รับคำแนะนำ ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซอยไอโซฟลาโวน บทความนี้จะพาไปรู้จักสารชนิดนี้ในทุกด้าน

  • ซอยไอโซฟลาโวน คืออะไร?
  • ประโยชน์ของซอยไอโซฟลาโวน
  • ปริมาณซอยไอโซฟลาโวน ที่แนะนำ

ซอย ไอโซฟลาโวน คืออะไร?

ซอย ไอโซฟลาโวน

ซอยไอโซฟลาโวนคือ สารธรรมชาติในกลุ่มไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) ที่พบมากในถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่นเต้าหู้ นมถั่วเหลือง และถั่วแระญี่ปุ่น มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ในร่างกายมนุษย์ จึงสามารถจับกับตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน และแสดงฤทธิ์เลียนแบบหรือปรับสมดุลฮอร์โมนได้ [1]

ประเภทไอโซฟลาโวนในถั่วเหลือง

  • เจนิสทีน (Genistein) เป็นไอโซฟลาโวน ที่มีฤทธิ์แรงที่สุดในกลุ่ม มีคุณสมบัติเด่นในการจับกับตัวรับ มีบทบาทในการเสริมฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงช่วยเลียนแบบฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ดี ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็ง ได้บางประเภท เช่นมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก มีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ
  • ไดแซนทีน (Daidzein) เป็นไอโซฟลาโวน ที่พบมากที่สุด ในถั่วเหลือง เมื่อเข้าสู่ร่างกาย บางส่วนจะถูกเปลี่ยนเป็น Equol (สารที่มีฤทธิ์เลียนแบบ เอสโตรเจนได้ดีมาก) โดยจุลินทรีย์ในลำไส้ ของบางคน ช่วยบรรเทาอาการวัยทอง เช่นร้อนวูบวาบ และอารมณ์แปรปรวน มีฤทธิ์ ป้องกันกระดูกพรุน ลดคอเลสเตอรอล
  • ไกลซิทีน (Glycitein) เป็นไอโซฟลาโวน ที่มีปริมาณน้อยที่สุด ในถั่วเหลือง ฤทธิ์เลียนแบบเอสโตรเจน อ่อนที่สุด ในบรรดาไอโซฟลาโวนทั้ง 3 ชนิด แม้จะอ่อนกว่า แต่ยังมี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมฤทธิ์ของเจนิสทีน และไดแซนทีน มีบทบาทในการเสริมสุขภาพโดยรวม เช่นป้องกันโรคเรื้อรัง และดูแลหัวใจ

ประโยชน์ ซอย ไอโซฟลาโวน

  • บรรเทาอาการวัยหมดประจำเดือน การศึกษาหลายชิ้น พบว่า ไอโซฟลาโวน สามารถช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน และอารมณ์แปรปรวน ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้ โดยการบริโภคไอโซฟลาโวน ช่วยลดความถี่ ของอาการร้อนวูบวาบ ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • บำรุงหัวใจ หลอดเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ในประเทศแถบเอเชีย ที่มีการบริโภคถั่วเหลืองเป็นหลัก พบว่าอัตราการเกิดโรคหัวใจ ต่ำกว่าประเทศตะวันตก การบริโภคไอโซฟลาโวน อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL และเพิ่มระดับ HDL ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ในการลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ
  • ป้องกันโรคกระดูกพรุน ไอโซฟลาโวนมีบทบาท ในการป้องกัน การสูญเสียมวลกระดูก โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมีความเสี่ยง ต่อโรคกระดูกพรุน การบริโภคไอโซฟลาโวน อาจช่วยเพิ่มความหนาแน่น ของกระดูก และลดความเสี่ยง ของการเกิดกระดูกหัก
  • ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม มีการศึกษาพบว่า การบริโภคไอโซฟลาโวน จากถั่วเหลือง อาจลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในผู้หญิง ก่อนและหลังวัยหมดประจำเดือน อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวล เกี่ยวกับการบริโภคไอโซฟลาโวน ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ต่อมะเร็งเต้านม ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ ก่อนการบริโภค
  • ลดความเสี่ยง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาหลายชิ้น ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และไอโซฟลาโวน อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ที่ลดลงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อยืนยันผลลัพธ์นี้

ที่มา: Isoflavones [2]

ปริมาณซอยไอโซฟลาโวน ที่แนะนำ

  • ทั่วไป แนะนำให้บริโภค 40-100 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณ ที่ใช้บ่อย ในการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับการบรรเทาอาการวัยทอง
  • เพื่อบรรเทาอาการวัยทอง (เช่น ร้อนวูบวาบ) ปริมาณที่เหมาะสมอยู่ที่ 50-80 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งทาน 1-2 ครั้งต่อวัน
  • เพื่อเสริมสุขภาพทั่วไป ปริมาณน้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อวันก็เพียงพอ

ไม่ควรรับประทานเกิน 100 มิลลิกรัมต่อวันโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเสี่ยง ต่อผลข้างเคียง ในระยะยาว โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน

วิธีรับประทานซอยไอโซฟลาโวน

  • ทานพร้อมอาหาร แนะนำให้รับประทานพร้อมอาหาร เพื่อช่วยลดการระคายเคืองกระเพาะอาหารและเพิ่มการดูดซึม
  • แบ่งทานเช้า-เย็น (ถ้าเป็นปริมาณสูง) หากรับประทานมากกว่า 50 มิลลิกรัมต่อวัน ควรแบ่งรับประทาน 2 ครั้ง เช่นเช้าและเย็น
  • หลีกเลี่ยงการทาน ตอนท้องว่าง เพราะอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ หรือไม่สบายท้อง
  • ระยะเวลาการทาน ควรทานต่อเนื่องอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ เพื่อประเมินผล แต่หากใช้ระยะยาว ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

โทษของ isoflavone คืออะไร?

  • อาการทางระบบทางเดินอาหาร: อาจเกิดอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูก ซึ่งมักเป็นอาการชั่วคราว และหายไป เมื่อร่างกายปรับตัวได้
  • อาการแพ้: แม้จะพบได้น้อย แต่บางคน อาจมีอาการแพ้ เช่นผื่นคัน บวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือคอ เวียนศีรษะรุนแรง และหายใจลำบาก หากเกิดอาการเหล่านี้ ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์ทันที
  • ผู้ที่มีภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism): ไอโซฟลาโวนอาจมีผล ต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะในผู้ที่ขาดไอโอดีน ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนการใช้
  • ผู้ที่มีภาวะไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน: เช่นผู้ที่มีประวัติ หรือความเสี่ยง ต่อมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งมดลูก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไอโซฟลาโวน หรือปรึกษาแพทย์ ก่อนการใช้
  • การใช้ร่วมกับยาบางชนิด: ไอโซฟลาโวนอาจมีปฏิกิริยา กับยาบางชนิด เช่นยาต้านฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือยาที่มีผล ต่อการทำงานของตับ ควรแจ้งแพทย์ หรือเภสัชกร เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ก่อน เริ่มใช้ไอโซฟลาโวน

ที่มา: Soy Isoflavones – Uses, Side Effects, and More [3]

บทสรุป ซอยไอโซฟลาโวน

ซอยไอโซฟลาโวน เป็นทางเลือกจากธรรมชาติที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการบรรเทาอาการวัยทอง และดูแลสุขภาพโดยรวม ด้วยคุณสมบัติที่เลียนแบบฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างอ่อนโยน ทำให้สามารถช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์ ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องก่อน

ซอยไอโซฟลาโวนเหมาะกับใคร?

  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกกลางคืน และอารมณ์แปรปรวน
  • ผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือน ช่วยเตรียมร่างกาย เข้าสู่ช่วงวัยทองอย่างสมดุล
  • ผู้ที่ต้องการดูแลกระดูก ช่วยลดความเสี่ยง โรคกระดูกพรุน หลังหมดประจำเดือน
  • ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ อาจช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL และเพิ่ม HDL
  • ผู้ที่ไม่สามารถใช้ฮอร์โมนทดแทน (HRT) เป็นทางเลือกจากธรรมชาติ ที่ปลอดภัยกว่า

ซอยไอโซฟลาโวนไม่เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่เป็นมะเร็ง หรือเคยเป็นมะเร็ง ที่ไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก
  • ผู้ที่มีภาวะไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) ไอโซฟลาโวนอาจรบกวน การทำงานของไทรอยด์ โดยเฉพาะในผู้ขาดไอโอดีน
  • หญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยเพียงพอ
  • ผู้ที่แพ้ถั่วเหลือง อาจเกิดอาการแพ้ เช่น ผื่น คัน หรือหายใจลำบาก
  • ผู้ที่ใช้ยาต้านฮอร์โมนหรือยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจมีปฏิกิริยาระหว่างยา
Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง