
คาเฟอีน ประโยชน์ หรือโทษกันแน่? คำถามนี้หลายคนอาจเคยคิด ในขณะจิบกาแฟยามเช้า หรือในช่วงบ่ายที่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน คาเฟอีนกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตประจำวันอย่างไม่รู้ตัว หลายคนอาจมองว่ามันเป็นเพียงตัวช่วยให้ตื่น แต่เบื้องหลังฤทธิ์กระตุ้นนี้ ยังมีอีกหลายด้านที่น่าสนใจ
คาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติ ในกลุ่มอัลคาลอยด์ ที่พบได้ในพืชหลากชนิด เช่นกาแฟ (Coffee), ใบชา (Tea Leaves), เมล็ดโกโก้ (Cocoa Beans), กัวรานา (Guarana) และแม้แต่ในเมล็ดถั่วโคล่า (Kola Nuts)
คาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ส่งผลให้เรารู้สึกตื่นตัว ลดความง่วง เพิ่มสมาธิ และยังส่งผลต่อการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
คาเฟอีนเป็นสารที่พบได้ในอาหาร และเครื่องดื่มหลายชนิด นอกเหนือจากกาแฟ ที่เป็นแหล่งคาเฟอีนหลักแล้ว ยังมีอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีคาเฟอีนแฝงอยู่ ดังนี้
ที่มา: คาเฟอีนคืออะไร กับประโยชน์ต่างๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน [1]
คาเฟอีนไม่ได้เป็นเพียงสารกระตุ้นที่ทำให้ตื่นตัวเท่านั้น แต่ยังมีผลดี ต่อสุขภาพในหลายด้าน เมื่อทานในปริมาณที่เหมาะสม
แม้คาเฟอีนจะมีประโยชน์ แต่หากทานมากเกินไป หรือร่างกายไวต่อคาเฟอีน ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้
ปริมาณคาเฟอีนที่แนะนำ ผู้ใหญ่ทั่วไปไม่ควรเกิน 400 มก./วัน สตรีมีครรภ์ควรจำกัดไม่เกิน 200 มก./วัน เด็กและวัยรุ่นควรหลีกเลี่ยง
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่มีทั้งข้อดี และข้อควรระวัง หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มสมาธิ ความตื่นตัว และประสิทธิภาพในการทำงาน แต่หากใช้มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน การเข้าใจร่างกายตัวเองคือกุญแจสำคัญ เพื่อเลือกวิธีเสริมพลังงาน ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
โดยทั่วไปคาเฟอีนจะอยู่ในร่างกายประมาณ 4-6 ชั่วโมง ก่อนที่ระดับจะลดลงครึ่งหนึ่ง (เรียกว่า Half-life) แต่ระยะเวลานี้อาจแตกต่างไปตามบุคคล โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่นอายุ พันธุกรรม การทำงานของตับ การตั้งครรภ์ การใช้ยาบางชนิด (เช่นยาคุมกำเนิด หรือยาต้านซึมเศร้า)
ตัวอย่างหากดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน 200 มก. เวลา 14.00 น. ภายในเวลา 20.00 น. คาเฟอีนยังคงอยู่ในร่างกายประมาณ 100 มก. และอาจส่งผลให้นอนไม่หลับได้ [2]
อาการไวต่อคาเฟอีน (Caffeine Sensitivity) คือภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อคาเฟอีน มากกว่าคนทั่วไป แม้จะได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อย เช่นเพียงครึ่งแก้วกาแฟ ก็อาจทำให้เกิดอาการกระตุ้น ที่รุนแรงเกินปกติ ซึ่งมักเกิดจากพันธุกรรม หรือความผิดปกติในการเผาผลาญคาเฟอีนของตับ อาการที่พบบ่อย ได้แก่
อาการเหล่านี้แตกต่างจาก การแพ้คาเฟอีนซึ่งเป็นอาการภูมิแพ้จริงๆ และมักแสดงอาการแบบเฉียบพลัน เช่น คัน มีผื่นขึ้นตามตัว หน้าบวม ลิ้นบวม หรือคอบวม หายใจติดขัด ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้ที่มีอาการไวต่อคาเฟอีน ควรหลีกเลี่ยง หรือทานในปริมาณน้อย [3]