คาเฟอีน ประโยชน์ ต่อสมอง หัวใจ การเผาผลาญ

คาเฟอีน ประโยชน์

คาเฟอีน ประโยชน์ หรือโทษกันแน่? คำถามนี้หลายคนอาจเคยคิด ในขณะจิบกาแฟยามเช้า หรือในช่วงบ่ายที่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน คาเฟอีนกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตประจำวันอย่างไม่รู้ตัว หลายคนอาจมองว่ามันเป็นเพียงตัวช่วยให้ตื่น แต่เบื้องหลังฤทธิ์กระตุ้นนี้ ยังมีอีกหลายด้านที่น่าสนใจ

สาร Caffeine คืออะไร?

คาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติ ในกลุ่มอัลคาลอยด์ ที่พบได้ในพืชหลากชนิด เช่นกาแฟ (Coffee), ใบชา (Tea Leaves), เมล็ดโกโก้ (Cocoa Beans), กัวรานา (Guarana) และแม้แต่ในเมล็ดถั่วโคล่า (Kola Nuts)

คาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ส่งผลให้เรารู้สึกตื่นตัว ลดความง่วง เพิ่มสมาธิ และยังส่งผลต่อการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย

คาเฟอีนการทำงานในร่างกาย

  • ยับยั้งสารอะดีโนซีน (Adenosine): คาเฟอีนจะเข้าไปขัดขวางตัวรับ ของสารอะดีโนซีน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกง่วง เมื่อคาเฟอีนยับยั้งได้ จึงทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
  • เพิ่มระดับโดพามีน (Dopamine): ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เพิ่มสมาธิ ความสนใจ และความพึงพอใจ
  • กระตุ้นอะดรีนาลีน: ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันสูงขึ้น และร่างกายอยู่ในสภาวะพร้อมรับมือ

คาเฟอีนอยู่ในอาหารอะไร?

คาเฟอีน ประโยชน์

คาเฟอีนเป็นสารที่พบได้ในอาหาร และเครื่องดื่มหลายชนิด นอกเหนือจากกาแฟ ที่เป็นแหล่งคาเฟอีนหลักแล้ว ยังมีอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีคาเฟอีนแฝงอยู่ ดังนี้

  • ชา (ชาเขียว ชาดำ ชาไทย) เป็นเครื่องดื่มที่หลายคนมองว่าเบา และดื่มได้สบาย แต่จริงๆ แล้วมีคาเฟอีนอยู่ในปริมาณไม่น้อย โดยชาเขียว 1 ถ้วย (240 มล.) มีคาเฟอีนประมาณ 25–45 มิลลิกรัม ส่วนชาดำมีประมาณ 40–70 มิลลิกรัม และชาไทยหรือชาเย็น อาจมีคาเฟอีนประมาณ 30–60 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับวิธีชงและความเข้มข้น
  • ขนมหวานที่มีโกโก้ หรือชาเขียวเป็นส่วนผสม เช่นดาร์กช็อกโกแลต เค้กโกโก้ บราวนี่ หรือขนมชาเขียว แม้จะดูเป็นของหวานธรรมดา แต่ก็มีคาเฟอีนแฝงอยู่ ดาร์กช็อกโกแลตขนาด 30 กรัม มีคาเฟอีนประมาณ 20–35 มิลลิกรัม ขนมเค้กหรือขนมชาเขียวอาจมีคาเฟอีน 10–30 มิลลิกรัมต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับปริมาณวัตถุดิบที่ใช้
  • ไอศกรีมรสกาแฟหรือโกโก้ แม้จะไม่ใช่เครื่องดื่ม แต่ไอศกรีมบางรส เช่นกาแฟ หรือโกโก้ ก็มีคาเฟอีนในปริมาณไม่น้อย ไอศกรีมกาแฟ 1 ถ้วย (ประมาณ 100 กรัม) อาจมีคาเฟอีน 20–45 มิลลิกรัม ส่วนไอศกรีมช็อกโกแลตมีประมาณ 5–10 มิลลิกรัม
  • เครื่องดื่มชูกำลัง ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นและ เสริมพลังงาน จึงมีคาเฟอีนสูงมาก เครื่องดื่มชูกำลัง 1 กระป๋อง (250 มล.) มีคาเฟอีนอยู่ที่ประมาณ 80–160 มิลลิกรัม บางยี่ห้ออาจสูงถึง 200 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับสูตร และปริมาณ
  • ยาบางชนิดที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ ยาแก้ปวดศีรษะ หรือยาบรรเทาอาการหวัดบางยี่ห้อ มีคาเฟอีนผสม เช่นยาแก้ไมเกรนบางสูตร มีคาเฟอีนประมาณ 65–130 มิลลิกรัมต่อเม็ด ส่วนยาบรรเทาอาการหวัดบางชนิดมีคาเฟอีนประมาณ 30–60 มิลลิกรัม
  • น้ำอัดลม โดยเฉพาะรสโคล่า แม้จะไม่ได้ให้ความรู้สึกตื่นตัวเหมือนกาแฟ แต่น้ำอัดลมสีดำหลายชนิดก็มีคาเฟอีน เช่นโคล่า 1 กระป๋อง (330 มล.) มีคาเฟอีนประมาณ 30–45 มิลลิกรัม รวมถึงสูตรไม่มีน้ำตาลก็ยังมีคาเฟอีนเช่นกัน

ที่มา: คาเฟอีนคืออะไร กับประโยชน์ต่างๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน [1]

คาเฟอีน ประโยชน์ คืออะไร?

คาเฟอีนไม่ได้เป็นเพียงสารกระตุ้นที่ทำให้ตื่นตัวเท่านั้น แต่ยังมีผลดี ต่อสุขภาพในหลายด้าน เมื่อทานในปริมาณที่เหมาะสม

  • คาเฟอีน ประโยชน์ เพิ่มความตื่นตัวและสมาธิ ช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ลดอาการง่วง และเพิ่มสมาธิในการทำงาน หรือเรียนหนังสือ.
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการออกกำลังกาย คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลีน เพิ่มพลังและความอึด ลดความเหนื่อย ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น
  • ส่งเสริมการเผาผลาญไขมัน คาเฟอีนสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญ (Metabolic Rate) ได้เล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงระยะสั้น จึงมักอยู่ในสูตรอาหารเสริมลดน้ำหนัก
  • ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ หรือไมเกรน คาเฟอีนสามารถทำให้หลอดเลือดในสมองหดตัว ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดจากอาการปวดหัวในบางกรณี โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาแก้ปวด
  • ลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า การทานคาเฟอีนในระดับพอดี อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคพาร์กินสัน, อัลไซเมอร์, เบาหวานประเภท 2 และมะเร็งบางชนิด

โทษของคาเฟอีนคืออะไร?

แม้คาเฟอีนจะมีประโยชน์ แต่หากทานมากเกินไป หรือร่างกายไวต่อคาเฟอีน ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้

  • นอนไม่หลับ คาเฟอีนยับยั้งสารอะดีโนซีนในสมอง ทำให้รู้สึกไม่ง่วง หากทานช่วงบ่ายหรือเย็น อาจรบกวนการนอนหลับ
  • ใจสั่นและความดันโลหิตสูง คาเฟอีนกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นชั่วคราว โดยเฉพาะในผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน
  • วิตกกังวล และกระสับกระส่าย การทานคาเฟอีนมากเกินไป อาจกระตุ้นระบบประสาทมากเกินไป ทำให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวล มือสั่น หรือรู้สึกไม่สบายใจ
  • อาการถอนคาเฟอีน (Caffeine Withdrawal) หากเคยทานคาเฟอีนเป็นประจำ แล้วหยุดกะทันหัน อาจเกิดอาการ เช่นปวดศีรษะ เหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน หรือไม่มีสมาธิ
  • กระตุ้นกรดในกระเพาะอาหาร คาเฟอีนสามารถเพิ่มการหลั่งกรดในกระเพาะ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกแสบท้อง หรือเกิดกรดไหลย้อนในบางคน

วิธีทานคาเฟอีนอย่างปลอดภัย

ปริมาณคาเฟอีนที่แนะนำ ผู้ใหญ่ทั่วไปไม่ควรเกิน 400 มก./วัน สตรีมีครรภ์ควรจำกัดไม่เกิน 200 มก./วัน เด็กและวัยรุ่นควรหลีกเลี่ยง

  • หลีกเลี่ยงก่อนนอน 6-8 ชั่วโมง
  • สังเกตอาการข้างเคียงหลังดื่ม
  • ค่อยๆลดปริมาณหากต้องการเลิก เพื่อป้องกันอาการถอน
  • เลือกแหล่งที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นชาเขียว หรือกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล
  • ใช้ร่วมกับ L-Theanine เพื่อสมดุลการกระตุ้นกับความสงบ

สรุป คาเฟอีนเพิ่มสมาธิ ความตื่นตัว

คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่มีทั้งข้อดี และข้อควรระวัง หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มสมาธิ ความตื่นตัว และประสิทธิภาพในการทำงาน แต่หากใช้มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน การเข้าใจร่างกายตัวเองคือกุญแจสำคัญ เพื่อเลือกวิธีเสริมพลังงาน ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

สารคาเฟอีนอยู่ในร่างกายกี่ชั่วโมง?

โดยทั่วไปคาเฟอีนจะอยู่ในร่างกายประมาณ 4-6 ชั่วโมง ก่อนที่ระดับจะลดลงครึ่งหนึ่ง (เรียกว่า Half-life) แต่ระยะเวลานี้อาจแตกต่างไปตามบุคคล โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่นอายุ พันธุกรรม การทำงานของตับ การตั้งครรภ์ การใช้ยาบางชนิด (เช่นยาคุมกำเนิด หรือยาต้านซึมเศร้า)

ตัวอย่างหากดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน 200 มก. เวลา 14.00 น. ภายในเวลา 20.00 น. คาเฟอีนยังคงอยู่ในร่างกายประมาณ 100 มก. และอาจส่งผลให้นอนไม่หลับได้ [2]

อาการไวต่อคาเฟอีนมีอะไรบ้าง

อาการไวต่อคาเฟอีน (Caffeine Sensitivity) คือภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อคาเฟอีน มากกว่าคนทั่วไป แม้จะได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อย เช่นเพียงครึ่งแก้วกาแฟ ก็อาจทำให้เกิดอาการกระตุ้น ที่รุนแรงเกินปกติ ซึ่งมักเกิดจากพันธุกรรม หรือความผิดปกติในการเผาผลาญคาเฟอีนของตับ อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรือแรงผิดปกติ
  • ปวดศีรษะ หรือรู้สึกมึนงง
  • มือสั่น วิตกกังวล หรือรู้สึกไม่สบายใจโดยไม่มีสาเหตุ
  • นอนไม่หลับ แม้ทานคาเฟอีนไปก่อนหน้านานหลายชั่วโมง
  • กระสับกระส่าย หรือรู้สึกว่าควบคุมร่างกายไม่ได้
  • ตื่นตัวเกินเหตุ เหมือนดื่มเอสเปรสโซ่หลายช็อตในครั้งเดียว

อาการเหล่านี้แตกต่างจาก การแพ้คาเฟอีนซึ่งเป็นอาการภูมิแพ้จริงๆ และมักแสดงอาการแบบเฉียบพลัน เช่น คัน มีผื่นขึ้นตามตัว หน้าบวม ลิ้นบวม หรือคอบวม หายใจติดขัด ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้ที่มีอาการไวต่อคาเฟอีน ควรหลีกเลี่ยง หรือทานในปริมาณน้อย [3]

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง