ไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ปรับสมดุลฮอร์โมน

ไอโซฟลาโวน

ไอโซฟลาโวน เป็นสารประกอบธรรมชาติ ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ในโลกของโภชนาการ และสุขภาพ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ในการปรับสมดุลฮอร์โมน และประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน ซึ่งกลายเป็นหัวข้อสำคัญ ในการวิจัยทางการแพทย์ เกี่ยวกับการป้องกันโรค และการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีขึ้น

ไอโซฟลาโวน สารประกอบจากพืช คืออะไร

ไอโซฟลาโวนเป็นสารประกอบ ธรรมชาติจากพืช เป็นสารประกอบในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่จัดอยู่ในกลุ่มของไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) ซึ่งมีโครง สร้างคล้ายคลึงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ในร่างกายมนุษย์ แต่มีฤทธิ์ที่อ่อนกว่า พบมากในพืชตระกูลถั่ว มีสารสำคัญได้แก่

  • เดดซีน (Daidzein): มีคุณสมบัติเป็น Phytoestrogens ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ภายในร่างกาย
  • จีนิสทีน (Genistein): เป็นสารพฤกษเคมี (phytochemicals) ที่มีสรรพคุณดีต่อสุขภาพ มีฤทธิ์เป็น Antioxidants และทำงานคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน

ที่มา: isoflavone [1]

 

ไอโซฟลาโวนมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย อย่างไรบ้าง

  • ไอโซฟลาโวนช่วยปรับสมดุล ฮอร์โมนในร่างกาย ไอโซฟลาโวนทำหน้าที่ คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนผู้หญิง โดยเฉพาะ ในวัยหมดประจำเดือน ซึ่งระดับเอสโตรเจนลดลง ทำให้ช่วยบรรเทาอาการ ร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) อารมณ์แปรปรวน และปัญหา ในการนอนหลับ ให้ผลคล้ายกับ อีฟนิ่งพริมโรส
  • ส่งเสริมสุขภาพกระดูก ไอโซฟลาโวนมีส่วนช่วย ลดการสูญเสียมวลกระดูก โดยเฉพาะในผู้หญิง วัยหมดประจำเดือน ที่มีความเสี่ยง  ต่อภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis)
  • ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือด การบริโภคไอโซฟลาโวน อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ช่วยลดความเสี่ยง ต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ (Cardiovascular Disease)
  • ป้องกันโรคมะเร็ง ในบางชนิด มีงานวิจัยที่แสดงว่า ไอโซฟลาโวนอาจช่วยลดความเสี่ยง ต่อมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยการยับยั้งการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็ง และลดการแบ่งตัวของเซลล์
  • ส่งเสริมสุขภาพผิวพรรณ ไอโซฟลาโวนช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen ในชั้นผิวหนัง ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี

ที่มา: ไอโซฟลาโวนคืออะไร [2]

ไอโซฟลาโวนปรับสมดุลฮอร์โมน ในร่างกายอย่างไร

ไอโซฟลาโวนทำหน้าที่คล้ายกับ Hormone estrogen โดยจับกับตัวรับฮอร์โมน (Estrogen Receptors) ในร่างกาย แต่ออกฤทธิ์ที่อ่อนกว่า เอสโตรเจนในธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อระดับเอสโตรเจนในร่างกายต่ำ เช่นในช่วงวัยหมดประจำเดือน ไอโซฟลาโวนสามารถเติมเต็ม และช่วยลดผลกระทบ จากการขาดฮอร์โมนนี้ได้

ในทางตรงกันข้าม หากระดับเอสโตรเจน ในร่างกายสูงเกินไป เช่นในผู้หญิงที่มีความเสี่ยง ต่อการเกิดมะเร็งเต้านม ไอโซฟลาโวนจะไปแย่งจับตัวรับฮอร์โมน และลดผลกระทบ จากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มากเกินไป

ไอโซฟลาโวน พบในพืชชนิดใด ที่มีปริมาณมากที่สุด

ไอโซฟลาโวน

ถั่วเหลือง เป็นแหล่งอาหารสำคัญ ของไอโซฟลาโวน โดยทั่วไป พบปริมาณไอโซฟลาโวนรวม ประมาณ 1 มิลลิกรัมต่อกรัม หรือ 100 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัมของถั่วเหลือง อย่างไรก็ตาม ปริมาณนี้ อาจแตกต่างกันไปตามพันธุ์ และสภาพการปลูก อาหารอื่นๆ ที่มีไอโซฟลาโวน เช่นเต้าหู้, นมถั่วเหลือง, Miso, Tempeh [3]

ปริมาณบริโภคไอโซฟลาโวน ที่แนะนำต่อวัน

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ ให้บริโภคไอโซฟลาโวน ในปริมาณ 25-50 Milligram ต่อวัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์ทางสุขภาพ เช่นการปรับสมดุลฮอร์โมน ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน และช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ โดยปริมาณนี้ สามารถได้รับจากการบริโภค ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น

  • เต้าหู้ 100 กรัม (ให้ไอโซฟลาโวนประมาณ 20-30 มก.)
  • นมถั่วเหลือง 200 มล. (ให้ไอโซฟลาโวนประมาณ 20-25 มก.)
  • ถั่วเหลืองคั่ว 50 กรัม (ให้ไอโซฟลาโวน 40 มก.)

ข้อควรระวังในการบริโภคไอโซฟลาโวน

  • ปริมาณที่มากเกินไป: การบริโภคไอโซฟลาโวน มากกว่า 100 milligram ต่อวันในระยะยาว อาจมีผลกระทบต่อสมดุลฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • ผู้ที่แพ้ถั่วเหลือง: ควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ ก่อนบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีไอโซฟลาโวน
  • สตรีมีครรภ์ และให้นมบุตร: ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากไอโซฟลาโวน อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • การใช้ยารักษาโรค: ผู้ที่รับประทานยาฮอร์โมน หรือยาต้านฮอร์โมน เช่นยารักษามะเร็งเต้านม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคไอโซฟลาโวน

สรุป ไอโซฟลาโวน สารธรรมชาติ ปรับฮอร์โมน

ไอโซฟลาโวน ไม่เพียงแต่เป็นสารธรรมชาติ ที่ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน แต่ยังมีบทบาทสำคัญ ในการส่งเสริมสุขภาพในหลายมิติ ตั้งแต่การป้องกันโรคเรื้อรัง การดูแลสุขภาพกระดูก ไปจนถึงการเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ การบริโภคไอโซฟลาโวนในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต และส่งเสริมสุขภาพในระยะยาวได้

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง