แมกนีเซียม กับสุขภาพหัวใจ ทำไมจึงสำคัญ

แมกนีเซียม

แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ต่อร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในกระบวนการทำงานของเซลล์ การผลิตพลังงาน และการควบคุมกล้ามเนื้อ และระบบประสาท แมกนีเซียมยังเป็นแร่ธาตุ ที่มีอยู่ในธรรมชาติตั้งแต่ดิน หินน้ำแร่ ไปจนถึงอาหารต่างๆ ที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน แม้ว่าจะเป็นสารอาหารที่จำเป็น แต่หลายคน กลับมองข้ามความสำคัญของมันไป

ประโยชน์ แมกนีเซียม ต่อหัวใจและด้านอื่นๆ

  • แมกนีเซียมส่งเสริมสุขภาพหลอดเลือดหัวใจ โดยช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ลดความดันโลหิต ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว และลดไขมันในเลือด ช่วยลดความเครียดและการอักเสบ เสริมสร้างระบบไหลเวียนโลหิต ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
  • สนับสนุนสุขภาพของกระดูกและฟัน แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสร้างกระดูก ให้แข็งแรง และช่วยรักษาสมดุล ของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในกระดูก
  • ช่วยลดความเครียด และปรับสมดุลอารมณ์ มีงานวิจัยพบว่าแมกนีเซียม ช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าได้ เนื่องจากมีส่วนช่วย ในการควบคุมการทำงานของระบบประสาท
  • เสริมสร้างการทำงาน ของกล้ามเนื้อ ช่วยป้องกันอาการเป็นตะคริว ลดการกระตุกของกล้ามเนื้อ และเสริมสร้างการหดตัว และผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ
  • ช่วยเพิ่มพลังงาน และลดความเมื่อยล้า มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนน้ำตาล ในร่างกาย ให้เป็นพลังงาน ทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง และลดความอ่อนเพลีย

แหล่งอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงมาก

แมกนีเซียม
  • ผักใบเขียวเข้ม เช่นผักคะน้า ผักโขม
  • ถั่วและเมล็ดธัญพืช เช่นเมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน
  • ธัญพืชไม่ขัดสี เช่นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต
  • ปลาและอาหารทะเล เช่นปลาซาร์ดีน หอย
  • ผลไม้บางชนิด เช่นกล้วย Avocado
  • ผลิตภัณฑ์จากนม เช่นโยเกิร์ต

ห้ามกิน แมกนีเซียม คู่กับอะไร

แมกนีเซียมอาจมีปฏิกิริยากับยา และสารอาหารบางชนิด เช่น

  • ยาปฏิชีวนะบางชนิดเช่น Tetracyclines และ Quinolones อาจลดการดูดซึม ของยาเหล่านี้ หากรับประทานพร้อมแมกนีเซียม
  • ยาโรคกระดูกพรุนเช่น Bisphosphonates การรับประทานแมกนีเซียมพร้อมกัน อาจลดประสิทธิภาพของยา
  • ยาขับปัสสาวะ และยาลดความดันโลหิต อาจทำให้ระดับแมกนีเซียม ในร่างกายเปลี่ยนแปลงได้
  • แคลเซียมและสังกะสี การรับประทานแมกนีเซียม พร้อมแร่ธาตุเหล่านี้ ในปริมาณสูง อาจลดการดูดซึมของกันและกัน

ที่มา: Magnesium [1]

 

ปริมาณ แมกนีเซียม ที่แนะนำบริโภคต่อวัน

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญ ต่อการทำงานของร่างกายหลายระบบ เช่นระบบประสาท กล้ามเนื้อ และการสร้างกระดูก ปริมาณแมกนีเซียมที่แนะนำ ให้บริโภคต่อวัน (Recommended Dietary Allowance: RDA) จะแตกต่างกันไป ตามอายุและเพศ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • เด็กอายุ 1-3 : 80 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เด็กอายุ 4-8 : 130 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เด็กอายุ 9-13 : 240 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้ชายอายุ 14-18 : 410 มิลลิกรัมหนึ่งต่อวัน
  • ผู้หญิงอายุ 14-18 : 360 มิลลิกรัมหนึ่งต่อวัน
  • ผู้ชายอายุ 19-30 : 400 มิลลิกรัมหนึ่งต่อวัน
  • ผู้หญิงอายุ 19-30 : 310 milligrams per day
  • ผู้ชายอายุ 31 ปีขึ้นไป: 420 milligrams per day
  • ผู้หญิงอายุ 31 ปีขึ้นไป: 320 milligrams/ต่อวัน
  • หญิงตั้งครรภ์วัยรุ่น: 400 milligrams/ต่อวัน
  • หญิงตั้งครรภ์วัยผู้ใหญ่: 350 milligrams/ต่อวัน
  • หญิงให้นมบุตรวัยรุ่น: 360 มก./ต่อวัน
  • หญิงให้นมบุตรวัยผู้ใหญ่: 310 มก./ต่อวัน

ข้อมูลนี้อ้างอิงจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) การได้รับแมกนีเซียม ในปริมาณที่เหมาะสม มีความสำคัญต่อสุขภาพ [2]

จะรู้ได้อย่างไรว่าขาด แมกนีเซียม

การขาดแมกนีเซียม (Hypomagnesemia) สามารถแสดงออกได้หลากหลายอาการ โดยระดับความรุนแรง ขึ้นอยู่กับปริมาณแมกนีเซียมในร่างกายที่ขาดไป อาการที่พบได้มีดังนี้

  • อาการเบื้องต้นที่พบบ่อย กล้ามเนื้อกระตุกและเป็นตะคริว อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาการเหล่านี้ มักเกิดขึ้นในช่วงแรก ของการขาดแมกนีเซียม
  • ปวดศีรษะหรือไมเกรน การขาดแมกนีเซียม อาจกระตุ้นให้เส้นเลือดในสมองหดตัว ส่งผลให้ปวดศีรษะรุนแรงขึ้น
  • อาการระบบประสาท อารมณ์แปรปรวน ภาวะซึมเศร้า อาการชา เป็นผลจากความผิดปกติ ในการส่งสัญญาณประสาท ตาพร่าและเวียนศีรษะ อาจเกิดจากการขาดแมกนีเซียม ที่ส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต และระบบประสาท
  • อาการทางหัวใจ และหลอดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) ความดันโลหิตสูง อาการเจ็บหน้าอก
    ที่มักเกิดจากการขาดเลือด ไปเลี้ยงหัวใจ ที่เกิดจากการไหลเวียนเลือดผิดปกติ
  • อาการในระยะรุนแรง ชักหรือเป็นลมชัก ความสับสนหรือการรับรู้ลดลง เมื่อแมกนีเซียมต่ำมาก จนกระทบการทำงานของสมอง หายใจลำบาก เกิดจากความผิดปกติ ในการควบคุมกล้ามเนื้อการหายใจ

ที่มา: Magnesium supplement [3]

 

ข้อควรระวัง ข้อแนะนำการทาน แมกนีเซียม

แม้ว่าการได้รับแมกนีเซียมจากอาหารตามธรรมชาติ มักไม่ก่อให้เกิดปัญหา แต่การเสริมแมกนีเซียมในปริมาณที่มากเกินไป อาจนำไปสู่อาการเบื้องต้น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียขั้นรุนแรง ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจลำบาก ง่วงซึม หรือหมดสติ อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้

การทานแมกนีเซียม ร่วมกับ โคเอนไซม์คิวเทน จะช่วยเสริมการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือด โดยแมกนีเซียมควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และลดความดันโลหิต ขณะที่โคเอนไซม์คิวเทน ช่วยเพิ่มพลังงานในเซลล์หัวใจ และลดการอักเสบ เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ และลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือด

สรุป แมกนีเซียม แร่ธาตุบำรุงกระดูก ดีต่อสุขภาพหัวใจ

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุ ที่มีบทบาทสำคัญ ต่อสุขภาพในหลายด้าน ตั้งแต่การบำรุงกระดูก และกล้ามเนื้อ ไปจนถึงการสนับสนุนสุขภาพหัวใจ และระบบประสาท การบริโภคอาหาร ที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมอย่างเหมาะสม สามารถช่วยป้องกันภาวะขาดแร่ธาตุนี้ได้ การดูแลสุขภาพ ด้วยการใส่ใจสารอาหาร ที่ร่างกายต้องการ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง