ฟอสฟาติดิลเซอรีน กุญแจสำคัญสู่การบำรุงสมอง

ฟอสฟาติดิลเซอรีน

ฟอสฟาติดิลเซอรีน (Phosphatidylserine) ชื่อนี้อาจฟังดูเป็นทางวิทยาศาสตร์อย่างมาก แต่ในโลกของโภชนาการ และสุขภาพ ฟอสฟาติดิลเซอรีนได้รับความสนใจ ในฐานะสารอาหารสำคัญ ที่มีบทบาท ในระบบประสาท และการทำงานของสมอง เราอาจคุ้นเคยกับคำว่าสารสื่อประสาท หรือการส่งสัญญาณภายในสมอง

แต่ฟอสฟาติดิลเซอรีน มีความสำคัญมากกว่านั้น เพราะมันช่วยส่งเสริมความจำ การเรียนรู้ และอารมณ์ที่สมดุล ด้วยบทบาทอันซับซ้อนนี้ บทความนี้ จะพาไปสำรวจเชิงลึก เกี่ยวกับฟอสฟาติดิลเซอรีน ตั้งแต่โครงสร้าง ประโยชน์ต่อสุขภาพ ไปจนถึงแหล่งอาหาร และวิธีการเสริมสารนี้ เข้าสู่ร่างกาย

สาร ฟอสฟาติดิลเซอรีน คืออะไร

ฟอสฟาติดิลเซอรีนเป็น Phospholipids ชนิดหนึ่ง ที่มีอยู่ในเยื่อหุ้มเซลล์ โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อสมอง สารนี้มีบทบาทสำคัญ ในการรักษาโครงสร้าง และการทำงาน ของเยื่อหุ้มเซลล์ ให้คงที่ และมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ในการส่งสัญญาณประสาท ส่วนช่วยหลั่งสารสื่อประสาท ที่จำเป็นต่อ การทำงานของสมอง

โครงสร้างทางเคมีของฟอสฟาติดิลเซอรีน ประกอบด้วยกรดไขมันสองสาย ที่เชื่อมต่อกับกลุ่มฟอสเฟต และกรดอะมิโนเซอรีน (Serine) โครงสร้างนี้ ทำให้มันมีความยืดหยุ่น และสามารถเข้าไปมีบทบาท ในกระบวนการต่างๆ ในระดับเซลล์

ประโยชน์ต่อสุขภาพ ฟอสฟาติดิลเซอรีน

  • เสริมสร้างความจำ และการเรียนรู้ ฟอสฟาติดิลเซอรีนเป็นที่รู้จัก ว่าเป็นสารอาหาร ที่ช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของสมอง งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การเสริมฟอสฟาติดิลเซอรีน สามารถช่วยเพิ่มความจำ การจดจำ และการตอบสนอง ต่อข้อมูลใหม่ๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ที่มีภาวะความจำเสื่อม
  • ลดความเครียด และควบคุมอารมณ์ ฟอสฟาติดิลเซอรีนช่วยลดระดับ Cortisol hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมน ที่เกี่ยวข้องกับความเครียด การลดระดับความเครียดนี้ ช่วยให้สมอง สามารถทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่ออารมณ์ และความรู้สึกที่มั่นคง
  • ปรับปรุงสมาธิ และการโฟกัส ในกลุ่มผู้ที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) ฟอสฟาติดิลเซอรีนได้รับการวิจัย ว่ามีศักยภาพ ในการเพิ่มความสามารถ ในการโฟกัส และลดพฤติกรรม หุนหันพลันแล่น
  • ส่งเสริมสุขภาพสมอง ในผู้สูงอายุ ฟอสฟาติดิลเซอรีนได้รับการพิสูจน์ ว่าช่วยชะลอการลดลงของการทำงานของสมองในวัยสูงอายุ โดยช่วยเพิ่มการสื่อสาร ระหว่างเซลล์ประสาท และลดการเสื่อมสภาพ ของสมอง

ที่มา: Phosphatidylserine [1]

อาหารที่มีฟอสฟาติดิลเซอรีน ปริมาณสูง

ฟอสฟาติดิลเซอรีน

ฟอสฟาติดิลเซอรีนเป็นฟอสโฟลิพิด ที่มีบทบาทสำคัญ ในโครงสร้าง และการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์ โดยเฉพาะในสมอง แม้ว่าร่างกาย สามารถสังเคราะห์ฟอสฟาติดิลเซอรีนได้เอง แต่การได้รับจากอาหาร ก็มีความสำคัญเช่นกัน อาหารที่มีฟอสฟาติดิลเซอรีนสูง และปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้

  • ตับวัวประมาณ 713 มิลลิกรัม
  • ปลา mackerel ประมาณ 480–550 มิลลิกรัม
  • ปลาแซลมอนประมาณ 480–550 มิลลิกรัม
  • ถั่วเหลืองประมาณ 160–190 มก.
  • หัวใจไก่ประมาณ 150 มก.
  • ไข่แดงประมาณ 60–70 มิลลิกรัมต่อฟอง
  • Krill Oil ประมาณ 150–200 มิลลิกรัมต่อหนึ่งมื้อ
  • นมวัวประมาณ 5–10 มิลลิกรัมต่อลิตร

ควรทราบว่าปริมาณฟอสฟาติดิลเซอรีนในอาหาร อาจแตกต่างกันไป ตามปัจจัยต่างๆ เช่น พันธุ์ วิธีการเตรียม และการปรุงอาหาร นอกจากนี้ การดูดซึมฟอสฟาติดิลเซอรีน จากแหล่งอาหารต่างๆ อาจแตกต่างกันด้วย [2]

 

วิธีการรับประทาน ฟอสฟาติดิลเซอรีน

วิธีการรับประทานฟอสฟาติดิลเซอรีน รับประทานพร้อมอาหาร เพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น ควรแบ่งรับประทานออกเป็น 2–3 ครั้งต่อวัน เพื่อรักษาระดับสารอาหารในร่างกาย และปริมาณการรับประทานฟอสฟาติดิลเซอรีน มีดังนี้

  • สำหรับการเสริมสร้าง การทำงานของสมอง: 100 mg. วันละ 3 ครั้ง (รวม 300 milligram ต่อวัน)
  • สำหรับการลดความเครียด: 200–300 milligram ต่อวัน
  • สำหรับการเสริมสร้างความจำ ในผู้สูงอายุ: 100–300 milligram ต่อวัน

นอกจากนี้ ฟอสฟาติดิลเซอรีนสามารถรับประทานร่วมกับ เลซิติน (Lecithin) ได้เพื่อช่วยบำรุงสมอง และระบบประสาท เนื่องจากทั้งสองชนิดเป็นสารประกอบไขมัน ที่มีประโยชน์ต่อสมอง และระบบประสาท โดยมีคุณสมบัติที่เสริมการทำงานซึ่งกันและกัน 

กินฟอสฟาติดิลเซอรีน ทุกวันปลอดภัยไหม

การรับประทานฟอสฟาติดิลเซอรีนทุกวัน ในปริมาณที่เหมาะสม ถือว่าปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก โดยทั่วไป แนะนำไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน และการใช้ในระยะเวลาสูงสุด 6 เดือนไม่ก่อให้เกิดอันตราย ตามการศึกษาที่ระบุไว้

อย่างไรก็ตาม การใช้ในระยะยาว หรือการบริโภคปริมาณที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง สำหรับสตรีมีครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟอสฟาติดิลเซอรีน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ เกี่ยวกับความปลอดภัย ในกลุ่มนี้ [3]

ผลข้างเคียง ฟอสฟาติดิลเซอรีน

  • อาการนอนไม่หลับ พบในบางราย เมื่อรับประทานในปริมาณสูง (300 มิลลิกรัมขึ้นไป)
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรือไม่สบายท้อง
  • ความเสี่ยงจากแหล่งผลิตเดิม ฟอสฟาติดิลเซอรีนที่เคยผลิตจากสมองวัว อาจมีความเสี่ยง ต่อโรควัวบ้า (ปัจจุบันส่วนใหญ่ ผลิตจากพืช เพื่อความปลอดภัย)
  • ปฏิกิริยาระหว่างยา อาจมีปฏิกิริยา กับยาบางชนิด เช่นยาลดความดันโลหิต

สรุป ฟอสฟาติดิลเซอรีน สารอาหารที่มีบทบาทต่อสมอง

ฟอสฟาติดิลเซอรีนเป็นสารอาหาร ที่มีบทบาทสำคัญ ต่อสุขภาพสมอง ระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเสริมสร้างความจำ ลดความเครียด และส่งเสริมสมาธิ แม้ว่าจะมีอยู่ในอาหารจากธรรมชาติ แต่ในบางกรณี การเสริมอาหาร อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Wellness Whisperer
Wellness Whisperer

แหล่งอ้างอิง